วิธีเปลี่ยนหลอดไฟด้วยตัวเอง และรู้จัก 5 ชนิดของหลอดไฟ

DDproperty Editorial Team
วิธีเปลี่ยนหลอดไฟด้วยตัวเอง และรู้จัก 5 ชนิดของหลอดไฟ
วิธีเปลี่ยนหลอดไฟ เรื่องที่ควรรู้เป็นอย่างยิ่ง เพราะหลอดไฟคือสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งภายในบ้าน ที่ช่วยให้แสงสว่าง ซึ่งเชื่อว่าหลายคนต้องเคยพบกับปัญหาของหลอดไฟเสีย หมดอายุการใช้งาน ซึ่งบางครั้งไม่สามารถตามช่างมาแก้ไขหรือติดตั้งได้ทันที ลองมาดูรู้จักตั้งแต่ชนิดของหลอดไฟ หลอดไฟแบบไหนประหยัดพลังงาน และวิธีเปลี่ยนหลอดไฟง่าย ๆ ที่ไม่ว่าจะเป็นคุณผู้หญิง หรือคุณผู้ชายก็สามารถทำตามได้ง่าย ๆ ด้วยตัวคุณเอง
อ่านหัวข้อที่คุณสนใจ

รู้จักชนิดของหลอดไฟ

ก่อนจะไปถึงวิธีเปลี่ยนหลอดไป ลองมาทำความรู้จักก่อนว่าหลอดไฟมีกี่ชนิด ซึ่งใหลอดไฟแต่ละชนิดมี ข้อดี และข้อเสีย ที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
ชนิดของหลอดไฟลักษณะ
หลอดไส้ขนาดเล็ก อายุการใช้งานสั้น กินไฟมาก
หลอดฟลูออเรสเซนต์ให้แสงสว่างและมีอายุการใช้งานมากกว่าหลอดไส้
หลอดฮาโลเจนทนทานกว่าหลอดไส้ ให้ค่าความถูกต้องของสีถึง 100%
หลอดคอมแพคต์ฟลูออเรสเซนต์มีรูปร่างหลากหลาย อายุการใช้งานนานกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์
หลอดไฟ LEDไม่มีความร้อน อายุการใช้งานนาน ให้แสงสว่างมาก ถนอมสายตา ประหยัดไฟ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

1. หลอดไส้ (Incandescent Lamp)

หลอดไฟที่มีการใช้งานมาอย่างยาวนาน เรียกอีกชื่อว่า "หลอดดวงเทียน" เพราะสีของแสงคล้าย ๆ กับแสงเทียน มีทั้งชนิดแบบแก้ว และฝ้า วิธีการทำงานคือ กระแสไฟฟ้าจะผ่านไส้หลอดเปลี่ยนจากพลังงานไฟฟ้าเป็นความร้อน เมื่อไส้หลอดร้อนจะเปล่งแสงออกมา ข้อดีคือ มีขนาดเล็ก ข้อเสียคือ อายุการใช้งานสั้น และกินไฟมาก ทำให้ค่าไฟแพง

2. หลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent tube)

หลอดหลูออเรสเซนต์ หรือหลอดเรืองแสง ตัวหลอดจะมีไส้โลหะทังสเตนติดอยู่ที่ปลายทั้ง 2 ข้างของหลอด ผิวภายในฉาบด้วยสารเรืองแสง โดยมีการใส่ไอปรอทไว้เล็กน้อย หลักการทำงานคือ กระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านปรอทแล้วคายพลังงานในรูปแบบรังสีอัลตราไวโอเลต เมื่อกระทบสารเรืองแสงที่ฉาบไว้ในหลอดก็จะเปล่งแสงออกมา
ข้อดีคือให้แสงสว่างมากกว่าหลอดไส้ถึง 5 เท่า อายุการใช้งานนานกว่าหลอดไส้ประมาณ 7-8 เท่า หรือประมาณ 6,000-20,000 ชั่วโมง

3. หลอดฮาโลเจน (Halogen)

