6 วิธีช่วยพนักงานพาร์ทไทม์-พนักงานรายวัน กู้ซื้อบ้านให้ผ่านฉลุย

DDproperty Editorial Team
6 วิธีช่วยพนักงานพาร์ทไทม์-พนักงานรายวัน กู้ซื้อบ้านให้ผ่านฉลุย
การจะซื้อบ้านสักหลัง ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะผู้ที่มีอาชีพเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ หรือพนักงานรายวัน ซึ่งมีรายได้ไม่สม่ำเสมอเหมือนมนุษย์เงินเดือนทั่วไป จึงนับว่าเป็นอุปสรรคต่อการขอกู้ซื้อบ้านจากธนาคารไม่น้อย แต่ก็ใช่ว่าจะหมดหนทางเสียทีเดียว หากผู้กู้เป็นพนักงานพาร์ทไทม์หรือพนักงานรายวัน ที่มีวินัยทางการเงินที่ดี มีสภาพคล่องของบัญชีที่สม่ำเสมอ ก็มีสิทธิ์ลุ้นในการขอกู้ซื้อบ้านได้เช่นกัน ลองมาดู 6 วิธีที่จะช่วยให้พนักงานพาร์ทไทม์หรือพนักงานรายวันกู้ซื้อบ้านได้ผ่านฉลุย

เมื่อเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ต้องเตรียมตัวอย่างไร

หนึ่งในปัญหาสำคัญของผู้ที่เป็นพนักงานพาร์ทไทม์หรือพนักงานรายวันที่ต้องการกู้ซื้อบ้านคือ “ความไม่มั่นคงของรายได้” เหมือนพนักงานประจำทั่วไป ที่มีเงินเดือนเท่ากันทุกเดือน ซึ่งธนาคารส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญกับที่มาของรายได้และสถานะการทำงานของผู้กู้ที่ต้องมีความมั่นคง สามารถตรวจสอบได้จริง เพื่อให้การันตีได้ว่าผู้กู้มีความสามารถที่จะจ่ายคืนธนาคารได้ทุกเดือน โดยไม่มีปัญหาสภาพคล่องทางการเงินนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ทำงานเป็นพนักงานพาร์ทไทม์หรือพนักงานรายวันก็ยังสามารถทำเรื่องขอกู้ซื้อบ้านได้ โดยการเตรียมตัวดังนี้

1. สำรวจเงื่อนไขสินเชื่อของธนาคารที่เหมาะสม

ก่อนที่จะทำการขอสินเชื่อเพื่อกู้ซื้อบ้าน ควรสำรวจเงื่อนไขของแต่ละธนาคารว่าเหมาะสมกับสถานะการเงินและสภาพคล่องของตนเองที่เป็นพนักงานพาร์ทไทม์หรือไม่ เช่น วงเงิน การผ่อนชำระ และดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย หรือเงื่อนไขว่าผู้กู้ต้องประกอบอาชีพไม่ต่ำกว่า 1 ปีขึ้นไป ไปจนถึงระยะเวลากู้ และอายุผู้ของกู้ เพื่อให้สามารถวางแผนทางการเงินได้

2. จัดการรายได้ให้มีความแน่นอน

สำหรับพนักงานพาร์ทไทม์หรือพนักงานรายวันที่รับเงินเป็นงวด หรือรับเงินเป็นก้อนทุกเดือน ต้องแสดงหลักฐานให้ธนาคารเห็นว่า ในแต่ละเดือน หรือรอบ 3 เดือน หรือในรอบปี มีรายได้เป็นอย่างไร มีรอบการรับเงินสม่ำเสมอหรือไม่ และตัวเลขที่ได้รับมีขั้นสูง ขั้นต่ำหรือค่าเฉลี่ยเป็นอย่างไร
โดยอัปเดตสมุดบัญชี หลังจากการรับรายได้ทุกครั้งควบคู่ไปกับหลักฐานเอกสารการรับเงิน ไม่ว่าจะเป็นเอกสาร 50 ทวิ ใบเสร็จ หนังสือสัญญา หรือเอกสารการจ้างงาน และควรมีการเดินบัญชีในระยะยาวไม่ต่ำกว่า 6 เดือนขึ้นไป

3. มีเงินเก็บ

การฝากเงินอย่างสม่ำเสมอช่วยให้ธนาคารเห็นว่าผู้ขอกู้สินเชื่อมีรายได้ที่แน่นอน สิ่งที่พนักงานพาร์ทไทม์หรือพนักงานรายวันควรทำ คือ การกำหนดเงินที่จะฝากเข้าบัญชีที่แน่นอน เช่น ทุกวันที่ 1 ของเดือน และจำนวนเงินที่ฝากก็มีความสม่ำเสมอ เช่น เดือนละ 8,000 บาท
ยิ่งฝากจำนวนมากกว่าปกติก็ยิ่งดี แต่ไม่ควรต่ำกว่าจำนวนที่ตั้งใจไว้ เพราะนี่คือหลักฐานการบันทึกการเดินทางของกระแสเงินสดของผู้กู้ซื้อบ้าน ซึ่งธนาคารนำมาใช้พิจารณาความเสี่ยง โดยการขอ Statement ย้อนหลังประมาณ 6-12 เดือน หากผู้ขอกู้สินเชื่อมีการวางแผนการใช้จ่ายที่ดี รวมถึงลดการถอนเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้ยอดเงินคงเหลือมีอัตราสะสมเพิ่มขึ้น ก็จะช่วยให้การอนุมัติสินเชื่อผ่านได้ง่ายขึ้น

