แลนด์มาร์ค แอท แกรนด์สเตชั่น บาย ไซมิส แอสเสท (Landmark At Grand Station By Siamese Asset) เป็นโครงการมิกซ์ยูส บนทำเลศักยภาพ ตรงข้ามแฟชั่นไอส์แลนด์ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีวงแหวนรามอินทรา เพียง 400 เมตร ภายในห้องออกแบบเป็น 2 ชั้น เพดานสูง 4.15 เมตร เน้นความโปร่ง โล่ง พร้อมออกแบบห้องตามพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นห้องพักสำหรับผู้สูงอายุ คนที่มีสัตว์เลี้ยงหรือห้องพักในรูปแบบ Co-living และห้องพักแบบมาตรฐาน ภายในโครงการครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งพื้นที่พักอาศัย โรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร และสำนักงาน ราคาเริ่มต้นเพียง 2.90 ล้านบาท
สนใจ คอนโดฯ ในโครงการนี้? เลือกชม รายการประกาศ ราคาโดนใจ
ถึงแม้ตลาดของอสังหาริมทรัพย์ของคอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรส์จะไม่ฮอทฮิทเท่ากับคอนโดมิเนียมแนวดิ่ง แต่ก็ยังมีดีมานด์ไม่น้อยที่ให้ความสนใจกับตลาดคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์จากข้อแตกต่างในความเป็นส่วนตัวที่มากกว่า ซึ่งหนึ่งในดีเวลลอปเปอร์ที่มีแลนด์แบงค์อยู่บนทำเลที่มีศักยภาพความเป็นตัวสูงบนพื้นที่ผังเมืองสีส้ม (พื้นที่ที่มีที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง) อย่าง “บางนา” เป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็คือ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กับโครงการ เดอะ นิช โมโน พีค บางนา (The Niche Mono Peak Bangna) โครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ที่เน้นความเป็นส่วนตัว และได้รับความนิยมจากคนในพื้นที่หรือดีมานด์ที่มีแหล่งงานอยู่บริเวณบางนาโดยปัจจุบันด้วยกำลังซื้อของคนในพื้นที่บางนาที่ยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยใหม่ และเสนาดีเวลลอปเมนท์เองก็มีชั่วโมงการบินกับผลิตภัณฑ์คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดีอยู่แล้ว จึงจับเอาพื้นที่โครงการที่เหลือของ เดอะ นิช โมโน พีค บางนา (The Niche Mono Peak Bangna) ขึ้นมาเป็นเฟส 3 ตอกย้ำความสำเร็จในอนาคตบนพื้นที่บางนากับเซกเมนต์โครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์
เจาะลึกข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ: เดอะ นิช โมโน พีค บางนา (The Niche Mono Peak Bangna)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
ทำเลที่ตั้ง: ถนนบางนา-ตราด (ก.ม.3 ฝั่งขาเข้า) แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร
เว็บไซต์: http://www.sena.co.th/form/theniche-mono-peak-bangna
โทร: 1775 กด 28 หรือ 087-016-8888
อีเมล์: thenichemono@hotmail.co.th
*สามารถลงทะเบียนได้ที่ http://www.sena.co.th/form/theniche-mono-peak-bangna
รายละเอียดโครงการ
พื้นที่โครงการ: 1-3-14 ไร่
รูปแบบ: อาคารพักอาศัยรวม สูง 7 ชั้น จำนวน 1 อาคาร 42 ยูนิต แบ่งเป็น 7 ยูนิตต่อชั้น
กลุ่มเป้าหมาย: คนพื้นที่ที่ต้องการที่อยู่อาศัยสไตล์คอนโดมิเนียมที่มีความเป็นส่วนตัวสูง
ที่จอดรถ: รองรับที่จอดรถ 200% พร้อม Fix ที่จอดรถ 1 คัน (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)
สถานะการก่อสร้าง: ก่อสร้างปลายปี 2559, คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปี 2560
สถานะการขาย: 25%
สิ่งอำนวยความสะดวก: สระว่ายน้ำ, Jogging Track, พื้นที่สังสรรค์, ฟิตเนส, สนามเด็กเล่น, Lobby, Solar Cell, EV Charger
เงินกองทุนสะสม: 500 บาทต่อตร.ม.
ค่าส่วนกลาง: 55 บาท ต่อ ตร.ม.
ราคาเริ่มต้น: แบบ 1 ห้องนอน เริ่มต้น 2.7 ล้าน, แบบ 2 ห้องนอนเริ่มต้น 4.4 ล้าน
ราคาเฉลี่ย: ประมาณ 70,000- บาทต่อตร.ม.
รูปแบบห้อง
ห้องชุดพักอาศัยขนาด 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 62.00 ตร.ม.
ห้องชุดพักอาศัยขนาด 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 35.00 ตร.ม.