พัฒนามาจากหลอดไส้ โดยใช้ก๊าซฮาโลเจนบรรจุภายในทำให้ทนทานกว่าหลอดไส้ปกติ จะให้ค่าความถูกต้องของสีถึง 100% เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการแสงสว่างเป็นพิเศษ เช่น มุมอับของบ้าน ห้องทำงาน อายุการใช้งานประมาณ 1,500-3,000 ชั่วโมง

4. หลอดคอมแพคต์ฟลูออเรสเซนต์ (Compact fluorescent)

หลอดคอมแพคต์ฟลูออเรสเซนต์ หรือหลอดตะเกียบ มีการทำงานคล้ายหลอดฟลูออเรสเซนต์ มีทั้งแบบที่มีบัลลาสต์ในตัว และแบบอยู่ภายนอก มีรูปร่างที่หลากหลาย เช่น แบบเกลียว แบบหลอด แบบหลอดสี่แถว โดยจะมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์

5. หลอด LED

หลอดไฟ LED (Light-Emitting Diode) มีหลักการทำงานจะต่างจากหลอดทั่ว ๆ ไป โดยแสงสว่างเกิดขึ้นจากการเคลื่อนของอิเล็กตรอนภายในสารกึ่งตัวนำ มีข้อดีหลายด้าน เช่น ไม่มีความร้อน เพราะไม่มีการเผาไส้หลอด อายุการใช้งานยาวนานถึง 50,000 ชั่วโมง ใช้วัตตน์น้อย แต่ให้แสงสว่างมาก แต่ถนอมสายตา
ข้อดีที่สำคัญมาก ๆ ของหลอด LED คือ ประหยัดค่าไฟได้สูงสุดถึง 60% และไม่มีสาร UV และสารปรอท เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และช่วยลดภาวะโลกร้อน
ค่าไฟขึ้นหรือไม่ ถ้าใช่ หาคำตอบว่าทำไม "ค่าไฟแพง"
เปลี่ยนมาใช้หลอดไฟประหยัดพลังงานก็เป็นตัวเลือกที่ดี

วิธีการตรวจสอบหลอดไฟ

หลอดไฟเสียมักมีอาการหลายแบบ โดยสามารถตรวจสอบอาการและวิธีแก้ไขเบื้องต้นได้ดังนี้

1. หลอดเสื่อมสภาพ

การเสื่อมสภาพของหลอด สังเกตได้ง่าย ๆ คือ ขั้วหลอดจะมีสีดำ หากมีสภาพนี้ต้องเปลี่ยนหลอดไฟ

2. อาการหลอดสั่น หรือมีแสงกะพริบตลอดเวลา

อาจเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น บัลลาสต์เสีย สตาร์ตเตอร์เสีย หากเกิดจากสาเหตุข้างต้นก็ต้องเปลี่ยนบัลลาสต์ หรือสตาร์ตเตอร์ หรืออาจเกิดจากแรงดันไฟฟ้าภายในบ้านต่ำ วิธีนี้ต้องเปลี่ยนหม้อแปลงให้เหมาะสมกับปริมาณการใช้ไฟฟ้า

3. หลอดไฟใช้เวลานานกว่าจะสว่าง

อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น สตาร์ทเตอร์เสื่อม ก็ต้องเปลี่ยนสตาร์ตเตอร์ หรืออาจเกิดจากหลอดไฟเสื่อมก็จะต้องแก้ไขด้วยการเปลี่ยนหลอดไฟ นอกจากนี้อาจเป็นเพราะแรงดันไฟฟ้าภายในบ้านต่ำก็ต้องเปลี่ยนหม้อแปลงให้เหมาะสมกับปริมาณการใช้ไฟฟ้า

4. มีเสียงดังขณะเปิด

หากเกิดเสียงดังขณะเปิด และใช้เวลานานกว่าเสียงนั้นจะหายไป อาจเกิดจากแกนเหล็กของบัลลาสต์หลวม ต้องเปลี่ยนบัลลาสต์

