หลังจากที่เข้ามาสู่สังเวียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้สักระยะ เบล็ส แอสเสท กรุ๊ป อดีตกลุ่มบริษัทผู้รับเหมาก็เดินหน้าขยายพอร์ตตลาดบ้านทาวน์โฮมต่อเนื่อง โดยในครั้งนี้ นำแบรนด์ “เบล็สทาวน์” มาปักหมุดเพิ่มในทำเลรามอินทรา ที่ก่อนหน้านี้สามารถปิดการขายได้รวดเร็วกับโครงการในซอยรามอินทรา 117 ล่าสุดต่อยอดความสำเร็จ กับการส่งทาวน์โฮม 3 ชั้น ในราคาที่ไม่แรงมากเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท เจาะความต้องการคนรุ่นใหม่ ที่กำลังก่อร่างสร้างตัว ในสังคมขนาดกลางกับจำนวนยูนิตเพียง 133 ยูนิต หรือแบ่งออกเป็น 6 – 10 ยูนิตในแต่ละซอย บนทำเลที่มีจุดขายในเรื่องของการเดินทางที่ค่อนข้างสะดวก เชื่อมต่อหลายเส้นทาง ทั้งเส้นรามอินทรา หทัยราษฎร์ สุวินทวงศ์ เสรีไทย รามคำแหง เกษตรนวมินทร์ ประเสริฐมนูกิจ ใกล้วงแหวนรอบนอก และรถไฟฟ้าอนาคตสายสีชมพู (สถานีเศรษฐบุตรบำเพ็ญ)
Bless Town Ramintra -Kaset Nawamin
เจาะลึกข้อมูลโครงการ (ข้อมูล ณ วันที่ 27 มกราคม 2559)
• ชื่อโครงการ: เบล็สทาวน์ รามอินทรา – เกษตรนวมินทร์ (Bless Town Ramintra – Kaset Nawamin)
• ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท เบล็ส แอสเสท กรุ๊ป
• บริษัทก่อสร้าง: บริษัท เบล็ส บิลด์ จำกัด
• ทำเลที่ตั้ง: ซอยรามอินทรา 127 แขวงบางชัน เขตมีนบุรี กทม.
Bless Town Ramintra -Kaset Nawamin
รายละเอียดโครงการ
พื้นที่โครงการ : 11 ไร่ 3 งาน 48 ตารางวา
รูปแบบ: ทาวน์โฮม 3 ชั้น จำนวน 133 ยูนิต
เจาะกลุ่มเป้าหมาย: Start Up หรือ กลุ่มเริ่มต้นธุรกิจ สร้างครอบครัว รวมทั้งคนพื้นที่ และบริเวณโดยรอบ
สถานะก่อสร้าง: เริ่มก่อสร้างเดือนมกราคม 2558 คาดว่าแล้วเสร็จบางส่วนเดือนธันวาคม 2559
ระบบความปลอดภัย: Access Key Card เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย กล้องวงจรปิด CCTV ตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนกลาง: สวนสาธารณะ
ที่จอดรถ: สามารถจอดได้ 2 คัน/ ยูนิต
สถานะการขาย: หลังจากเปิดให้จองอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม 2559 ที่ผ่านมา สามารถขายไปแล้วประมาณ 50%
ค่าสาธารณูปโภค: 48 บาท/ ตร.ว./ เดือน (ชำระล่วงหน้า 3 ปี)
ราคาขายเริ่มต้น: 2.99 ล้านบาท
ราคาขายเฉลีย: 154,000 บาท/ ตร.ว.
เงื่อนไขการชำระเงิน: จอง 10,000 บาท ทำสัญญา 30,000 บาท
เว็บไซต์: bagroup.co.th
รูปแบบบ้าน:
TH 3 (พื้นที่ใช้สอย 182 ตร.ม.) 19.38 – 28.40 ตร.ว.
