การลาออกจากงานดีหรือไม่ จริง ๆ แล้วถือเป็นเรื่องปกติที่ล้วนเกิดขึ้นกับทุกคน ไม่ว่าจะด้วยเพราะต้องการหาประสบการณ์ใหม่ ต้องการความก้าวหน้าในสายอาชีพ หรือแม้กระทั่งต้องการหลีกหนีจากความไม่สบายใจในที่ทำงาน แต่หากคุณกำลังจะยื่นซองขาวในช่วงที่ได้ยื่นหรือกำลังจะยื่นเอกสารสมัครสินเชื่อบ้าน การเปลี่ยนงานหรือการว่างงานจะมีผลกระทบอะไรกับการขอสินเชื่อหรือไม่ เรามีคำแนะนำดี ๆ มาฝากกัน แต่ก่อนอื่นต้องขออธิบายเกณฑ์ในการอนุมัติสินเชื่อบ้านว่ามีอะไรบ้าง
เกณฑ์สำคัญในการพิจารณาสินเชื่อบ้าน
1. อายุของผู้ขอกู้
ต้องบรรลุนิติภาวะแล้ว นั่นคือมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป แต่ต้องไม่เกิน 70 ปีเนื่องจากธนาคารจะถือว่าคนวัยเกษียณนี้ไม่ได้ทำงาน ส่งผลให้เป็นผู้ที่ไม่มีรายได้และกลายเป็นผู้ที่ไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ได้อีกต่อไป
2. ประวัติการใช้หนี้หรือมีคะแนนเครดิตที่ดี
การมีประวัติที่ดีนั้นแสดงให้เห็นว่าคุณสามารถจัดสรรการเงินของตัวคุณเองได้ ส่งผลให้ธนาคารมองว่าคุณเป็นผู้ที่มีความสามารถในการใช้หนี้ก้อนใหญ่นี้ได้ และมีแนวโน้มว่าจะไม่เบี้ยวหนี้ในอนาคต ดังนั้น หากเป็นไปได้ ก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้อบ้าน ให้สมัครบัตรเครดิตหรือขอสินเชื่อ วางแผนและใช้จ่ายอย่างเหมาะสมเพื่อให้มีทั้งเงินชำระบัตรเครดิตและเงินเก็บ รวมไปถึงชำระบิลตรงเวลาทุกเดือน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติมากยิ่งขึ้น
3. ระยะเวลาในการทำงาน
นี่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ เพราะเป็นตัวชี้วัดความมั่นคงของผู้ขอกู้ แสดงให้เห็นว่าคุณเป็นผู้ที่มีงานเป็นหลักแหล่ง ไม่มีแนวโน้มว่าจะว่างงานหรือขาดรายได้ ทำให้ผู้พิจารณาสินเชื่อมองว่าคุณจะมีความสามารถในการใช้หนี้หลังจากได้รับอนุมัติ
4. รายได้ประจำทุกเดือน
การมีรายได้ที่มั่นคงคือสิ่งที่สำคัญที่สุด และผู้ขอสินเชื่อต้องมีหลักฐานของรายได้ประกอบการพิจารณาด้วย โดยธนาคารจะให้วงเงินอนุมัติสินเชื่อบ้านสูงสุดไม่เกิน 40 เท่าของรายได้ หรือให้ผ่อนสินเชื่อบ้านต่องวดได้ไม่เกิน 60% ของรายได้ต่อเดือน ซึ่ง 60% นี้ไม่ได้หมายความถึงภาระค่างวดบ้านต่อเดือนเท่านั้น ยังรวมไปถึงภาระหนี้อื่นด้วย เช่น หนี้ผ่อนบัตรเครดิตขั้นต่ำ ค่างวดรถยนต์ เป็นต้น
หากมีภาระหนี้ต่อเดือนอื่น ๆ มากจนเกือบเท่ากับ 60% ของรายได้ ธนาคารอาจตัดสินใจไม่อนุมัติสินเชื่อบ้าน เนื่องจากภาระหนี้จะมากเกินความสามารถในการชำระหนี้ ดังนั้น หากกำลังตัดสินใจจะกู้ซื้อบ้าน เราขอแนะนำให้คุณจัดการปิดหนี้ที่มีอยู่ให้หมดก่อนที่จะยื่นกู้ซื้อบ้านจะดีที่สุด
- อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคนิคในการเลือกสินเชื่อบ้านให้ได้ดอกเบี้ยสมเหตุผลไม่แพงจนเกินไป

ถ้าคิดจะลาออกจากงานขณะกำลังขอสินเชื่อบ้าน
ดังที่กล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่ารายได้ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อบ้านของธนาคาร หากธนาคารรู้ว่าผู้ขอสินเชื่อจะลาออกจากงานประจำ นั่นหมายความรายได้ที่เคยได้ในแต่ละเดือนจะหายไป แปลว่า ความสามารถในการใช้หนี้คืนก็จะหายไปด้วย แม้ว่าจะได้งานใหม่และมีรายได้ต่อเนื่อง แต่การเริ่มต้นงานใหม่มีความเสี่ยงสูงในการว่างงานเนื่องจากอาจไม่ผ่านการประเมินทดลองงาน และนั่นหมายความว่าอาจจะผิดนัดชำระหนี้ได้ในอนาคต ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการพิจารณาสินเชื่อบ้าน และธนาคารอาจจะไม่อนุมัติสินเชื่อได้
ควรลาออกจากงานเมื่อโอนฯ และจดจำนองเสร็จแล้ว
อย่าเพิ่งตัดสินใจลาออกจากงาน เราขอแนะนำให้รอจนกว่าธนาคารจะอนุมัติสินเชื่อบ้าน รวมทั้งดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ และจดจำนองบ้านให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นจึงค่อยยื่นจดหมายลาออกจากงาน แล้วไปเริ่มทำงานที่ใหม่ ได้ทั้งบ้านใหม่ ได้ทั้งงานใหม่สบายใจ ช้าหน่อยแต่ชัวร์กว่า
หากคิดจะลาออกจากงานทันทีหลังจากที่ยื่นกู้สินเชื่อบ้าน ขอให้ตรึกตรองให้ดีว่า งานที่ใหม่ที่จะลาออกจากงานไปทำนั้นเป็นงานที่ไปได้ดี บริษัทมีความมั่นคง ไม่มีแนวโน้มจะต้องปิดตัวหรือลดจำนวนพนักงาน และสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง เพราะการผ่อนสินเชื่อบ้านนั้นถือเป็นภาระที่หนักและยาวนานมาก และหากต้องสูญเสียงานระหว่างที่มีหนี้ก้อนโตนี้ คงไม่ใช่เรื่องสนุกแน่ ๆ
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