โครงสร้างอาคาร โครงสร้างบ้าน จำเป็นต้องมีการตรวจเช็กอย่างละเอียดก่อนซื้อหรือเข้าอยู่อาศัย เหตุผลหลักคือเพื่อให้มั่นใจได้ในเรื่องของความปลอดภัยว่าตัวอาคารหรือตัวบ้านมีความแข็งแรง มั่นคง จะไม่เกิดการทรุดตัวหรือถล่มในภายหลัง
แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าโครงสร้างอาคาร โครงสร้างบ้านที่ดีนั้นควรเป็นอย่างไร และแบบไหนที่เรียกว่าเลี่ยง มีวิธีตรวจสอบโครงสร้างอาคาร โครงสร้างบ้านในเบื้องต้นที่ควรศึกษาทำความเข้าใจ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ
อ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
วิธีตรวจสอบโครงสร้างอาคารก่อนซื้อ
ตรวจสภาพภายนอกบ้าน
- วิเคราะห์สภาพบริเวณรอบ ๆ บ้านว่ามีการทรุดตัวหรือไม่ มากน้อยแค่ไหน โดยสามารถสังเกตได้จากลานจอดรถหรือลานซักล้าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงสร้างแผ่นพื้นวางบนดิน เพื่อเช็กการทรุดตัวของสภาพดินในบริเวณนั้น
- สังเกตว่าน้ำฝนจากอาคารข้างเคียงสามารถไหลเข้ามาในบริเวณบ้านได้หรือไม่
- มีต้นไม้ใหญ่ยื่นเข้ามาบังแดดหรือมีรากชอนไชสามารถจะดันกำแพงบ้านเสียหายหรือไม่
- ตรวจเช็กที่ตั้งของบ้านว่าอยู่ในที่ลุ่ม น้ำท่วมบ้านหรือไม่ และมีระดับต่ำกว่าถนนหน้าบ้านแค่ไหน เพื่อตรวจเช็กความเสี่ยงในการเกิดปัญหาน้ำท่วมบ้าน
- ตรวจเช็กว่าอาคารข้างเคียงมีการขุดบ่อหรือสระใกล้บ้าน จนอาจทำให้บ้านทรุดพังได้หรือไม่ หรือหากอาคารข้างเคียงมีการถมที่ดิน สูงกว่าระดับพื้นในบ้านมาก ก็อาจทำให้รั้วหรือตัวบ้านถูกดินจากฝั่งอาคารข้างเคียงดันจนเกิดความความเสียหายได้เช่นกัน
- ตรวจเช็กหลังคาบ้านว่ามีน้ำฝนรั่วซึมเข้าบ้านหรือไม่ เริ่มจากการสังเกตฝ้าเพดานภายในบ้านว่ามีอาการบวมพอง หรือมีคราบน้ำซึมหรือไม่ โดยการทดลองฉีดน้ำบนหลังคาบริเวณนั้น เพื่อตรวจเช็กว่าหลังคายังรั่วอยู่หรือไม่
- ตรวจเช็กสภาพสีบนผนังบ้าน ว่ามีร่องรอยด่างบวม เนื่องจากความชื้นเพราะน้ำฝนหรือน้ำจากห้องน้ำไหลซึมเข้ามาในผนังหรือไม่
ตรวจสอบระบบภายใน
- ตรวจระบบประปาว่ามีการรั่วซึมของน้ำบริเวณผนังและใต้พื้นห้องน้ำหรือไม่ โดยทดลองปิดก๊อกน้ำในบ้านทุกจุด แล้วตรวจว่ามิเตอร์น้ำยังเดินอยู่หรือไม่ หากมิเตอร์ยังเดินอยู่อาจเป็นเพราะอุปกรณ์ในถังพักโถสุขภัณฑ์เสื่อม ให้เปลี่ยนแล้วตรวจเช็กอีกครั้ง ถ้ายังมิเตอร์น้ำยังเดินอยู่ สันนิฐานได้ว่าระบบท่อน้ำประปาอาจรั่ว
- ตรวจเช็กระบบไฟฟ้า สังเกตสายไฟว่าเสื่อมคุณภาพหรือไม่ หากฉนวนหุ้มสายไฟฟ้ามีรอยแตกหรือกรอบ ควรเปลี่ยนใหม่ทั้งชุด