3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ห้องเก็บของ 2 ที่จอดรถ
รีวิวภาพรวมโครงการ
ทาวน์โฮม เบล็สทาวน์ แม้จะอยู่ในโซนชานเมือง เกือบถึงฝั่งมีนบุรี แต่ตัวโครงการอยู่ห่างจากปากซอยรามอินทรา 127 ประมาณ 700 เมตร ภายในโครงการถูกออกแบบให้สามารถรองรับการทำธุรกิจในแหล่งที่อยู่อาศัยได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นความลึกของทาวน์โฮม หรือหน้าบ้านที่กว้าง 5 เมตร สามารถจอดรถได้ 2 คัน เน้นฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นสำคัญ พร้อมสร้างจุดเด่นให้กับโครงการ ด้วย Walk-in closet ห้องเก็บของใต้บันไดถึง 2 ห้อง และห้องนอนกว้างระดับ Penthouse เป็นต้น นอกจากนี้ยังให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว เนื่องจากมีจำนวนยูนิตทั้งหมดเพียง 133 ยูนิต ซอยละ 6-10 ยูนิตเท่านั้น แถมด้วยความกว้างของถนนเมนหลัก 12 เมตร และในซอย 9 เมตร
Master Plan โครงการ ด้านหน้าโครงการเป็นฝั่งทิศใต้ ติดกับถนนซอยรามอินทรา 127 เป็นแบบ 2 เลน ส่วนด้านหลังเป็นฝั่งทิศเหนือ ติดกับที่ดินเปล่า และยูนิตทาวน์โฮมที่อยู่อาศัยแบ่งออกเป็น ฝั่งซ้าย ทิศตะวันตก (ที่ดินเปล่า) ทิศตะวันออก (หมู่บ้านรุ่งกิจแกรนด์วิสต้า)
ถนนเมนหลักโครงการกว้างถึง 12 เมตร
หน้าตาของ Sales Gallery ตั้งอยู่ด้านหน้าโครงการ
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ
ด้วยความเป็นโครงการทาวน์โฮมที่รองรับการอยู่อาศัยได้จริงและสนับสนุนทำธุรกิจ SME ได้เต็มรูปแบบ ดังนั้นสิ่งอำนวยความสะดวกที่ถูกออกแบบจึงอยู่ภายใต้แนวคิดรองรับความต้องการใช้งานเป็นหลัก โดยได้ดีไซน์ผังโครงการให้มีความเรียบง่าย และเข้าถึงผู้อยู่อาศัยกับสวนหย่อมขนาดย่อมด้านหน้า อีกทั้งยังคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ จึงใช้ Access Key Card ในการเข้า-ออก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย กล้องวงจรปิด CCTV ตลอด 24 ชั่วโมง
ทางเข้าโครงการ มีรั้วกั้น และป้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง
เข้า – ออก โครงการใช้ระบบ Key Card
สวนหย่อม ออกแบบให้อยู่บริเวณด้านหน้าโครงการ
รีวิวภายในบ้าน
พื้น: กระเบื้องพอซเลน (Porcelain) บริเวณชั้นล่าง และ ลามิเนตหนา 8 มม. ในชั้น 2 และ 3
ความสูงพื้นจรดเพดาน: ประมาณ 2.80 เมตร
ระบบไฟ: Downlight
พื้นที่ใช้สอย: 182 ตร.ม.