เตรียมตัวก่อนเปลี่ยนหลอดไฟง่าย ๆ ด้วยตัวเอง

วิธีเปลี่ยนหลอดไฟง่าย ๆ เริ่มต้นคุณจะต้องเตรียมตัวก่อนจะเปลี่ยนหลอดไฟ ดังนี้
1. ทำการปิดสวิชต์ของหลอดที่เสียให้เรียบร้อยก่อน เพื่อป้องกันการถูกไฟช็อต หรือไฟดูด
2. เตรียมบันไดให้พร้อมใช้งาน เพื่อทำการเปลี่ยนได้อย่างสะดวก ไม่ควรใช้เก้าอี้ หรือวัสดุอื่น เพราะอาจเกิดอันตรายได้ง่าย
3. หากมีถุงมือผ้า สามารถนำมาใส่ในขณะจับหลอดไฟได้ เพื่อความปลอดภัย แต่ระวังหลอดไฟลื่นหลุดมือ หรือหากถุงมือหนาเกินไปอาจจับหลอดไฟไม่ถนัดมือ
4. หากหลอดไฟยังมีความร้อน ให้พักและรอให้เย็นก่อน จึงค่อยเปลี่ยน
วิธีเปลี่ยนหลอดไฟง่าย ๆ คุณผู้หญิงก็ทำได้ด้วยตัวเอง

วิธีการเปลี่ยนหลอดไฟง่าย ๆ ด้วยตัวเอง

1. การเปลี่ยนหลอดไฟแบบขาสปริง

หลอดไฟแบบขาปริง จะมีวิธีเปลี่ยนหลอดไฟแตกต่างจากหลอดแบบขาทั่วไป โดยวิธีการเปลี่ยนคือ ให้ดันไปข้างใดข้างหนึ่งก่อนแล้วจึงดึงลง จากนั้นก็นำหลอดไฟใหม่มาใส่ โดยใส่ทีละข้างให้ดันข้างใดข้างหนึ่งเข้าไปก่อน แล้วค่อยใส่อีกข้าง

2. การเปลี่ยนหลอดแบบขาทั่วไป

หลอดไฟแบบขาทั่วไปจะเป็นลักษณะการหมุนเกลียวลงล็อก วิธีการเปลี่ยนหลอดไฟชนิดนี้คือ ให้หมุนหลอดไฟไปมาให้ขาหลุดออกจากล็อกทั้งสองข้างแล้วค่อยดึงลงมา จากนั้นนำหลอดไฟใหม่มาใส่ โดยจะใส่หลอดไฟใหม่เข้าไปทีละข้างด้วยการหมุนให้เข้าล๊อคเหมือนเดิม

3. การเปลี่ยนบัลลาสต์

ก่อนอื่นให้ปิดสวิตซ์ไฟก่อน จากนั้นให้ถอดฝาครอบออก ตัวบัลลาสต์จะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าติดตั้งอยู่บนรางไฟ จากนั้นใช้ไขควงปากแบนถอดขั้วต่อสายบัลลาสต์ แล้วดึงสายออก ไขเอาบัลลาสต์ออกมา แล้วนำตัวใหม่มาใส่แทนที่ แล้วไขสกรูให้แน่นและต่อสายเข้าเหมือนเดิม ปิดฝากครอบเท่านี้ก็เรียบร้อย

4. การเปลี่ยนสตาร์ตเตอร์

ให้ถอดสตาร์ตเตอร์ของเดิมออกมาก่อน โดยให้หมุนเอาสตาร์ตเตอร์ออกจากล็อก แล้วปลดออกใส่อันใหม่กลับเข้าไป ให้หันด้านที่มีขั้วเสียบเข้าไปในช่องเดิมแล้วหมุนให้แน่นก็เรียบร้อย
ทั้งนี้ หลอดไฟปัจจุบันหลายแบบ อาทิ หลอดตะเกียบจะไม่มีสตาร์เตอร์และบัลลาสต์แล้ว เมื่อหลอดเสีย ก็เพียงหมุนถอดหลอดเก่า เปลี่ยนหลอดใหม่เข้าไปก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