ตรวจสภาพโครงสร้างอาคาร
- สังเกตภาพรวมของตัวบ้านว่าอยู่ในแนวดิ่ง ตั้งฉากกับพื้นหรือไม่ โดยเฉพาะโครงสร้างเสาบ้านและคานบ้านรับน้ำหนักบ้านจะต้องไม่แอ่นหรือเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง
- ตรวจหารอยร้าวในคานบ้านและเสาบ้าน หากพบว่าเป็นรอยร้าวที่เกิดกับเนื้อคอนกรีตซึ่งเป็นโครงสร้างข้างในของเสาบ้านและคานบ้าน ไม่ใช่แค่รอยร้าวของปูนฉาบที่ผิวหน้า ควรเรียกวิศวกรผู้เชี่ยวชาญมาช่วยตรวจสอบไม่ว่าในกรณีใด เพื่อความปลอดภัย เนื่องจากโครงสร้างหลักที่สำคัญทำหน้าที่ในการรับน้ำหนักของบ้าน
- สังเกตลักษณะรอยแตกร้าวบนพื้นภายในบ้านว่าเป็นรอยร้าวที่ส่งผลต่อความแข็งแรงของโครงสร้างอาคารหรือไม่ หากเป็นบ้านสองชั้น อาจจำเป็นต้องรื้อฝ้าเพดาน เพื่อตรวจเช็กให้แน่ใจว่าท้องพื้นชั้นบนมีรอยร้าวด้วยหรือไม่ เพราะพื้นบ้านส่วนใหญ่มักจะมีวัสดุปิดผิวเพื่อตกแต่งพื้น ทำให้ไม่สามารถมองเห็นรอยร้าวบนพื้นได้ หรือหากมีรอยแตกร้าวก็อาจเป็นเพียงรอยร้าวของผิววัสดุตกแต่งพื้นเท่านั้น
- สังเกตลักษณะรอยร้าวบนผนังบ้านว่าเป็นรอยร้าวที่ส่งผลต่อความแข็งแรงของโครงสร้างอาคารหรือไม่
ลักษณะรอยร้าวบนพื้น | สาเหตุ |
รอยร้าวใต้ท้องพื้นรูปกากบาท รอยร้าวบริเวณกลางพื้น | พื้นรับน้ำหนักมากเกินไป เป็นสัญญาณเตือนภัยก่อนพื้นจะพังทลายลงมา |
รอยร้าวมีสนิมบริเวณเหล็กเสริมใต้ท้องพื้น | ขั้นตอนการก่อสร้างไม่ดี พบได้บ่อยกับพื้นหลังคาดาดาฟ้าที่มีน้ำขัง ทำให้ความสามารถในการรับน้ำหนักของพื้นน้อยลงจนอาจเป็นอัตรายได้ |
รอยร้าวแบบแตกลายงาบนพื้น | พื้นผิวมีความหนามากเกินไป พบได้ในพื้นที่ไม่ได้ปูวัสดุปิดผิว เช่น พื้นหินขัด พื้นคอนกรีตขัดมัน |
ลักษณะรอยร้าวบนผนัง | สาเหตุ |
รอยร้าวบนผนังแตกลายงาทั่วผนัง | การผสมปูนฉาบผนังไม่ดี หรือผนังมีการหดตัวจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิระหว่างเวลากลางวันและกลางคืนเป็นเวลานาน จนเนื้อปูนฉาบแตกเป็นรอยร้าวลายงา พบบ่อยที่ขอบวงกบประตูหน้าต่าง |
รอยร้าวทแยงมุมบนผนัง | การทรุดตัวของฐานรากหรือเสาบ้านที่อยู่ใกล้กับผนังบริเวณนั้น บ่งบอกถึงอันตรายในความแข็งแรงของโครงสร้างบ้าน ควรเรียกวิศวกรผู้เชี่ยวชาญมาช่วยตรวจสอบ |
รอยร้าวบนผนังแนวดิ่ง | การแอ่นตัวของพื้นและคานที่อยู่ใกล้บริเวณนั้น เนื่องจากมีน้ำหนักบรรทุกมากเกินไป ควรรีบเคลื่อนย้ายของที่มีน้ำหนักมากออก และเรียกวิศวกรผู้เชี่ยวชาญมาช่วยตรวจสอบ |