ประตู: ประตูบานเลื่อน กรอบอลูมิเนียมสีขาว พร้อมกระจกตัดแสงสีเขียว
สุขภัณฑ์ห้องน้ำ: Cotto
ทาวน์โฮมออกแบบในสไตล์โมเดิร์น พร้อมโทนสีภายนอก น้ำตาล เทา ส่วนรั้วบ้าน เป็นเหล็กทาสีแบบพับ 3 ตอน ส่วนหลังคาเป็น Metal Sheet พร้อมแผ่นฟอยล์กระจายความร้อนใต้แผ่นหลังคา
หน้าบ้านกว้าง 5 เมตร สามารถจอดรถได้ 2 คัน โดยฉาบปูนซีเมนต์แบบเรียบ
ประตูเข้าไปในบ้าน เป็นแบบบานเลื่อนกรอบอลูมิเนียมสีขาว พร้อมกระจกตัดแสงสีเขียว
สำหรับบ้านตัวอย่างนี้ถูกดีไซน์เพื่อให้ดูพื้นที่ชั้น 1 ที่สามารถดัดแปลงเป็นส่วนพักอาศัย และพื้นที่ทำงานธุรกิจ SME ได้ลงตัว จากรูปจะเห็นว่ามุมนั่งเล่น สามารถนำชุดรับแขกขนาดพอเหมาะมาวางได้
ส่วนบริเวณฝาผนัง สามารถนำทีวีแบบแขวนมาติดตั้งได้ และบริเวณด้านข้างเป็นมุมของห้องเก็บของใต้บันได และห้องน้ำ
หน้าตาของห้องน้ำชั้นล่าง จะไม่มีส่วนอาบน้ำให้ โดยสุขภัณฑ์ทั้งหมดเป็นของ Cotto
มุมของห้องเก็บของใต้บันได ปูด้วยกระเบื้องเซรามิค
ด้านในของชั้นล่าง สามารถออกแบบเป็นมุมร้านกาแฟเล็กๆ ได้ดังรูป
ส่วนอีกฝั่งสามารถดัดแปลงเป็นมุมทำงาน โดยจากรูปเป็นการจำลองสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจ SME เกี่ยวกับเสื้อผ้า
หลังบ้าน สามารถดัดแปลงเป็นครัวเปิด และพื้นที่สำหรับลานซักล้างได้ดังรูป
ส่วนบ้านตัวอย่างหลังที่ 2 จะตกแต่งเพื่ออยู่อาศัยเอง
สำหรับบ้านจริงจะเป็นลักษณะดังรูป คือ ด้านหน้า มีมุมให้เก็บของเพิ่มเติม
สำหรับหลังมุมจะมีพื้นที่เหลือให้สามารถแปลงเป็นสวนได้ โดยมีความกว้างขั้นต่ำประมาณ 2 เมตร
ลักษณะของหลังนี้ ส่วนของชั้นล่างจะคล้ายกับหลังแรก คือเป็นประตูบานเลื่อนเช่นเดียวกัน
สำหรับบ้านจริง ยังคงเป็นประตูบานเลื่อน กรอบอลูมิเนียมสีขาว และกระจกตัดแสงสีเขียว
ส่วนของชั้นล่าง เมื่อทำเป็นที่อยู่อาศัย ยังคงมีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างมาก สังเกตได้จากการจัดวางชุดรับแขกดังรูป
ชั้นล่างของบ้านจริง ปูด้วยกระเบื้องพอซเลน ผนังเป็นแบบก่ออิฐมวลเบา ฉาบปูนเรียบ พร้อมทาสี และติดตั้งกระจก ประตูบานเลื่อนดังรูป แต่สำหรับหลังมุม จะมีประตูบานเลื่อนด้านข้างเพิ่มเติม
บริเวณที่วางทีวี เป็นลักษณะเช่นเดียวกับหลังแรก คือด้านในมีส่วนของห้องเก็บของใต้บันได และห้องน้ำ
สำหรับพื้นที่วางทีวี หลังจริงเป็นดังรูป โดยทางโครงการได้วางระบบไฟ เต้าเสียบ และที่เสียบเสาอากาศดังรูป
ด้านในของชั้นล่าง สามารถทำเป็นมุมห้องกินข้าวได้ดังรูป
โดยแยกพื้นที่ของครัวเปิดอย่างชัดเจน
มุมของห้องครัว สำหรับบ้านจริง เป็นดังรูป คือไม่ได้กั้นห้องกระจกให้ และยังคงปูพื้นด้วยกระเบื้องพอซเลน
หลังบ้านสามารถทำเป็นมุมสวนนั่งเล่น ซึ่งถือว่าเป็นไอเดียที่ดีไม่น้อย
และบริเวณเดียวกันยังสามารถทำเป็นส่วนซักล้างได้ด้วย
บันได สังเกตดีๆ จะมีการทำลิ้นชักให้ บริเวณทางขึ้นชั้น 2 โดยพื้นและราวบันได เป็นไม้สำเร็จรูป