รายละเอียดโครงการ
รีวิวภาพรวมโครงการ
โครงการ เดอะนิช โมโน พีค บางนา เป็นโครงการคอนโดมิเนียม เฟส 3 แบบโลว์ไรส์ 7 ชั้น ที่มีความเป็นส่วนตัวสูง จากยูนิตเฉลี่ยต่อชั้นที่ประมาณ 7 ยูนิต โดยมียูนิตรวมเพียง 42 ยูนิต ตอบโจทย์ความเป็นส่วนตัวสำหรับคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยที่ต้องการพักผ่อนอย่างแท้จริง จุดเด่นของโครงการคือ Privilege Parking ที่รองรับการจอดรถมากถึง 200% รวมถึงเอกสิทธิ์ล็อกที่จอดหนึ่งที่สำหรับหนึ่งยูนิต และรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการเน้นพื้นที่สีเขียวรอบโครงการ พร้อมส่วนกลางที่ครบครันและสอดคล้องกับจำนวนยูนิต แบบที่เรียกได้ว่าไม่ต้องแย่งกันใช้ก็ว่าได้ โดยส่วนกลางประกอบไปด้วย สระว่ายน้ำ สระว่ายน้ำสำหรับเด็ก Jogging Track พื้นที่สังสรรค์ ฟิตเนส สนามเด็กเล่น Lobby และ Sky Garden สำหรับนั่งพักผ่อนบริเวณ Jogging Track,ร.ป.ภ. 24 ชั่วโมง , ลิฟต์แบบล็อคชั้นบนราคาที่ตอบโจทย์กลุ่มคนพื้นที่บริเวณบางนา โดยห้อง1 ห้องนอน ราคาเริ่มต้น 2.7 ล้านบาท, 2 ห้องนอน เริ่มต้น 4.4 ล้านบาท โดยมีจุดเด่นที่ทางเสนาได้นำนวัตกรรม Solar Cell มาใช้ โดยนำเอาพลังงานแสงอาทิตย์มาผลิตเป็นไฟฟ้าส่องสว่างส่วนกลาง พร้อมบริการหลังการขายที่สะดวกสบายเพียงใช้ปลายนิ้วติดต่อผ่าน Application 360 องศาของเสนา
นวัตกรรมกักเก็บพลังงานจาก Solar Cell ที่นำมาใช้ในส่วน 3 ส่วนคือ ไฟโถงทางเดิน ไฟสวน และไฟใต้อาคารจอดรถ
จากโมเดลโครงการ จะเห็นว่ายูนิตส่วนใหญ่ส่วนใหญ่จะหันออกไปทางทิศเหนือซึ่งเป็นหน้าโครงการ และทิศใต้ซึ่งเป็นด้านหลังโครงการ
จากในภาพด้านซ้ายมือคือเฟส 1 พื้นที่ด้านขวามือพื้นที่ของโครงอื่น โมเดลถูกออกแบบมาให้เห็นพื้นที่ว่างรอบโครงการ ซึ่งเป็นในส่วนของ Jogging Track ขนาดใหญ่ รวมไปถึงพื้นที่จอดรถกว่า 200% ด้านในอาคาร
จากด้านบนโมเดล จะเห็นว่าส่วนกลางสระว่ายน้ำจะอยู่บริเวณชั้นล่างของโครงการ และบริเวณอาคารส่วนนี้จะเป็นงานระบบลิฟท์ และส่วนกลางอื่นๆ ทำให้ยูนิตต่อชั้นมีเพียง 7 ยูนิตเท่านั้น
Master Plan
ตาม Master Plan จะเห็นว่า อาคารของเดอะ นิช โมโน บางนา เฟส 3 จะอยู่ด้านในสุดของพื้นที่โครงการ บริเวณทางเข้าที่ผ่านอาคารเฟส 1 และเฟส 2 ที่เป็นถนนกว้างประมาณ 8 ม. จากยูนิตเฉลี่ยที่ 7 ยูนิตต่อชั้น ทำให้พื้นที่ของโครงการโดยเฉพาะอาคารเฟส 3 เองมีที่จอดรถมากถึง 200% รวมไปถึงความเป็นส่วนตัวขั้นสูงที่ทุกยูนิตที่พักอาศัยมีความห่างจากลิฟท์โดยสารพอสมควร โครงการจึงจัดให้มีลิฟท์โดยสารขนาดใหญ่เพียงตัวเดียวที่รองรับ ยูนิตไม่ถึง 100 คนต่อลิฟท์ 1 ตัว ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถใช้งานลิฟท์โดยสารได้อย่างรวดเร็ว พร้อมส่วนกลางที่กระจุดตัวบริเวณชั้น 1 โดย ชั้นที่พักอาศัยจะไม่มีส่วนกลางแทรกระหว่างชั้นเลย
Floor Plan
ที่ชั้น 2 เป็นชั้นเริ่มต้นของยูนิตที่พักอาศัย ถึงแม้ทางเดินจะเป็นแบบ Double Corridor ที่มียูนิตที่พักอาศัยขนาดสองฝั่งทางแต่ก็ยังคงความเป็นส่วนตัวสูงจากยูนิตต่อชั้นที่น้อยมากๆ โดยโครงการเน้นห้องขนาดใหญ่ตั้งแต่ 62 ตร.ม.ขึ้นไป โดยที่ชั้นสองมียูนิตห้องเริ่มต้นที่ขนาดประมาณ 34 ตร.ม. อยู่เพียงห้องเดียว หากสังเกตุบริเวณลิฟท์จะเห็นว่าโครงการออกแบบให้ทุกยูนิตไม่ติดลิฟต์เพิ่มความเป็นส่วนตัว