ใช้หลอดไฟอย่างไรให้ประหยัด

– ใช้หลอดไฟฟ้าวัตต์ต่ำ ในบริเวณที่ไม่จำเป็นต้องใช้แสงสว่างมากนัก เช่น บริเวณเฉลียงทางเดิน ห้องน้ำ ซึ่งการใช้หลอดไฟฟ้าวัตต์ต่ำจะกินไฟน้อยกว่า
– หมั่นทำความสะอาดอุปกรณ์ไฟฟ้า ขั้วหลอดและตัวหลอดไฟ รวมทั้งโคมไฟและโป๊ะไฟต่าง ๆ ควรทำความสะอาดเสมอ เพราะถ้าขั้นหลอดสะอาด กระแสไฟฟ้าเดินได้สะดวก จะไม่มีกระแสไฟฟ้าสูญเปล่า แสงสว่างจะเปล่งออกมาได้หมด
– ตกแต่งบ้านด้วยเฟอร์นิเจอร์หรือสีห้องที่สดใส ผนังห้องหรือเฟอร์นิเจอร์ที่มีสีคล้ำ ๆ ทึบ ๆ จะดูดแสง ทำให้ห้องดูมืดกว่าห้องที่ทาสีอ่อน ๆ สำหรับบ้านเก่าหรือบ้านไม้ที่ไม่ได้ทาสี สามารถแก้ไขไโดยตกแต่งผนังด้วยภาพหรือวอลเปเปอร์
– ผนังช่วยสะท้อนแสง ผนังห้องที่ทาสีออกขาวนวล จะมองสว่างตาแม้ในเวลากลางวัน เมื่อเวลาเปิดไฟห้องจะสว่างมากกว่าห้องที่ทาสีเข้ม
– ใช้โคมไฟสำหรับงานเฉพาะแห่ง การใช้โคมไฟตั้งโต๊ะหรือตั้งพื้นเพื่อการใช้งานเฉพาะแห่ง เช่น อ่านหนังสือ หรือเย็บผ้า ช่วยประหยัดไฟได้กว่าการเปิดไฟให้สว่างทั้งห้อง
– ปิดไฟทุกครั้งเมื่อไม่จำเป็น การเปิด-ปิดไฟบ่อย ๆ ไม่ทำให้เปลืองไฟ ดังนั้น ถ้าต้องการออกจากห้องซักเพียง 1-2 นาที ควรปิดไฟก่อน รวมทั้งหมั่นตรวจสอบการใช้ไฟตามจุดต่าง ๆ ภายในบ้านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการลืมเปิดไฟทิ้งไว้
ข้อมูลข้างต้นจากการไฟฟ้านครหลวง
ทั้งนี้ การปิดหลอดไฟช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่าที่คิด ตัวอย่างเช่น ถ้าใช้หลอดไฟขนาด 40 วัตต์ เป็นเวลา 1 ชั่วโมง จะทำให้เกิดการใช้ไฟฟ้า 0.04 หน่วย หากปิดหลอดไฟ 1 ดวงเป็นระยะเวลา 1 ชั่วโมง จะทำให้ประหยัดเงินไปได้ 0.18 บาท หากปิดไฟวันละ 10 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 1 เดือน จะทำให้ประหยัดค่าไฟฟ้าไปได้ 54 บาท
อย่างไรก็ตาม วิธีการข้างต้นนั้นเป็นเพียงพื้นฐานของการเปลี่ยนหลอดไฟเท่านั้น หากมีปัญหาอื่น ๆ เกี่ยวกับระบบไฟ อย่าชะล่าใจ เรียกหาสมาชิกในบ้านที่มีความรู้ในด้านนี้ หรือช่างผู้ชำนาญการมาเปลี่ยนจะปลอดภัยกว่า เพราะเรื่องของไฟฟ้าไม่ใช่เรื่องเล่น หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอาจสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินได้
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า

คำนวณยอดผ่อนต่อเดือนตามระยะเวลากู้

เพียงใส่ยอดเงินกู้ที่คุณต้องการ เราจะคำนวณให้คุณเห็นถึงยอดผ่อนชำระต่อเดือนตามระยะเวลาผ่อนและอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกัน

คำนวณยอดผ่อนต่อเดือน

คำนวณยอดผ่อนชำระต่อเดือนตามอัตราดอกเบี้ยของคุณด้วยเครื่องมือคำนวณสินเชื่อนี้

คำนวณวงเงินกู้สูงสุด

คำนวณสินเชื่อบ้าน ยอดวงเงินกู้บ้านใหม่ที่คาดว่าจะได้รับจากแบงก์และยอดผ่อนชำระในแต่ละเดือน