เมื่อเดินขึ้นมาชั้น 2 สิ่งแรกที่เจอคือ พื้นที่เก็บของใต้บันไดอีกห้อง
ห้องนอนมาสเตอร์ จะอยู่ชั้น 2 ซึ่งมีความกว้างเท่ากับห้อง Penthouse ในคอนโดฯ หรู โดยสามารถนำเตียงขนาดคิงไซส์มาวางได้เลย
พื้นที่ระหว่างที่วางทีวีกับเตียง ถือว่ามีระยะห่างพอสควร
ด้านข้างเตียง สามารถออกแบบให้เป็นมุมทำงาน ที่นั่งเล่นอ่านหนังสือดังรูป
บ้านจริง ชั้น 2 จะปูด้วยลามิเนตหนา 8 มม. พร้อมติดตั้งกระจกบาน fix และแบบบานกระทุ้งให้ดังรูป
ความพิเศษที่ทำให้ห้องดูกว้าง คือ การนำระเบียงออกไว้ด้านข้าง แทนข้างหน้า ซึ่งทำให้ระเบียง กว้างตามไปด้วย
หน้าตาของระเบียงในบ้านจริง ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิค
นอกจากนี้ จุดเด่นของทาวน์โฮมโครงการนี้ ยังออกแบบให้มี Walk-in closet พร้อมประตูบานเลื่อนกรอบอลูมิเนียมสีขาว กระจกเป็นแบบทึบ
ภายใน Walk-in closet สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้ดังรูป
โครงการได้ดีไซน์เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าให้ด้วย พร้อมปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิค
ห้องน้ำถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือ ส่วนของห้องอาบน้ำ และห้องชักโครกอย่างชัดเจน
บันไดขึ้นชั้น 3 ปูด้วยพื้นไม้สำเร็จรูป และบริเวณนี้ จะมีหน้าต่างช่วยให้แสงเข้ามาในบ้านมากขึ้น
เมื่อขึ้นมาชั้น 3 ห้องนอนถูกแบ่งออกมาอยู่ฝั่งขวา โดยตรงกลางเป็นพื้นที่ของห้องน้ำ และยังถูกปูพื้นด้วยลามิเนตหนา 8 มม.
ห้องนอนสำหรับลูกน้อย ถูกออกแบบให้สามารถรองรับลูกได้จนโต โดยสามารถนำเตียงเดี่ยวหรือขนาด 3 ฟุต มาวางดังรูป
นอกจากนี้สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าขนาด 3 บาน พร้อม โต๊ะเครื่องแป้งขนาดพอเหมาะได้ดังรูป
ห้องนอนเล็กของบ้านจริง ปูด้วยลามิเนตหนา 8 มม. พร้อมติดตั้งหน้าต่างบานเลื่อน กรอบอลูมิเนียมสีขาว
ห้องนอนถัดมา สามารถนำเตียงขนาด 5 ฟุต มาติดตั้งได้
หน้าต่างเป็นแบบบานกระทุ้ง และแบบ fix
บริเวณปลายเตียง ยังคงมีพื้นที่เหลือ ให้สามารถนำชั้นวางทีวีมาวางได้
ด้านข้างเตียง ยังคง Built-in ตู้เสื้อผ้าขนาดพอเหมาะ สังเกตว่ายังมีพื้นที่เหลือให้วางของเพิ่มเติม
สำหรับบ้านจริง สังเกตว่ามีพื้นที่ระเบียงให้ด้วย
พื้นที่ของระเบียง จะไม่กว้างเท่าชั้น 2 แต่สามารถวางคอมเพรสเซอร์แอร์ และทำกิจกรรมต่างๆ ได้
ห้องน้ำชั้น 3 ทั้งหลังจริงและบ้านตัวอย่าง จะมีหน้าตาเหมือนกัน และใช้สุขภัณฑ์ของ Cotto ต่างกันตรงที่บ้านจริงจะไม่ได้ของตกแต่งดังในบ้านตัวอย่าง
วิเคราะห์ศักยภาพทำเลรามอินทรา – เกษตรนวมินทร์