4. แสดงหลักฐานการทำงานที่น่าเชื่อถือ

แสดงหลักฐานเพื่อพิสูจน์ให้ธนาคารเห็นว่างานที่ผู้ขอสินเชื่อทำอยู่นั้นมีอยู่จริง เช่น เอกสารสัญญาจ้างงาน ซึ่งธนาคารส่วนใหญ่มักจะพิจารณาสัญญาจ้างงานแบบมีระยะเวลา เพราะมีขอบเขตกำหนดไว้ชัดเจนกว่า นอกจากนี้ควรมีอายุงานอย่างต่ำ 1-2 ปี เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสม่ำเสมอของงานที่ทำ และระยะเวลาที่สามารถสร้างรายได้

5. รักษาประวัติทางการเงินที่ดี

ธนาคารสามารถตรวจสอบประวัติทางการเงินจากผู้ขอกู้สินเชื่อได้จากบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หากมีประวัติการชำระคืนหนี้อย่างสม่ำเสมอก็จะทำให้ปล่อยกู้ได้ง่ายขึ้น ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ พนักงานรายวัน พนักงานฟรีแลนซ์ หรือคนทำงานประจำ ต้องเข้าใจตรงกันว่า ประวัติการชำระสินเชื่อถือเป็นหลักฐานแสดงนิสัยการใช้เงินและความรับผิดชอบของคนได้เป็นอย่างดี

6. กู้ร่วมทำให้การกู้เงินเพื่อซื้อบ้านง่ายขึ้น

การกู้ร่วม ผู้กู้ร่วมต้องมีสายโลหิตเดียวกัน หรือมีความสัมพันธ์ทางเครือญาติ ซึ่งหากเป็นพี่น้องท้องเดียวกันแต่คนละนามสกุล ต้องแสดงทะเบียนบ้านหรือสูติบัตรระบุว่ามีพ่อแม่คนเดียวกัน ส่วนคู่รักที่ไม่ได้จดทะเบียนกัน จำเป็นต้องแสดงหลักฐานการเป็นสามี-ภรรยา เช่น หนังสือรับรองบุตร
แต่แม้ว่าการกู้ร่วมจะทำให้กู้ง่ายกว่าและได้วงเงินมากขึ้น ธนาคารผู้ให้สินเชื่อ ก็ยังมองถึงประเด็นสำคัญว่าผู้กู้ร่วมมีกำลังผ่อนชำระเพียงพอตามที่ธนาคารกำหนดหรือไม่ เพราะทางกฎหมายถือว่าเป็นหนี้ร่วมกัน ดังนั้น ความรับผิดชอบของผู้กู้ต่อธนาคาร คือการชำระหนี้ให้ตรงและต้องยอมรับภาระหนี้ในกรณีที่ผู้กู้อีกคนไม่สามารถชำระหนี้ได้

เอกสารสำคัญที่พนักงานพาร์ทไทม์ต้องเตรียม

การจะขอกู้สินเชื่อจากธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นพนักงานรูปแบบไหน ก็จำเป็นต้องใช้เอกสารต่าง ๆ เพื่อเป็นหลักฐานให้ธนาคารนำไปใช้พิจารณาในการอนุมัติสินเชื่อทุกครั้ง แต่สำหรับผู้ที่ทำงานเป็นพนักงานพาร์ทไทม์หรือพนักงานรายวัน อาจต้องเตรียมเอกสารมากกว่าพนักงานประจำเสียหน่อย โดยต้องใช้เอกสารดังนี้

1. เอกสารส่วนบุคคล

เป็นเอกสารที่ใช้ระบุตัวตนของผู้กู้ เช่น บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส ทะเบียนหย่า ใบเปลี่ยนชื่อ ใบมรณะบัตรหากคู่สมรสเสียชีวิต

2. เอกสารทางการเงิน

สำหรับพนักงานพาร์ทไทม์หรือพนักงานรายวัน จำเป็นต้องใช้เอกสารทางการเงินที่มากกว่าพนักงานประจำ เพราะเป็นเอกสารสำคัญที่ธนาคารใช้พิจารณาเพื่อแสดงความสามารถทางการเงินของผู้กู้สินเชื่อ ไม่ว่าจะเป็น สัญญาจ้างงาน สลิปเงินเดือน บัญชีเงินฝากแสดงรายการเดินบัญชีย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน เอกสารการยื่นเสียภาษีย้อนหลัง 1-3 ปี ใบเก็บภาษี ณ ที่จ่าย เอกสารแสดงสินทรัพย์ส่วนบุคคล เช่น บ้าน รถ ที่ดิน เป็นต้น
วงเงินและระดับราคาบ้านที่เหมาะสำหรับพนักงานพาร์ทไทม์