แบบแปลนของชั้น 3-7 ไม่ค่อยแตกต่างจากชั้น 2 เท่าไหร่ มียูนิตขนาดเริ่มต้นที่ปรมาณ 34 ตร.ม. อยู่กึ่งกลางชั้น ยูนิตที่เหลือเป็นห้องขนาด 62 ตร.ม.ขึ้นไป
Unit Layout
Unit Layout ของห้อง ขนาด 34.98 ซึ่งเป็นห้องขนาดเริ่มต้น จะมีเพียง 6 ยูนิตภายในโครงการ เป็นห้องขนาด 1 ห้องนอน จัดสรรปันส่วนห้องเป็นสัดส่วน โดยมีผนังกั้นห้องทุกส่วน และเน้นพื้นที่ใช้สอยของห้องนั่งเล่นและห้องนอนขนาดใหญ่ ที่มีฟังก์ชันการใช้ห้องน้ำร่วมกัน โดยมีห้องครัวปิดเชื่อมต่อกับพื้นที่ห้องนั่งเล่น และสามารถเชื่อมต่อไปสู่ระเบียงได้ ยูนิตเริ่มต้นนี้แบบแปลนจะเหมือนกันหมด หากต้องการระเบียงที่เชื่อมต่อกับห้องนอนอาจต้องไปดูห้องขนาด 62 ตร.ม. ขึ้นไป
Unit นี้เป็นห้องขนาดเริ่มต้นของห้อง 2 ห้องนอนที่ขนาด 62.31 ตร.ม. จาก Layout จะเห็นว่าโครงการพยายามจัดสรรให้ห้องนอนที่ 1 มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มเติมของตู้เสื้อผ้า ที่เรียกได้ว่าสามารถวางเตียงเดี่ยวทำเป็นห้องนอนคู่ได้ ผนังที่กั้นฉากเป็นสเตปตัวแอลของห้องนอนที่ 1 ทำให้การเดินเข้าออกห้อง Master Room เป็นรูปตัวแอลไปด้วย แต่ก็ถือเป็น Lay out ที่แบ่งแยกห้องนอน กับห้องแต่งตัวให้เกิดความเป็นส่วนตัวไปในตัว โดยเฉพาะ Master Bedroom ที่แยกสัดส่วนของบริเวณห้องแต่งตัว ห้องนอน ห้องน้ำ และระเบียงไว้อย่างชัดเจน มาที่ส่วนของห้องนั่งเล่นเป็นพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ สามารถวางโซฟาชุดใหญ่ กับโต๊ะอาหารที่ประมาณ 6-8 ที่นั่งโดยไม่ขวางทางเดินเข้าออกห้องครัวได้ ห้องน้ำกลางจะเชื่อมต่อบริเวณห้องครัวจำเป็นต้องเดินผ่านครัวเพื่อเข้าห้องน้ำ และบริเวณห้องครัวก็จะมีระเบียงเล็กอีกหนึ่งระเบียง โครงการจัดสรรห้อง Type นี้ให้อยู่ในเซกเมนต์ของกลุ่มครอบครัวขนาดเริ่มต้นที่ 3-4 คนได้เลย
การวางทิศทางตัวอาคารเดอะ นิช โมโน บางนา เฟส 3
ทิศเหนือ: ทิศเหนือเป็นด้านหน้าของตัวอาคาร แต่ด้วยอาคารเฟส 3 ไม่ได้อยู่ในแนวเดียวกันของอาคารเฟส 1 จึงทำให้ยูนิตที่หันมาทางด้านหน้านี้จะได้รับวิวเป็นด้านหน้าของโครงการที่เป็นส่วนของถนนบางนา – ตราด รวมไปถึงวิวสระว่ายน้ำของตัวอาคารเฟส 3 ด้วย
ทิศใต้: รั้วโครงการติดกับโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ สูง 8 ชั้น และ อาคารที่พักอาศัยเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น มุมมองรับวิวพื้นที่สีเขียวที่เคลียร์สายตาอยู่
ทิศตะวันออก: ทิศตะวันออกจะมีเพียงยูนิตเดียวของแต่ละชั้นที่หันไปทางนี้ ซึ่งเป็นห้องขนาด 2 ห้องนอน 62.25 ตร.ม. จะเป็นวิวเคลียร์สามารถมองออกไปรับวิวได้ 180 องศาเลย
ทิศตะวันตก: ตามแปลนอาคารด้านนี้ไม่มียูนิตอยู่ แต่บริเวณใกล้เคียงรั้วโครงการจะเป็นพื้นที่เปล่า
สิ่งอำนวยความสะดวก
Lobby
สระว่ายน้ำ พร้อมสระว่ายน้ำสำหรับเด็ก
Jogging Track
ฟิตเนส
พื้นที่สังสรรค์
สนามเด็กเล่น
แผงพลังงานแสงอาทิตย์
รีวิวภายในห้องตัวอย่าง
สิ่งที่จะได้รับจากโครงการ
พื้น: ปาร์เก้ไม้สักขนาด 2 x 12 นิ้ว
ผนัง: ฉาบเรียบสีขาว
พื้นจรดเพดานความสูง: 2.6 ม.
เฟอร์นิเจอร์: Fully Fitted ได้รับ สุขภัณฑ์ ชุดครัว เครื่องปรับอากาศ และ Digital Lock ของ Samsung
เครื่องปรับอากาศ: ยี่ห้อ Daikin
สุขภัณฑ์: สุขภัณฑ์เป็นของ Kohler และRain Shower ของ Grohe
ชุดครัว: Hob & Hood, ซิงค์ ของ Modernform
ห้องตัวอย่าง Type 005 ขนาด 62.31 ตร.ม.