พื้นที่ในเขตรามอินทรา ซึ่งเชื่อมต่อหลายเส้นทาง โดยเฉพาะฝั่งถนนเกษตรนวมินทร์นั้นได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่มีการพัฒนาด้านคมนาคม มีถนนเชื่อมต่อได้หลายสาย จึงทำให้ที่ดินในย่านดังกล่าวได้รับการจับตามองจากผู้ประกอบการในการมาปักหมุดโครงการแนวราบ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว หรือทาวน์โฮม ในระดับราคาที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับพื้นที่นั้นถูกรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากหรือน้อยเพียงใด ส่วนคอนโดมิเนียมยังถือว่าบางตา แต่ก็เริ่มมีให้เห็น อันเป็นอานิสงส์มาจากโครงการรถไฟฟ้ารางเดี่ยวสายสีชมพู (Straddle Monorail) ในอนาคต ช่วงแคราย – มีนบุรี รวมระยะทางกว่า 34.5 กม. ซึ่งสำหรับโครงการ เบล็สทาวน์ รามอินทรา – เกษตรนวมินทร์จะอยู่ใกล้กับสถานีสถานีเศรษฐบุตรบำเพ็ญ บริเวณถนนรามอินทราใกล้กับถนนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ รวมถึงสถานีมีนบุรี ถนนสีหบุรานุกิจ ใกล้ตลาดมีนบุรี ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อรถไฟฟ้าสายนี้เปิดให้บริการจะทำให้ราคาที่ดิน รวมถึงอสังหาฯ ในย่านนี้ปรับสูงขึ้นได้ถึง 20 – 30% เลยทีเดียว
วิเคราะห์ศักยภาพทำเลโครงการ
ศักยภาพซอยรามอินทรา 127
ด้วยที่ตั้งของโครงการ อยู่บนถนนรามอินทราตอนปลาย บริเวณซอยรามอินทรา 127 ซึ่งเชื่อมต่อกับถนนหลายสาย ไม่ว่าจะเป็นเกษตรนวมินทร์ สุวินทวงศ์ สีหบุรานุกิจ ร่มเกล้า เสรีไทย รามคำแหง ประเสริฐมนูกิจ และวงแหวนรอบนอก การเดินทางที่สะดวกสบายนี้เองจึงทำให้ย่านนี้ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการ โดยเฉพาะโครงการบ้านจัดสรร ระดับราคาที่จับต้องได้ โดยส่วนใหญ่มักมีราคาเริ่มต้นที่ 2 – 3 ล้านบาท ส่วนคอนโดมิเนียมจะเริ่มต้นราคาขายที่ล้านต้นๆ แม้จะเป็นโซนที่ขยับออกมาชานเมือง แต่ก็ยังรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก แหล่งไลฟ์สไตล์ อาทิ ตลาด คอมมูนิตี้มอลล์ ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน โรงพยาบาล และเนื่องจากอยู่ใกล้จากมีนบุรี จึงทำให้ย่านนี้มีลักษณะความเป็นอยู่เป็นแบบชุมชนชาวมุสลิม ซึ่งเป็นกลุ่มผู้อาศัยดั้งเดิมมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3
การเดินทาง
แผนที่โครงการ Bless Town Ramintra Kaset Nawamin
โครงการตั้งอยู่ในซอยรามอินทรา 127 โดยสภาพถนนในซอยเป็นแบบสองเลน ให้รถพอวิ่งสวนกันได้ อีกทั้งยังใช้เป็นทางลัดเชื่อมต่อกับซอยเจริญพัฒนา ซึ่งทะลุออกซอยรามอินทรา 117 และซอยหทัยราษฎร์ 3 มุ่งหน้าออกถนนหทัยราษฎร์ จึงทำให้สะดวกต่อการเดินทางเข้า-ออกเมือง อีกทั้งในอนาคต หากรถไฟฟ้าสายสีชมพูเปิดให้บริการ โครงการจะอยู่ห่างจากสถานีเศรษฐบุตรบำเพ็ญประมาณ 900 เมตร
รถยนต์