รอยต่อระหว่างผนังกับโครงสร้างเสาและคาน | ขั้นตอนการก่อสร้างผนังที่ไม่ได้เสียบเหล็กหนวดกุ้งเกาะยึดกับโครงสร้างเสาด้านข้าง หรือเสียบแต่ไม่แน่นพอ |

โครงสร้างอาคารที่ดีควรเป็นอย่างไร แบบไหนปลอดภัย
- โครงสร้างอาคารที่ก่อสร้าง หรือต่อเติมโดยไม่ผิดหลักการก่อสร้าง ถูกต้องตามที่กฎหมายควบคุมอาคารกำหนดไว้
- โครงสร้างอาคารที่ความเสียหายไม่กระทบกับโครงสร้าง เช่น มีรอยร้าวแตกเป็นลายงาตามผนังไม่ลึก หรือรอยแตกตามขอบหน้าต่าง ลักษณะแบบนี้จะเป็นเพราะการยืดหดของปูน ซึ่งเป็นปกติ สามารถเกิดได้ เพียงขัดสีและฉาบปูนปิดรอยและทาสีใหม่ก็เรียบเนียนเหมือนเดิม
โครงสร้างอาคารแบบไหนควรเลี่ยง
หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีส่วนรอยร้าวที่โครงสร้างหลัก เช่น เสาบ้าน คานบ้าน พื้นบ้าน หรือรอยร้าวบนผนังที่เป็นแนวยาวผิดสังเกต เป็นการบ่งบอกว่าอาคารมีปัญหา ควรหลีกเลี่ยงไว้ก่อน เพราะอาจเป็นการทรุดตัว หรือการรับน้ำหนักมากเกินไป หรือไม่ก็เป็นลางที่บอกว่าอาคารใกล้จะพัง
ทั้งนี้ พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 32 ทวิ และกฎกระทรวงกำหนดประเภทอาคารที่ต้องจัดให้มีผู้ตรวจสอบ พ.ศ. 2548 กำหนดให้เจ้าของอาคาร 9 ประเภท ได้แก่
- อาคารสูง
- อาคารขนาดใหญ่พิเศษ
- อาคารชุมนุมคน
- โรงมหรสพ
- โรงแรมที่มีห้องพักตั้งแต่ 80 ห้องขึ้นไป
- สถานบริการที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 200 ตารางเมตรขึ้นไป
- อาคารชุด หรืออาคารอยู่อาศัยรวมที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 2,000 ตารางเมตรขึ้นไป
- โรงงานที่มีความสูงมากกว่าหนึ่งชั้น และมีพื้นที่ตั้งแต่ 5,000 ตารางเมตรขึ้นไป และ
- ป้ายหรือสิ่งก่อสร้างขึ้นสำหรับติดหรือตั้งป้ายที่สูงจากพื้นที่ตั้งแต่ 15 เมตรขึ้นไป หรือมีพื้นที่ตั้งแต่ 50 ตารางเมตรขึ้นไป
อาคารทั้ง 9 ประเภทนี้ ต้องจัดให้มีผู้ตรวจสอบด้านวิศวกรรม หรือผู้ตรวจสอบด้านสถาปัตยกรรม แล้วแต่กรณี ทำการตรวจสอบสภาพอาคาร โครงสร้างของตัวอาคาร อุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ เกี่ยวกับระบบไฟฟ้าและการจัดแสงสว่าง ระบบเตือน การป้องกันและระงับอัคคีภัย การป้องกันอันตรายเมื่อมีเหตุชุลมุนวุ่นวาย ระบบระบายอากาศ ระบบระบายน้ำ ระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบเครื่องกล หรือระบบอื่น ๆ ของอาคารที่จำเป็นต่อการป้องกันภัยอันตรายต่าง ๆ ที่มีผลต่อสุขภาพ ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน แล้วรายงานผลการตรวจสอบต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