บริเวณหน้าห้องมีภาพแปลนห้องให้ดูชัดเจนตามแบบห้องตัวอย่าง โครงการมอบ แอร์ให้ 2 เครื่อง เคาท์เตอร์ครัวพร้อมซิงค์ และเตากับเครื่องดูดควัน 1 ชุด
เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเป็นพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ของห้องนั่งเล่นที่มีพื้นที่ตั้งแต่หน้าห้องจรดท้ายห้อง ประกอบไปด้วยโซนโต๊ะรับประทานอาหาร และชุดโซฟานั่งเล่น ทางขวามือจะเชื่อมต่อกับห้องครัวปิดที่ประกอบไปด้วยห้องน้ำกลาง และระเบียงเล็ก ส่วนทางซ้ายมือถัดจากประตูเข้าห้องจะเป็น Master Bedroom และห้องนอนเล็ก
ระยะห่างระหว่างโซฟาจรดชั้นวางทีวีมีระยะกว้างมาก จนทีวีขนาด 42 นิ้วที่โครงการจัดสรรให้เป็นไอเดียดูเล็กลงไปเลย
จากพื้นที่ในส่วนนี้สามารถติดตั้งชั้นหนังสือหรือตู้เคียงโต๊ะอาหารเป็นรูปตัวแอลได้เลย โดยเหลือพื้นที่ให้วางโต๊ะรับประทานอาหาร 4 ที่นั่ง โดยไม่ขวางทางเข้าออก ถัดจากมุมนี้เป็นประตูเชื่อมต่อไปสู่ครัวปิด โดยโครงการเลือกใช้ประตูบานเลื่อนกั้นส่วนเพื่อไม่ให้เปลืองรัศมีการเปิดประตู
Layout ห้องนอน Master Bedroom ถูกจัดวางให้อยู่ใกล้กับห้องนอนที่หนึ่ง จากภาพเป็นประตูของทั้งสองห้องนอน โดยประตูทางเข้า Master Bedroom จะอยู่ทางซ้ายมือหรือบริเวณปากทางเข้าห้อง
ถัดมาด้านในเป็นส่วนของห้องนั่งเล่น พื้นที่มีความโปร่งโล่งจากส่วนเชื่อมต่อของบานกระจกใหญ่ที่สามารถเลื่อนเปิด – ปิด เพื่อรับลมได้ โครงการเลือกจัดวางพื้นที่นั่งเล่นด้วยโซฟา L – Shape ขนาด 4-5 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลาง โดยมีพื้นที่ระหว่างชั้นวางทีวีจรดปลายโซฟาเหลือประมาณ 1.5 ม. ซึ่งเป็นระยะที่สามารถติดจอทีวีขนาด 60 นิ้วดูได้อย่างสบายตา
ด้านในมีขนาดกว้างพอสมควรสามารถติดตั้งชั้นวางทีวีหรือโต๊ะเครื่องแป้งได้โดยเหลือพื้นที่ปลายเตียงให้ใช้งาน เดินเข้าออกได้สบายๆ
โครงการจัดสรรเตียงนอนเป็นเตียงเดี่ยวขนาด 3.5 ฟุต แต่จากพื้นที่รอบเตียงตามภาพน่าจะปรับเปลี่ยนขนาดเตียง 5 ฟุต วางลงไปได้พอดี
จากมุมนี้หากไม่ได้ติดตั้งตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ตามแนวกระจกเงาที่เห็นในภาพ อาจจะสามารถวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตได้อีกเตียง ทำเป็นห้องนอนสำหรับเด็กๆ ได้ถึงสองคน
มาที่ห้อง Master Bedroom จะเห็นว่าโครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยหน้าห้องให้เป็นห้องแต่งตัว ที่มีโต๊ะเครื่องแป้งขนาดใหญ่ โดยที่ด้านในเป็นในส่วนของห้องนอน ซึ่งแบบห้องจริงหากมองภาพรวมของบริเวณพื้นที่นี้ที่ไม่มีตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้ง จะกลายเป็นพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ที่สามารถจัดมุมนั่งเล่นภายในห้องนอนได้เลย
โครงการจัดเตียงนอนขนาด 5 ฟุต เป็นไอเดีย แต่หากปรับเปลี่ยนเป็นเตียงขนาดคิงไซส์ก็ยังมีพื้นที่รอบเตียงเหลือให้วางชั้นข้างเตียงได้เช่นกัน เพราะพื้นที่ในส่วนนี้มีขนาดใหญ่พอสมควร
พื้นที่ที่เหลือด้านข้างเตียงโครงการจัดสรรให้เป็นมุมโต๊ะทำงานขนาด 1 ที่นั่ง หรือจะจัดสรรมุมนี้ให้เป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วเปลี่ยนพื้นที่ห้องแต่งตัวให้เป็นมุมพักผ่อนก็ย่อมได้
ด้านข้างเตียงอีกฝั่งที่เป็นกระจกเงาหากติดตั้งตู้เสื้อผ้าแบบบิวท์อินก็สามารถช่วยให้ห้องเหลือพื้นที่ใช้สอยไปทำอย่างอื่นได้อีกเยอะเลย
ถัดมาจากห้องนอนเป็นห้องน้ำ โครงการออกแบบให้มีการ Drop พื้นลงและใช้หินเทียมเป็นวัสดุกั้นธรณีประตู เพื่อกันน้ำไหลออกมาสู่พื้นห้องนอนที่ใช้วัสดุไม้ปาร์เก้อย่างดีปูพื้น ส่วนในห้องน้ำเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้เนื้อเดียวผิวหยาบป้องกันการลื่น