ทางเลือกที่ 1 หากมุ่งหน้ามาจากทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ ให้เลือกลงรามอินทรา เข้าสู่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม จากนั้นให้ขึ้นสะพานพร้อมเบี่ยงซ้ายตามป้ายมุ่งหน้าถนนวัชรพล-มีนบุรี แล้วขับตรงไปเรื่อยๆ ตามเส้นถนนรามอินทรา ประมาณ 4 กม. จะเจอสะพานข้ามแยกนวมินทร์ ให้ตรงไปประมาณ 2 กม. สังเกตโรงพยาบาลสินแพทย์อยู่ด้านขวามือ เตรียมเบี่ยงซ้ายเพื่อมาฝั่งห้างสรรพสินค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์ แล้วตรงต่อไปประมาณ 2 กม. สังเกตป้ายซอยรามอินทรา 127 ซึ่งอยู่บริเวณแยกเมืองมีน จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยไปประมาณ 700 เมตร จะเจอโครงการ
ทางเลือกที่ 2 หากมุ่งหน้ามาจากวงแหวนตะวันออก (กาญจนาภิเษก) ให้เบี่ยงเข้าถนนรามอินทรา ซึ่งจะผ่านคอมมูนิตี้มอล์ เดอะ พรอมานาด ห้างสรรพสินค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์ ให้ขับตรงมาเรื่อยๆ ประมาณ 2 กม. สังเกตป้ายซอยรามอินทรา 127 ซึ่งอยู่บริเวณแยกเมืองมีน จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยไปประมาณ 700 เมตร จะเจอโครงการ โดยระหว่างทางจะมีป้ายบอกตลอดทาง
ป้ายซอยรามอินทรา 127 สามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจน โดยอยู่บริเวณแยกเมืองมีน
ตรงแยกเมืองมีน หากเลี้ยวซ้ายไป จะเป็นถนนสุวินทวงศ์
โดยบริเวณปากซอย จะมีวินมอเตอร์ไซค์ให้บริการ
ถนนซอยรามอินทรา 127 เป็นลักษณะ 2 เลน สามารถวิ่งสวนกันได้
เข้ามาจนสุดซอยจะเจอโครงการ
แต่ถ้าหากเลี้ยวซ้ายไป จะมุ่งหน้าไปหมู่บ้านเอื้ออาทร มีนบุรี แต่ถ้าเลี้ยวขวาจะบรรจบกับซอยเจริญพัฒนา ซึ่งสามารถทะลุออกซอยรามอินทรา 117 ได้
บริเวณด้านหน้าโครงการ มีป้ายให้เห็นอย่างชัดเจน
สถานที่แนว Lifestyle
โครงการตั้งอยู่ในย่านรามอินทรา ดังนั้นสถานที่แนวไลฟ์สไตล์โดยรอบโครงการจึงเป็นลักษณะห้างสรรพสินค้าอย่างแฟชั่น ไอส์แลนด์ (ห่างจากโครงการประมาณ 3 กม.) เดอะ พรอมานาด (ห่างจากโครงการประมาณ 2.7 กม.) แหล่งรวมของกิน ของใช้ เสื้อผ้าสไตล์เก๋ไก๋ ภายใต้การตกแต่งสีสันสดใส สวยงาม และอมอรินี่ ไลฟ์สไตล์มอลล์ (ห่างจากโครงการประมาณ 2 กม.) ในขณะที่ทางฝั่งถนนสุวิทวงศ์ ก็มีแหล่งช้อปปิ้งอย่างเทสโก้ โลตัส (ห่างจากโครงการประมาณ 1 กม.) และบิ๊กซี (ห่างจากโครงการประมาณ 1 กม.) นอกจากนี้จากโครงการยังสามารถลัดเลาะออกเส้นหทัยราษฎร์ แหล่งที่ตั้งของร้านอาหารชื่อดังมากมาย เช่นเดียวกับฝั่งเลียบทางด่วนรามอินทรา แต่บริเวณนี้จะแตกต่างตรงที่มีความเป็นท้องถิ่นมากกว่า โดยสามารถไปแวะไปร้านดังๆ ประจำย่านได้ ไม่ว่าจะเป็นร้านระเบียงต้นน้ำ ที่เด่นดังในเรื่องอาหารซีฟู้ด อาทิ ต้มยำชาวเล หอยนิวซีแลนด์ซอสมะนาว เป็นต้น แต่ถ้าใครอยากได้อาหารง่ายๆ แต่อร่อยไม่รู้ลืม แนะนำให้ไปฟินกันได้ที่ร้านครัวป้าแหม่ม ที่มีก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ข้าวผัดแหนม ราดหน้าหมี่กรอบรสเด็ด ชวนให้ใครต่อใครขอสมัครเป็นลูกค้าประจำ
วิเคราะห์อัตราผลตอบแทนที่ได้รับ
