กทม. เปิดเวทีระดมความคิดเห็นแนวโน้มการก่อสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีลม ตอนที่ 3 (บางหว้า-ตลิ่งชัน) ปชช.ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว หากโครงการเดินหน้าจริงคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2563
นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ครั้งที่ 1 โครงการศึกษาความเหมาะสม จัดทำแบบเบื้องต้น และจัดเตรียมเอกสารประกวดราคา โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครส่วนต่อขยายสายสีลม ตอนที่ 3 (บางหว้า-ตลิ่งชัน)
แนวคิดที่จะพัฒนาส่วนต่อขยายดังกล่าวเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น แต่ยังขาดระบบขนส่งมวลชน ทำให้ประชาชนต้องเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล ก่อให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดบนถนนราชพฤกษ์โดยเฉพาะช่วงชั่วโมงเร่งด่วนและวันหยุด
สำหรับข้อเสนอในการพัฒนาเส้นทางของรถไฟฟ้าสายดังกล่าว แบ่งออกเป็น 3 เส้นทางด้วยกัน ได้แก่ แนวเส้นทางที่ 1 ระยะทาง 7-8 กม. จำนวน 6 สถานี ใช้พื้นที่เกาะกลางตามแนวถนนราชพฤกษ์ สิ้นสุดที่ทางลาดลงของสะพานข้ามรถไฟสายสีแดงอ่อน (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) และรถไฟสายสีส้ม (ตลิ่งชัน-มีนบุรี)
แนวเส้นทางที่ 2 ระยะทาง 10 กม. จำนวน 8 สถานี ใช้พื้นที่เกาะกลางตามแนวถนนราชพฤกษ์ เลี้ยวซ้ายที่ทางแยกตัดถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4 เลี้ยวขวาเข้าถนนพุทธมณฑลสาย 1 สิ้นสุดที่ปลายถนนสวนผักบรรจบกับแนวเส้นทางรถไฟสายสีแดงอ่อน (ตลิ่งชัน-ศาลายา)
ส่วนแนวเส้นทางที่ 3 เหมือนแนวเส้นทางที่ 1 ยกเว้นช่วงปลายหลังจากทางยกระดับบรมราชชนนี จะเบี่ยงแนวเส้นทางไปทางทิศตะวันตกเข้าสู่สถานีตลิ่งชัน ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟสายสีแดงอ่อนมากที่สุด จากนั้นจะเบี่ยงแนวเส้นทางกลับมายังถนนราชพฤกษ์อีกครั้ง
ด้านนายธาริศร์ อิสสระยั่งยืน วิศวกรโครงการ ได้ชี้แจงถึงข้อดี-ข้อเสียของทั้ง 3 เส้นทาง ดังนี้ แนวเส้นทางที่ 1 ไม่ต้องมีการเวนคืนที่ดินและยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ เช่น รถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-ตลิ่งชัน, รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงท่าพระ-บางแค และรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรีได้
ในขณะที่แนวเส้นทางที่ 2 มีระยะทางไกลที่สุด ต้องใช้งบประมาณการก่อสร้างมากที่สุด และเวนคืนพื้นที่จำนวนมาก ส่วนแนวเส้นทางที่ 3 เป็นแนวเส้นทางที่ใกล้เคียงกับแนวเส้นทางที่ 1 แต่ช่วงปลายเส้นทางจะมีการเบี่ยงเส้นทางเข้าในพื้นที่เอกชนเพื่อเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีแดงใกล้ที่สุด ทำให้มีปริมาณผู้โดยสารสูงที่สุด
สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการก่อสร้างนั้นคาดว่าอยู่ที่กิโลเมตรละ 1,500 ล้านบาท รวมทั้งโครงการประมาณ 10,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ประชาชนที่เข้ารับฟังส่วนใหญ่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว และขอให้ กทม.เลือกแนวเส้นทางที่คุ้มค่าและเหมาะสมมากที่สุด
โดยหากทุกอย่างเป็นไปตามแผนจะสามารถเริ่มการก่อสร้างได้ในปี 2560 และเปิดให้บริการได้ภายในปี 2563
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com
อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่