ห้องน้ำในตัวมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่มีสุขภัณฑ์จากโครงการมอบให้ครบถ้วน ทั้งอ่างล้างหน้าแบบมีที่เก็บของด้านล่าง และสุขภัณฑ์ที่มีแรงปรับระดับการชำระ 2 จังหวะ
Shower Box มีฉากบานกระจกกั้นส่วนโซนเปียก โซนแห้งชัดเจน ประตูเป็นแบบเปิดปิดที่ต้องใช้รัศมีในการเปิดเข้า – ออก อาจจะทำให้การใช้งานลำบากนิดหน่อย แต่ก็ถือเป็นฟังก์ชันของโครงการที่ออกแบบห้องน้ำมาในลักษณะที่สามารถใช้งานได้เพียงคนเดียว
พื้นที่ห้องอาบน้ำมีขนาดกว้างประมาณ 90×90 ซม. ในลักษณะการใช้งานหนึ่งคนสามารถยืนอาบน้ำได้สบายๆ โดยภายในห้องอาบน้ำโครงการมอบที่นั่งอาบน้ำแบบญี่ปุ่นแบบบิวท์อินไว้ให้ด้วย
โครงการมอบ Rain Shower ให้ตามภาพ พร้อมติดตั้งท่อน้ำร้อนรองรับกับระบบน้ำจาก Rain Shower ซึ่งเป็นก็อกผสมมาให้ แต่ไม่ได้แถมเครื่องทำน้ำร้อนมาให้
กลับมาที่อีกหนึ่งส่วนภายใน Master Bedroom ก็คือส่วนเชื่อมต่อที่เป็นระเบียง มีขนาดกว้างประมาณ 1.4 ม. สามารถจัดโต๊ะชุดเล็กๆ นั่งจิบกาแฟได้เลย
โครงการติดตั้งท่อประปา และทางน้ำไหลไว้ให้เรียบร้อย พื้นที่ขนาดใหญ่ส่วนนี้สามารถวางเครื่องซักผ้าได้สบายๆ ทั้งแบบฝาบนและฝาหน้า
ห้องอาบน้ำเป็นสเปคเดียวกับห้องน้ำในตัวของ Master Bedroom มีการติดตั้งสายไฟซ่อนผนังสำหรับเครื่องทำน้ำอุ่นไว้เรียบร้อย แต่ไม่มี Rain Shower มอบให้สำหรับห้องน้ำในส่วนนี้
โครงการมอบเคาท์เตอร์ครัวให้ตามภาพ ประกอบด้วยซิงค์ล้างจาก เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควัน โดยขนาดของเคาท์เตอร์ครัวมีขนาดไม่ยาวมาก จัดสรรให้เหลือพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นขนาด 9.1 คิวบ์ หรือใหญ่กว่านิดนึงได้
พื้นที่เตรียมครัวมีขนาดไม่กว้างมากจากเคาท์เตอร์ครัวที่ไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็ยังสามารถวางเขียงวางอุปกรณ์ประกอบอาหารต่างๆ ได้
พื้นห้องครัวโครงการใช้กระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 30×30 ซม. สามารถทำความสะอาดได้ง่ายจากผิวกระเบื้องที่เป็นผิวมัน แต่อาจจะมีปัญหาตามร่องยาแนวที่มีความถี่มากกว่ากระเบื้องขนาดใหญ่ที่จะมีรอยยาแนวน้อยกว่า
พื้นที่ระเบียงเล็กที่เชื่อมต่อกับห้องครัวมีขนาดประมาณ 90 x 120 ซม. พร้อมเชื่อมต่อระบบประปาให้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่สามารถวางเครื่องซักผ้าได้เช่นกัน โดยเหลือพื้นที่ให้ตากผ้า หรือยืนรับลมแบบเหลือๆ
ทําเล & การเดินทาง
วิเคราะห์ศักยภาพทำเล
ปัจจุบันบางนาถือเป็นนิวโลเกชั่นที่ซัพพลายนิยมตบเท้าเข้ามาปักหมุดของโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ นับตั้งแต่มีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเส้นสุขุมวิทสถานีอ่อนนุช-แบริ่ง ระยะทาง 5.25 กิโลเมตรที่เพิ่งเปิดให้บริการประมาณปี 2554 หรือ 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ราคาขายของที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายมีราคาสูงขึ้นจากอานิสงส์ดังกล่าว แต่ด้วยการเชื่อมต่อของสถานีบางนาที่ค่อนข้างไกลออกมาจากตัวเมือง ทำให้การตัดสินใจในการลงทุนของดีเวลลอปเปอร์ต่างๆ เมื่อเปรียบเทียบราคาค่าที่ดินเป็นเรื่องยากในการตีตลาดคนพื้นที่หรือดึงดีมานด์ภายในตัวเมืองเข้ามา จากความเจริญในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ทำให้การตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมติดแนวรถไฟฟ้าดูยากขึ้นจากราคาที่สูงเกินไป โดยถึงแม้จะสามารถเชื่อมต่อเข้าสู่เมืองได้แต่ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร