รีวิวโครงการ: ลุมพินี วิลล์ จรัญ - ไฟฉาย (Lumpini Ville Charan-Fai Chai)

โครงการลุมพินี วิลล์ จรัญ – ไฟฉาย (Lumpini Ville Charan-Fai Chai) เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 21-23 ชั้น จำนวน 3 อาคาร ห้องชุดพักอาศัยรวม 1,482 ยูนิต แบ่งเป็น Tower A สูง 21 ชั้น อาคาร B สูง 23 ชั้น อาคาร C สูง 22 ชั้น มีแบบห้องให้เลือกทั้งหมด 4 Type คือ แบบ Studio และแบบ 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 25-44 ตารางเมตร ออกแบบห้องเน้นความเรียบง่าย พร้อมออกแบบเพดานสูงถึง 2.6 เมตร เน้นความโปร่ง โล่ง ให้ผู้พักอาศัยรู้สึกสบายและผ่อนคลายเมื่ออยู่ในห้อง พร้อมแบ่งโซนออกเป็นสัดส่วน พื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง ฟังก์ชันการใช้งานครบครัน ให้ส่วนกลางเยอะกระจายอยู่ตามจุดต่าง ๆ ของแต่ละอาคาร อาทิ สระว่ายน้ำ, ห้องอเนกประสงค์, ฟิตเนส, สนามเด็กเล่น, ลานฟิตแอนด์เฟิร์ม, ลานพักผ่อน, สวนดาดฟ้า, จุดชมวิวดาดฟ้า และห้องเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ

Master Plan

จาก Master Plan โครงการออกแบบให้มีทางเข้าออกเพียงทางเดียว เพื่อง่ายต่อการรักษาความปลอดภัย มีถนนวนรอบโครงการ เชื่อมต่อแต่ละอาคารได้อย่างสะดวก พร้อมพื้นที่สีเขียวรอบโครงการ แบ่งเป็น ชั้น 1 มีสวนขาดใหญ่ 2 จุด จุดแรกอยู่ระหว่างอาคาร A และ B พร้อมสระว่ายน้ำระบบเกลือขนาดใหญ่ จุดที่สองอยู่ระหว่างอาคาร B และ C พร้อมสนามเด็กเล่น นอกจากนี้ยังมีส่วนกลางที่เป็นพื้นที่สีเขียวอยู่ตามชั้นต่าง ๆ เช่น อาคาร B อยู่ชั้น 17 และอาคาร C อยู่ชั้น 5 ส่วนชั้นบนสุดของแต่ละอาคารจะมี Sky Lounge, Green Togethreness Area และ Sky Fitness ซึ่งสามารถชมวิวเมืองได้แบบ 360 องศา

Unit Type

สำหรับห้องตัวอย่างอยู่ที่อาคาร C มี 2 ขนาด ได้แก่ ห้องแบบ Studio พื้นที่ใช้สอย 25 ตารางเมตร และแบบ 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 29 ตารางเมตร

สิ่งที่จะได้รับจากโครงการ

• พื้น: พื้นห้องเป็นพื้น SPC ลายไม้, พื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้อง
• สุขภัณฑ์: โถสุขภัณฑ์พร้อมสายฉีดชำระ, ที่ใส่กระดาษชำระ, อ่างล้างหน้าพร้อมกระจก, Rain shower, เครื่องทำน้ำอุ่น, ฝักบัว
• ชุดครัว: เคาน์เตอร์ครัวและอ่างล้างจาน

สิ่งอำนวยความสะดวก

สวนส่วนกลาง และสระว่ายน้ำจะอยู่ระหว่างอาคาร A และ อาคาร B

สำหรับสระว่ายน้ำเป็นระบบเกลือ มาพร้อมสระเด็ก

ข้างสระว่ายน้ำวาง Daybed สำหรับพักผ่อน ๆ ไว้หลายตัว

สวนส่วนกลาง ออกแบบเป็นพื้นที่โล่ง บริเวณรอบ ๆ มีไม้พุ่มไม่ยืนต้นให้ความร่มรื่น

บริเวณสวนมีการจัดชุดโต๊ะเก้าอี้ไว้คอยบริการหลายจุด

ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นสวนส่วนกลางจุดที่ 2 อยู่ระหว่างอาคาร B และอาคาร C พร้อมสนามเด็กเล่น

