ตลาดที่อยู่อาศัยต่างจังหวัดฝืดจริงหรือ?

Kanchana Paha13 พ.ค. 2558

Pattaya skyline

AREAเผยสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัดยังคงพอไปได้ แม้จะออกตัวฝืด แนะจับตาสองเมืองใหญ่ในเชียงใหม่ สันกำแพง-แม่ริมที่มีสินค้าค้างตลาดเยอะ ในขณะที่ตลาดชลบุรีมีแนวโน้มดี

ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าทรัพย์สินไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (AREA) เปิดเผยว่าจากการสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดภูมิภาค หรือ 26 เมืองใหญ่นอกพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลครั้งล่าสุดพบว่าตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดภูมิภาคคิดเป็นสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของตลาดที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล

เมืองที่ราคาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยมีราคาเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ หัวหิน-ปราณบุรี ที่ราคาขายบ้านและคอนโดมิเนียมเฉลี่ยอยู่ที่ 4.483 ล้านบาทต่อยูนิต รองลงมา ได้แก่ กระทู้ในจังหวัดภูเก็ตราคา 3.507 ล้านบาท และพัทยาฝั่งทะเล 3.355 ล้านบาท ส่วนเมืองที่มีราคาขายต่ำสุดคือ เมืองชลบุรี ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1.616 ล้านบาท และบ่อวิน (ชลบุรี) 1.717 ล้านบาท เป็นต้น ทั้งนี้เทียบกับราคาเฉลี่ยของอสังหาฯ ในเขตกรุงเทพฯ ที่ 3 ล้านบาท

ในรอบปี 2557 ที่ผ่านมา ส่วนภูมิภาคมีที่อยู่อาศัยขายได้ประมาณ 45,296 ยูนิต โดยเป็นหน่วยเปิดใหม่ 38,124 ยูนิต แสดงให้เห็นว่า ปริมาณที่อยู่อาศัยที่ขายได้และที่เปิดตัวในจังหวัดภูมิภาคในปีที่ผ่านมาเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของสินค้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ขายได้ราว 90,000 ยูนิต ส่วนจำนวนหน่วยเปิดใหม่เป็นเพียง 1 ใน 3 ของเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่เปิดราว 116,000 ยูนิต

เมืองที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่สูงสุด ได้แก่ ในเขตตัวอำเภอเมืองชลบุรี เปิดตัวมากถึง 6,094 ยูนิต คิดเป็น 16% ของจำนวนหน่วยที่เปิดใหม่ทั้งหมด รวมมูลค่า 11,382 ล้านบาท แต่เมืองที่มูลค่าของโครงการเปิดใหม่สูงสุดกลับเป็น อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีที่มูลค่าการเปิดตัวโครงการในรอบปีที่ผ่านมาสูงถึง 13,668 ล้านบาท
ทำเลอย่างอำเภอเมืองชลบุรียังเป็นพื้นที่ที่สามารถขายได้สูงสุดรวม 3,913 ยูนิต คิดเป็น 8.4% ของยูนิตที่ขายได้ทั้งหมด

ส่วนเมืองที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่น้อยมากหรือไม่มีการเปิดใหม่เลยในช่วงรอบปีทีผ่านมา ได้แก่ อำเภอ มาบตาพุต จังหวัดระยอง, อำเภอดอยสะเก็ด จังหวดัเชียงใหม่

เมืองที่มีสินค้าเหลือขายในตลาดมากที่สุด ได้แก่ พื้นที่พัทยาฝั่งทะเล โดยมีหน่วยเหลือขายอยู่ 12,572 ยูนิต อย่างไรก็ตาม เมืองที่มีสัดส่วนของซัพพลายเหลืออยู่ในตลาดมากที่สุด ก็คือ สันกำแพง (เชียงใหม่) ที่อัตราการขายได้อยู่ที่ 55% จากหน่วยรอขาย 3,096 ยูนิต ซึ่งหากอัตราการขายยังช้าอยู่เช่นนี้ คาดว่าต้องใช้เวลาขายอีก 25.4 เดือน จึงจะขายสินค้าที่รอขายอยู่ในปัจจุบันหมด รองลงมา ได้แก่ แม่ริม (เชียงใหม่) โดยต้องใช้เวลาอีก 20.4 เดือนในการขาย 530 ยูนิตที่เหลือ

ส่วนอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีอัตราการขายได้ช้า ได้แก่ อำเภอถลาง (ภูเก็ต) ที่ต้องใช้เวลาอีก 12.7 เดือน ในการขาย 2,865 ยูนิตที่เหลือหมด แต่ก็ถือว่าไม่มากจนเกินไปนัก

“โดยสรุปแล้ว สถานการณ์ในจังหวัดภูมิภาคยังพอไปได้ในแง่ที่จำนวนหน่วยที่เหลือขายอยู่นั้น จะขายหมดเฉลี่ยเพียง 6.4 เดือนเท่านั้น ในขณะที่สินค้าในกรุงเทพฯ จะต้องใช้เวลาขายเกินกว่า 12 เดือน ซึ่งแสดงถึงการขายที่ค่อนข้างอืดเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามการเปิดตัวโครงการใหม่ จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนการดำเนินการ” ดร.โสภณ กล่าวทิ้งท้าย

เรื่องข้างต้นนี้เรียบเรียงโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com

อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

หรือโอกาสรีเซลของคอนโดฯเก่าใจกลางกรุงกำลังจะกลับมา?

ซีบีอาร์อีเผยแม้ราคารีเซลห้องชุดในคอนโดฯ เก่าในกรุงเทพฯ จะไม่แรงเท่า

อ่านต่อ12 พ.ค. 2558