ดังนั้นซัพพลายส่วนใหญ่จึงขยับตัวออกมาบนถนนสายรองหรือซอยต่างๆ อาทิ ซอยลาซาล – แบริ่งหรือซอยอุดมสุขหรือแม้แต่บริเวณถนนบางนา – ตราด ที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างแยกบางนา ไปจนถึงถนนศรีนครินทร์ แต่ด้วยความที่ถนนเส้นนี้ไม่ได้มีรถไฟฟ้าตัดผ่านการปลูกสร้างคอนโดมิเนียมริมถนนที่มีค่าที่แพงกว่าที่ในซอยจึงทำให้ซัพพลายเลือกขยับตำแหน่งของโครงการออกไปอยู่ในซอยบางนา – ตราด ที่ได้พื้นที่ใช้สอยที่มากกว่าและมีราคาที่คุ้มค่าโดยในแง่ของความสะดวกสบายก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก และตำแหน่งของโครงการ เดอะ นิช โมโน พีค บางนา เฟส 3 ก็มีที่ตั้งอยู่บริเวณข้างๆ ซอยบางนา 42 ซึ่งศักยภาพของพื้นที่บริเวณนี้จะค่อนออกไปทางทำเล บางนา – ศรีนครินทร์ มากกว่าทางฝั่งแยกบางนา แต่ทั้งนี้เมื่อความเจริญในอนาคตที่เกิดขึ้นระหว่างสองฝั่งดังกล่าวล้วนมีผลกับที่ตั้งโครงการ
วิเคราะห์ทำเลที่ตั้งโครงการ
เดอะ นิช โมโน พีค บางนา เฟส 3 ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับซอยบางนา – ตราด 42 โดยมีถนนเส้นหลักที่ใช้ในการเดินทางคือถนนบางนา-ตราด หากออกมาจากซอยที่ตั้งโครงการและกลับรถ นับจากปากซอยไปประมาณ 700 ม. จะสามารถเดินทางเข้าสู่ ถนนศรีนครินทร์ได้ หากไม่กลับรถและตรงไปประมาณ 3.5 กม. จะเป็นแยกบางนาความหวังของความเจริญที่จะได้เป็นจุดศูนย์กลาง Eastern Business District ในอนาคต ถึงแม้ที่ตั้งโครงการจะใกล้ฝั่งถนนศรีนครินทร์มากกว่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอานิสงส์ต่างๆ จากทางฝั่งแยกบางนาจะส่งผลมาไม่ถึงโครงการ ซึ่งโอกาสในอนาคตสิ่งที่มีผลให้ราคายูนิตโครงการถูกอัพเกรดขึ้นไปอีกแน่ๆ ก็คือการมาของโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายลาดพร้าว – ศรีนครินทร์ที่จะเข้ามามีบทบาทบนถนนสายศรีนครินทร์ รวมไปถึงเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวที่สถานีสำโรง ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงตามแผนงานของภาครัฐจะส่งผลกระทบในแง่ดีให้กับที่ตั้งโครงการ โดยสถานีที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและใกล้กับโครงการมากที่สุดก็คือสถานีศรีเอี่ยมบริเวณแยกถนนบางนา – ตราด และศรีนครินทร์
เส้นทางการเดินทางของโครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเหลือง
นอกจากนั้นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่ช่วยซัพพอร์ทภาคการคมนาคมให้กับที่ตั้งโครงการก็คือส่วนต่อขยายรถไฟรางคู่ขนาดเบา (Light Rail) สายบางนา – สุวรรณภูมิ ที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสถานีอุดมสุข ซึ่งตามการคาดการจะสามารถเปิดให้ใช้บริการได้ในปี 60 โดยระยะทางจากโครงการไปสู่สถานีที่ใกล้ที่สุดจะอยู่ที่ประมาณ 2 กม. ที่สถานีวัดศรีเอี่ยม
ส่วนต่อขยายรถไฟรางคู่ขนาดเบา (Light Rail) สายบางนา – สุวรรณภูมิ
ภาพ via interlinktower.com
ทั้งนี้ทางฝั่งแยกบางนาเอง ในอนาคตก็จะกลายเป็นจุดศูนย์กลางของบางนาที่แผ่ความเจริญออกไปในรัศมีที่เป็นวงกว้าง โดยการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นและพลิกพื้นที่บริเวณแยกบางนาให้กลายเป็น East Gate ประตูเชื่อมต่อทุกภาคส่วนทางฝั่งตะวันตก โดยโปรเจกต์หลักๆ ที่จะส่งผลมาสู่ที่ตั้งโครงการก็คือโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่ของกลุ่มห้างเดอะมอลล์ที่มีแผนจะพัฒนาโครงการชอปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่บริเวณสี่แยกบางนาในนาม “Bangkok Mall” ซึ่งนับจากตัวโครงการมีระยะห่างจากแยกบางนาเพียง 3.4 กม.