พื้นที่ในโซนรามอินทราตอนปลาย ถือได้ว่าเป็นย่านที่ได้รับการพัฒนาให้มีความเจริญอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการคมนาคมขนส่ง โดยในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูตัดผ่าน ในขณะที่บรรดาห้างสรรพสินค้าก็เริ่มเข้ามาปักหมุดบริเวณนี้มากขึ้น จึงส่งผลให้เกิดความต้องการในการอยู่อาศัยในละแวกนี้เพิ่มมากขึ้น โดยราคาที่อยู่อาศัยในย่านนี้ยังคงอยู่ในระดับที่จับต้องได้ คือช่วงระหว่าง 2-3 ล้านบาทสำหรับทาวน์โฮม ส่วนคอนโดฯ ราคาก็อยู่ในช่วงเพียงแค่ล้านต้นๆ ซึ่งหากรถไฟฟ้าก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการ เชื่อเลยว่ามูลค่าของที่ดิน รวมไปถึงอสังหาริมทรัพย์ในย่านเหล่านี้จะขยับตัวสูงขึ้น สำหรับค่าเช่าทาวน์โฮม 3 ชั้นในย่านนี้ จากการสำรวจในพื้นที่ ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 15,000 – 20,000 บาทขึ้นไป/ เดือน
เปรียบเทียบกับโครงการอื่น
โกลเด้น ทาวน์ วัชรพล – สุขาภิบาล
ทาวน์โฮม 2 ชั้น โดยบริษัท โกลเด้นแลนด์ เรสซิเด้นซ์ จำกัด ตั้งอยู่ถนนสุขาภิบาล 5 แขวงออเงิน เขตสายไหม พื้นที่โครงการ 20 ไร่ จำนวน 193 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอย 113 – 131 ตร.ม. รูปแบบ 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ พร้อมคลับเฮ้าส์ดีไซน์ ทันสมัย ฟิตเนส สระว่ายน้ำ และสวน ราคาเริ่มต้น 2.19 ล้านบาท
Golden Town ภาพ via goldenlandresidence.co.th
ไลโอ วงแหวน – รามอินทรา
ทาวน์โฮม 2 – 3 ชั้น โดยบริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่บนถนนรามอินทรา (คู่ขนานวงแหวน) แขวงคันนายาว เขตคันนายาว พื้นที่โครงการ 14 ไร่ 1 งาน 87 ตร.ว. จำนวน 229 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอย 104 – 155 ตร.ม. รูปแบบ 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ที่จอดรถ พร้อมสวนส่วนกลางขนาดใหญ่ และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ราคาเริ่มต้น 2.2 – 3 ล้านบาท
lio-aster ภาพ via lio-townhome.com
พลีโน่ วงแหวน – รามอินทรา
ทาวน์โฮม 2 ชั้น โดยบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่ถนนเลียบคลองสอง แขวงบางชัน เขตคลองสามวา พื้นที่โครงการ 23 ไร่ 3 งาน 41.3 ตร.ว. จำนวน 232 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอย 106.9 – 124.36 ตร.ม. รูปแบบ 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ พร้อมสวนส่วนกลาง สระว่ายน้ำ และระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง ราคาเริ่มต้น 2.39 ล้านบาท
Pleno ภาพ via apthai.com
บทสรุป