วงเงินและระดับราคาบ้านที่เหมาะสำหรับพนักงานพาร์ทไทม์

การขอกู้ซื้อบ้านจากธนาคาร ผู้กู้จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพิจารณาราคาบ้านที่จะซื้อว่าเหมาะสมกับรายได้ของตนเองหรือไม่ ซึ่งผู้ที่ทำงานเป็นพนักงานพาร์ทไทม์หรือพนักงานรายวันส่วนใหญ่มักจะมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่สูงมากนัก และรายได้ส่วนนี้จะต้องนำมาใช้คำนวณวงเงินกู้และผ่อนต่อเดือน โดยเบื้องต้นต้องกำหนดก่อนว่า
  • มีรายได้เท่าไหร่
  • ความสามารถในการผ่อนชำระหนี้สินต่อเดือน (ในที่นี้สถาบันการเงินกำหนดไว้ว่าให้เป็น 40%)
  • มูลค่าบ้านหรือคอนโดทีต้องการซื้อเท่าไหร่
เมื่อได้ข้อมูลทั้ง 3 อย่างตามข้างต้นนี้แล้ว มาเริ่มคำนวณหาวงเงินอนุมัติยื่นกู้ ซึ่งมี 2 ขั้นตอน ดังนี้
– ขั้นตอนแรก สูตรคำนวณหาจำนวนเงินผ่อนต่อเดือน
เงินเดือน x 40% = จำนวนเงินผ่อนต่อเดือน
– ขั้นตอนสอง สูตรคำนวณวงเงินกู้สินเชื่อบ้านสูงสุด
(จำนวนเงินผ่อนที่เราจ่ายไหว x 1,000,0000) ÷ 7,000 = วงเงินกู้สินเชื่อบ้านสูงสุด
หมายเหตุ: หลักการเบื้องต้นในการประเมินวงเงินกู้จะคิดจากจำนวนเงินที่ผู้กู้มีความสามารถผ่อนได้ในแต่ละงวดในอัตราส่วน จำนวนเงินผ่อนต่องวด 7,000 บาท ต่อยอดหนี้ 1,000,000 บาท
ยกตัวอย่างเช่น คุณทำงานเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ หรือพนักงานรายวันมา 2 ปี มีรายได้เดือนละ 15,000 บาท มีวิธีคำนวณดังนี้
จำนวนเงินที่ต้องผ่อนต่อเดือน
15,000 x 40% = 6,000 บาท
ในกรณีที่ผู้กู้บ้านมีภาระหนี้สินที่อยู่ระหว่างการผ่อนชำระอยู่แล้ว เช่น ผ่อนรถอยู่ เดือนละ 2,000 บาท ต้องนำหนี้สินที่อยู่ระหว่างการผ่อนอยู่นี้มาลบออกจาก 6,000 บาทข้างต้นด้วย ทำให้ผู้กู้เหลือความสามารถในการผ่อนบ้านต่อเดือนลดลงต่อเดือน คือ
6,000-2,000 = 4,000 บาท
วงเงินกู้สินเขื่อบ้านสูงสุด
ถ้าผู้กู้มีความสามารถในการผ่อนชำระสูงสุด 6,000 บาทต่อเดือน วิธีคิดวงเงินกู้สูงสุดของการกู้ซื้อบ้าน
(1,000,000 x 6,000) ÷ 7,000 = 857,143 บาท
ผู้กู้ที่มีความสามารถในการผ่อนชำระต่องวดสูงสุด 6,000 บาท จะสามารถขอวงเงินกู้ได้สูงสุด 857,143 บาท ดังนั้น โครงการที่ซื้อได้คือบ้านราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท
แม้ว่าผู้ที่ทำงานเป็นพนักงานพาร์ทไทม์หรือพนักงานรายวันจะมีความเสี่ยงสูงในการขอกู้ซื้อบ้านจากธนาคาร แต่ถ้าหากมีวินัยทางการเงินที่ดี มีการออมเงินสม่ำเสมอ รวมทั้งมีหลักฐานทางการเงินที่ถูกต้องครบถ้วน ก็สามารถขอกู้กับธนาคารที่มีเงื่อนไขเหมาะสมกับรายได้ของตนเองได้ และด้วยภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน มีหลายธนาคารที่ออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านเพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อยด้วยเช่นกัน
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า

คำนวณยอดผ่อนต่อเดือน

คำนวณยอดผ่อนชำระต่อเดือนตามอัตราดอกเบี้ยของคุณด้วยเครื่องมือคำนวณสินเชื่อนี้

คำนวณวงเงินกู้สูงสุด

คำนวณสินเชื่อบ้าน ยอดวงเงินกู้บ้านใหม่ที่คาดว่าจะได้รับจากแบงก์และยอดผ่อนชำระในแต่ละเดือน

คำนวณสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน

เช็กยอดผ่อนชำระต่อเดือนอัตราใหม่และจำนวนเงินที่คุณสามารถประหยัดได้หลังจากการทำรีไฟแนนซ์