การเดินทาง
เส้นทางที่หนึ่ง
เส้นทางหลักที่ใช้ในการเดินทางคือการเดินทางมาจากทางด่วน ซึ่ง ณ ที่นี่ขอเสนอการเดินทางจากทางด่วนพิเศษศรีรัช บริเวณทางขึ้นทางด่วนยมราช
จากภาพเป็นบริเวณปากทางขึ้นลงทางด่วนยมราช ให้ใช้เส้นทาง บางนา – ดาวคะนอง มีค่าใช้บริการาำหรับรถยนต์ 4 ล้อ ที่ 50 บาท
ตรงไปเรื่อยๆ ตามป้ายบางนา จะพบกับทางแยกระหว่าง ท่าเรือ – บางนา และดาวคะนองให้ตรงไปตามป้าย ท่าเรือ – บางนา
เมื่อลงมาจากทางด่วนให้ เตรียมตัวเบี่ยงขวาไปที่กลับรถแรก เพื่อเข้าสู่ถนนหลักและเตรียมตัวเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ ถนนบางนา – ตราด
เมื่อลงจากยูเทิร์นให้ตรงไปประมาณ 1.5 กม. จะพบกับซอยบางนาตราด 42 ให้เบี่ยงซ้ายเพื่อเข้าโครงการซึ่งเป็นซอยถัดไป
เส้นทางที่สอง
การเดินทางมายังโครงการด้วยรถยนต์อีกหนึ่งเส้นทาง ขอแนะนำการใช้เส้นทางจากถนนเพชรบุรี ซึ่งเป็นเส้นทางที่มาจากทางฝั่งตัวเมือง เพื่อแสดงให้เห็นถึงการเชื่อมต่อที่มีศักยภาพและใช้เวลาไม่นานในการเดินทาง
จากถนนเพชรบุรีให้มุ่งหน้าไปทางถนนพัฒนาการแล้วมุ่งตรงมาเรื่อยๆ จนถึงแยกคลองตันแล้วให้เลี้ยวซ้ายวิ่งเลียบกับทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ประมาณ ประมาณ 200 ม. จะเจอด่วนเก็บเงินค่าผ่านทางพิเศษพัฒนาการ 2 ให้มุ่งตรงมาตามป้ายบางนาจะเชื่อมต่อเข้าสู่ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จากนั้นตรงมาเรื่อยๆ เมื่อเจอป้ายทางออกถนนบางนา – ตราด ให้เบี่ยงซ้ายเพื่อออกจากทางด่วนพิเศษ และเบี่ยงขวาเข้าสู่ทางคู่ขนานถนนบางนาตราดตรงไปประมาณ 800 ม. ให้ยูเทิร์นมาอีกฝั่งและมุ่งตรงไปอีก 2 กม. จะเจอซอยบางนา – ตราด 42 อยู่ทางซ้ายมือให้เบี่ยงซ้ายไม่ต้องเข้าซอย จะเห็นถนนส่วนบุคคลและป้ายโครงการอยู่ทางซ้ายมือ
สถานที่แนวไลฟ์สไตล์
ด้วยอานิสงส์จากภาคส่วนต่างๆ ทั้งรถไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า โปรเจกต์ต่างๆ ที่จะเข้ามาในอนาคต ทำให้บริเวณถนนบางนา – ตราด มีสาธารณูปโภคที่ครบครัน และกลายเป็นอีกโซนที่เป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ทั้งแฟชั่น อาหารการกิน เพื่อรองรับดีมานด์ทั้งหมดและเปลี่ยนแปลงทำเลบางนาให้เป็นจุดศูนย์กลางของฝั่งตะวันออก โดยแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ทั้งหมดจะคลอบคลุมไปถึงทั้งโซนบางนา และบริเวณศรีนครินทร์ด้วย ถึงแม้จะอยู่ในระยะที่ต้องขับรถยนต์ แต่ก็พร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ
Harbin Ice Wonderland
Bitec Bangna
Big C ศรีนครินทร์
The Bangkok Mall
Chic Republic บางนา
Index Living Mall
Central Plaza บางนา
Big C บางนา
Paradise Park ศรีนครินทร์
SB Design Square บางนา กม.4
Haha Market
Seacon Square ศรีนครินทร์
ตลาดนัดรถไฟ ศรีนครินทร์
Tesco Lotus บางนา – ตราด
Mega บางนา
บทวิเคราะห์
วิเคราะห์อัตราผลตอบแทน
ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในย่านบางนา – ศรีนครินทร์ บริเวณที่ตั้งโครงการ ถือว่าอยู่ในแนวโน้มการเติบโตที่ดีเพราะถัดออกมาจากที่ตั้งโครงการตามแนวถนนใหญ่ประกอบไปด้วยอาคารสำนักงาน และชุมชนพาณิชยกรรมรายย่อยที่มีมาแต่ดั้งเดิมอยู่แล้ว นอกจากอานิสงส์จากโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย 2 สายใหม่ของรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว – ศรีนครินทร์) และ ส่วนต่อขยายรถไฟรางคู่ขนาดเบา (Light Rail) สายบางนา – สุวรรณภูมิ ที่จะเพิ่มภาษีให้กับราคาต่อตร.ม.ของยูนิตแล้ว ยังมีผลประโยชน์จากการมีสนามบินสุวรรณภูมิเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญ โดยปกติราคาของยูนิตที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปีบริเวณถนนบางนา – ตราดจะอยู่ที่ประมาณ 5-8% และปรับขึ้นประมาณนี้ทุกปี ซึ่งหากโปรเจกต์ที่กล่าวมาทั้งหมดเกิดขึ้นจริงด้วยราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 70,000 บาทต่อตร.ม.จะถูกอัพเกรดไปในเรท 90,000 บาทต่อตร.ม.ได้ไม่ยากเลย ซึ่งในส่วนของค่าเช่าต่อเดือนสำหรับห้องขนาดเริ่มต้นก็จะอยู่ที่ประมาณ 9,000 – 12,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ดีมานด์ในย่านบางนามีกำลังจ่ายไหว ส่วนของการลงทุนก็ใช้ศักยภาพทำเลในอนาคตที่จะเกิดขึ้นจริงเป็นการประกอบในตัดสินใจ เพราะไม่ว่าอย่างไรราคายูนิตจะต้องปรับขึ้นไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน
เปรียบเทียบโครงการอื่น
*เนื่องจากทำเลที่ตั้งโครงการยังไม่ค่อยมีคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ จึงนำโครงการมาเปรียบเทียบกับคอนโดมิเนียมไฮไรส์ที่มีราคาใกล้เคียงกันและอยู่ระแวกเดียวกัน
เดอะ สกาย สุขุมวิท (THE SKY SUKHUMVIT)
ผู้พัฒนาโครงการ: บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน)
ที่ตั้งโครงการ: ถนนสุขุมวิท 103/4 แขวงบางนา เขตบางนา กทม.