ภายในสวนออกแบบให้มีที่นั่งใต้ต้นไม้ เมื่อต้นไม้โตเต็มที่ตรงนี้ก็จะร่มรื่นและเหมาะสำหรับมานั่งพักผ่อนสัมผัสบรรยากาศของธรรมชาติ

สนามเด็กเล่น มีเครื่องเล่นหลากหลายแบบให้เลือก พร้อมปูพื้นด้วย EPDM เป็นพื้นชนิดพิเศษ ลดแรงกระแทกป้องกันเกิดอุบัติเหตุ

Co-Living Zone อยู่ชั้น 1 สามารถใช้เป็นห้องทำงานและห้องประชุม หรือใช้สำหรับนั่งเล่น พักผ่อน รวมไปถึงใช้รองรับแขกได้

Housework อยู่บริเวณชั้น 1 ก่อนประตูทางเข้าตึก พื้นที่สำหรับให้บริการเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ และตู้กดน้ำดื่ม

กล่องรับจดหมาย จะอยู่บริเวณก่อนถึงประตูทางไปลิฟต์โดยสารชั้น 1 พร้อมพื้นที่สำหรับนั่งพักคอย

โถงทางเดินระหว่างชั้นมีการออกแบบช่องแสงขนาดใหญ่ ช่วยให้โถงทางเดินมีความโปร่ง โล่ง ไม่อึดอัด และที่สำคัญช่วงกลางวันไม่ต้องเปิดไฟ

พื้นที่สวนส่วนกลางบริเวณชั้น 5 ของอาคาร C ออกแบบเป็นสนามหญ้าโล่ง ๆ พร้อมมุมสำหรับนั่งเล่นใต้ต้นไม้

ไฮไลต์ของโครงการอยู่บนชั้น 22 คือ การออกแบบ Sky Lounge เป็นห้องนั่งเล่น พร้อมชมวิวย่านจรัญสนิทวงศ์แบบ 180 องศา 

อีกหนึ่งไฮไลต์ คือห้องฟิตเนส ออกแบบเป็นรูปตัว L  เพื่อให้สามารถชมวิวได้ทั้ง 2 ฝั่ง ภายในห้องมีอุปกรณ์ออกกำลังครบครัน ทั้งลู่วิ่งออกกำลังกาย, เวทเทรนนิ่ง, จักรยานออกกำลังกาย และอุปกรณ์ต่าง ๆ อีกมากมาย

ชั้นบนมีห้องน้ำไว้คอยบริการด้วย แบ่งเป็นห้องน้ำชาย-หญิงเป็นสัดส่วน

Green Togethreness Area อยู่บริเวณชั้น 22 เช่นกัน  แบ่งเป็นพื้นที่สำหรับออกกำลังกายกลางแจ้ง และพื้นที่สำหรับปลูกผักสวนครัว เพื่อให้ลูกบ้านนำไปประกอบอาหาร พร้อมชมวิวเมืองได้แบบ 360 องศา

รีวิวห้องตัวอย่าง 1 Tower C แบบ Studio พื้นที่ใช้สอย 25 ตารางเมตร

ประตูห้องติดตั้งระบบ Digital Door Lock เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในห้องจะเป็นโถงทางเดิน เชื่อมพื้นที่ส่วนต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกัน โดยทางขวามือออกแบบเป็นเคาน์เตอร์ครัว ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำ ตรงเข้าไปด้านในเป็นส่วนของ Living Area และห้องนอน พื้นห้องปูด้วยไวนิลกระเบื้องยางลายไม้ ซึ่งสามารถกั้นห้องครัวให้เป็นสัดส่วนเพิ่มเติมภายหลังได้

สำหรับเคาน์เตอร์ครัว ทางโครงการออกแบบเป็นพื้นที่สำหรับทำอาหารพร้อมอ่างล้างจาน ด้านบนบิลท์อินเป็นตู้สำหรับเก็บของ ด้านล่างบิลท์อินเป็นตู้สำหรับเก็บอุปกรณ์และพื้นที่สำหรับวางไมโครเวฟ ด้านข้างสำหรับวางตู้เย็น

ห้องน้ำ มีธรณีก่อขึ้นมาเพื่อกันน้ำไหลย้อนสูงประมาณ 5 เซนติเมตร ภายในมีอุปกรณ์ครบครัน ทั้งอ่างล้างหน้าพร้อมกระจก โถสุขภัณฑ์พร้อมสายฉีดชำระ ที่ใส่กระดาษชำระ และฝักบัว พร้อมแบ่งโซนอาบน้ำเป็นสัดส่วน ด้านบนฝ้ามีพัดลมดูดอากาศ 1 ตัว ส่วนพื้นปูด้วยกระเบื้องขนาด 30×30 เซนติเมตร