เบล็สทาวน์ รามอินทรา – เกษตรนวมินทร์ เป็นโครงการทาวน์โฮมที่หลายคนอาจจะมองว่าอยู่ไกลจากใจกลางเมือง แต่แท้จริงแล้วสามารถทะลุได้หลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นถนนรามอินทรา หทัยราษฎร์ สุวินทวงศ์ เสรีไทย รามคำแหง เกษตรนวมินทร์ และประเสริฐมนูกิจ อีกทั้งยังใกล้วงแหวนรอบนอก รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีชมพูในอนาคต สถานีเศรษฐบุตรบำเพ็ญ บริเวณถนนรามอินทราใกล้กับถนนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ รวมถึงสถานีมีนบุรี ถนนสีหบุรานุกิจ ใกล้ตลาดมีนบุรี ด้วยเหตุนี้จึงทำให้กลุ่มผู้อยู่อาศัยพื้นที่โดยรอบให้ความสนใจค่อนข้างมาก เพราะนอกจากจะเดินทางสะดวกแล้ว ราคายังถือว่าเกินคุ้ม กับทาวน์โฮม 3 ชั้น มีหน้ากว้าง 5 เมตร จอดรถได้ 2 คัน ค่อนข้างลึก แถมยังดีไซน์ Walk-in closet ห้องเก็บของ 2 ห้อง ห้องนอนที่มีขนาดใหญ่ระดับ Penthouse สามารถเป็นที่อยู่อาศัยได้จริง ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว และยังรองรับธุรกิจ SME อีกด้วย ส่วนในเรื่องการใช้ชีวิต เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีสาธารณูปโภคที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยค่อนข้างครบ แม้จะไม่หนาแน่นเท่ากับย่านในเมือง แต่ก็รองรับการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างโอเค เหมาะกับผู้ที่กำลังมองหาช่องทางในการขยับขยายครอบครัว ในราคาที่ไม่สูงเกินไปนัก
Grand Bangkok Boulevard เพชรเกษม-กาญจนา โครงการบ้านเดี่ยวระดับ Luxury 2 ชั้น กับสังคมส่วนตัวเพียง 62 ครอบครัว ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจาก St. Stephen’s Cathedral กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย รายล้อมด้วยสวนส่วนตัวขนาดใหญ่กว่า 2 ไร่ มอบความร่มรื่นและความสงบอย่างมีระดับ พร้อมคลับเฮาส์หรูดีไซน์ร่วมสมัย บนทำเลที่ศักยภาพบนถนนกาญจนาภิเษก ราคาเริ่มต้น 40-70 ล้านบาท
โครงการแมทเทอร์ งามวงศ์วาน (Matter Ngamwongwan) ทาวน์โฮม 3 ชั้น พัฒนาและออกแบบโครงการโดย SC ASSET บนพื้นที่โครงการประมาณ 5-3-19.5 ไร่ กับความเป็นส่วนตัวเพียง 44 ครอบครัว โครงการตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพเชื่อมต่อถนนหลักหลายสาย ทั้งถนนรัตนาธิเบศร์, ถนนติวานนท์ และถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี อยู่ไม่ไกลรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีบางกระสอ และทางพิเศษศรีรัช ทำให้การเดินทางเข้า-ออกเมืองเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว ราคาเริ่มต้น 5.99-12 ล้านบาท
โครงการ บางกอก บูเลอวาร์ด บรมฯ – สาย 4 (Bangkok Boulevard Borom – Sai 4) บ้านเดี่ยวระดับ Luxury ขนาด 2 ชั้น กับสังคมส่วนตัวเพียง 95 ครอบครัว บนเนื้อที่โครงการประมาณ 32-3-62 ไร่ โดยมีคลับเฮาส์และส่วนกลางที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากเมือง Maria Alm ประเทศออสเตรีย ซึ่งเป็นเมืองแห่งการพักผ่อนที่เต็มไปด้วยความสงบและบรรยากาศที่หรูหรา โครงการตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพติดถนนพุทธมณฑล สาย 4 ใกล้ส่วนต่อขยายถนนพรานนก-พุทธมณฑล สาย 4 เพียง 500 เมตร ราคาเริ่มต้น 14 ล้านบาท