พื้นที่โครงการ: 9 ไร่ 3 งาน 26.00 ตร.ม.
รูปแบบโครงการ:
จำนวนตึก 5 อาคาร
จำนวนชั้น อาคาร A : 26 ชั้น
อาคาร B : 22 ชั้น
อาคาร C : 22 ชั้น
อาคาร D : 22 ชั้น
อาคาร E : 22 ชั้น
จำนวนห้อง อาคาร A : 204 ยูนิต
อาคาร B : 192 ยูนิต
อาคาร C : 192 ยูนิต
อาคาร D : 155 ยูนิต
อาคาร E : 155 ยูนิต
รวม 898 ยูนิต
รูปแบบห้อง: 1 ห้องนอนขนาด 22 – 35 ตร.ม., 2 ห้องนอน ขนาด 45, 50 ตร.ม., Moff ขนาด 41 – 64 ตร.ม.
ที่จอดรถ: อาคารจอดรถ 2 อาคาร สูง 9 และ 11 ชั้น หรือประมาณ 40% ไม่รวมซ้อนคัน
ราคาเริ่มต้น: 2,600,000 บาท (พ.ย. 58)
ราคาเฉลี่ย: ประมาณ 120,000 บาทต่อตร.ม.
สรุป
ในแง่ของที่อยู่อาศัยของโครงการถือว่าเป็นหนึ่งในโครงการที่มีความเป็นส่วนตัวที่สุดบนถนนบางนา – ตราด จากศักยภาพของที่ตั้งคงตอบได้ไม่ยากว่าเหมาะกับคนที่ขับรถยนต์มากกว่าคนที่มีชีวิตติดอยู่กับแนวรถไฟฟ้า โครงการจึงออกแบบที่จอดรถให้มีมากถึง 200% เพื่อรองรับดีมานด์ที่กระจายตัวอยู่ในพื้นที่บางนา หรือกลุ่มครอบครัวขยายที่กำลังมองหาบ้านหลังที่สองที่ตอบสนองความต้องการได้ครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเป็นส่วนตัวหรือส่วนกลางที่ครบครันบนศักยภาพทำเลที่มีการเติบโตสูง และยังสามารถไปต่อได้อีกไกลในอนาคต ซึ่งนอกจากกลุ่มครอบครัวขยายบนพื้นที่เอง หากมองถึงอนาคตตัวโปรดักส์โครงการก็สามารถดึงกลุ่มนักลงทุนเข้ามาได้ไม่ยาก เพราะในอนาคตสิ่งที่จะเข้ามาช่วยซัพพอ์ทเรื่องของความเจริญก็คือคือเส้นทางคมนาคมที่จะเกิดขึ้นไม่ไกลโครงการ อาทิ โครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่เชื่อมส่วนต่อขยายสายสุขุมวิทเอาไว้ และสามารถเดินทางไปได้ทุกทิศทาง รวมไปถึงรถไฟรางคู่ขนาดเบาก็ยังอยู่ในระยะที่พึ่งพาขนส่งมวลชนไปได้ไม่ยาก ภาพรวมของโครงการทั้งหมดจึงเรียกได้ว่าคลอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายจากศักยภาพทำเลและโปรดักส์ที่มีความชัดเจนเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายในราคาเริ่มต้นที่ 2.7 ล้านสำหรับห้องชุดพักอาศัยขนาด 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 35.00 ตร.ม. โดยห้อง Type นี้จะมีเพียง 6 ยูนิตเท่านั้น โดยอีก 36 ยูนิตจะเป็นห้องชุดพักอาศัยขนาด 2 ห้องนอนที่มีพื้นที่ใช้สอย 62.00 ตร.ม. กับราคาเริ่มต้นที่ 4.4 ล้านบาท ซึ่งการที่โครงการเน้นยูนิตที่มีราคาระดับ 4-5 ล้านนั้น ถือเป็นปัจจัยที่ดึงกลุ่มดีมานด์ที่อยู่ในเซกเมนต์ของนักธุรกิจหรือพนักงานระดับสูงที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูงเข้ามาในโครงการ ดังนั้นสิ่งที่ตามมาก็คือสังคมที่หน้าอยู่มีความหรูหรา จากรสนิยมของผู้อยู่อาศัยที่มีกำลังซื้อบวกกับจุดเด่นของที่จอดรถ 200% ที่เสมือนเป็นตัวคัดกรองให้กลุ่มคนที่มีเม็ดเงินสูง และมีไลฟ์สไตล์บนความหรูหรามารวมตัวกันกลายเป็นอีกหนึ่งสังคมคุณภาพบนทำเลบางนา – ตราด
สนใจ คอนโดฯ ในโครงการนี้? เลือกชม รายการประกาศ ราคาโดนใจ