เมื่อเข้ามาภายในจะเป็นส่วนของห้องนอน และ Living Area เชื่อมเป็นพื้นที่เดียวกัน

ภายในห้องขนาดกว้างขวาง สามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้สบาย ๆ เหมาะสำหรับการพักผ่อน 1-2 ท่าน

ด้านซ้ายเป็นพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าขนาดกำลังดี และเมื่อมองจากมุมนี้เข้ามาภายในห้อง จะเห็นว่าห้องมีขนาดที่กว้างขวาง ข้อดีของห้อง Studio คือจะได้ห้องที่กว้าง โปร่ง โล่ง

มุมข้างเตียงด้านขวาที่อยู่ติดกับหน้าต่าง สามารถวางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้ จัดเป็นมุม Living Area เล็ก ๆ น่ารัก ๆ ได้ หรือบางท่านอาจจะทำเป็นพื้นที่สำหรับนั่งทำงานก็ได้เช่นกัน

ปลายเตียง ทางโครงการตกแต่งเป็นพื้นที่สำหรับนั่งทำงาน พร้อมโต๊ะสำหรับวาง Smart  TV ส่วนด้านซ้ายจะเป็นระเบียง

ระเบียงห้องขนาดประมาณ 60x160x110 เซนติเมตร (กxยxส) ปูพื้นด้วยกระเบื้องขนาด 30×30 เซนติเมตร พร้อมติดตั้งราวตากผ้ามาให้ด้วย

รีวิวห้องตัวอย่าง 2 Tower C แบบ 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 29 ตารางเมตร

ประตูห้องติดตั้งระบบ Digital Door Lock เหมือนห้อง Studio เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในห้องจะเป็นโถงทางเดิน เชื่อมไปยัง Living Area และห้องนอน ทางซ้ายมือออกแบบเป็นเคาน์เตอร์ครัว ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำ พื้นห้องปูด้วยไวนิลกระเบื้องยางลายไม้เหมือนห้อง Studio

เคาน์เตอร์ครัว ทางโครงการออกแบบเป็นพื้นที่สำหรับทำอาหารพร้อมอ่างล้างจาน ด้านบนและด้านล่างบิลท์อินเป็นตู้และชั้นสำหรับเก็บของ ด้านข้างสำหรับวางตู้เย็น

ห้องน้ำมาพร้อมอุปกรณ์ครบครัน เหมือนห้อง Studio

เข้ามาตรงกลางห้องจะเป็นส่วน Living Area สามารถกั้นห้องแยกกับห้องครัวเพิ่มเติมได้

มุมสำหรับติดตั้ง Smart TV  ออกแบบเชื่อมกับเคาน์เตอร์ครัว

มุมพักผ่อน จัดวางชุดโซฟาขนาดกลาง เหมาะสำหรับการพัก 1-2 ท่าน

Living Area จะเชื่อมต่อกับห้องนอน โดยกั้นด้วยประตูกระจกแบบบานเลื่อน ทำให้ห้องดูโปร่ง โล่ง และหากต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถติดผ้าม่านเพิ่มได้

ห้องนอน ขนาดกว้างขวาง ด้านซ้ายอยู่ติดกับระเบียง สามารถเปิดรับแสงจากธรรมชาติและออกไปชมวิวริมระเบียงได้

มุมมองจากห้องนอนไปยังส่วนด้านนอก จะเห็นว่าพื้นที่ห้องมีความกว้างขวาง แบ่งฟังก์ชันการใช้งานออกเป็นสัดส่วน

ปลายเตียงบิลท์อินเป็นตู้เสื้อผ้า และพื้นที่สำหรับนั่งทำงาน

มุมริมหน้าต่าง สามารถตกแต่งเป็นพื้นที่นั่งทำงาน อ่านหนังสือได้ โดยมีหน้าต่างบานเลื่อนขนาดประมาณ 95×130 เซนติเมตร สามารถเปิดรับแสงและลมธรรมชาติได้

ระเบียงห้องขนาดประมาณ 9x160x110 เซนติเมตร (กxยxส) ปูพื้นด้วยกระเบื้องขนาด 30×30 เซนติเมตร พร้อมติดตั้งราวตากผ้ามาให้เหมือนห้อง Studio