บอสAREAออกโรงโต้แนวคิดอพาร์ทเมนต์คนจน

Kanchana Paha25 มิ.ย. 2558

Baan ua-athorn

ประธาน AREA ออกโรงค้านแนวคิด “อพาร์ทเมนต์คนจน” สุดตัว ชี้เป็นการบิดเบือนตลาด พร้อมแนะนำให้รัฐส่งเสริมการโปรโมทโครงการบ้านราคาถูกอย่างบ้านเอื้ออาทร, บ้านการเคหะหรือบ้านที่ถูกยึดโดยกรมบังคับคดีมากกว่าการสร้างใหม่

ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA ได้ออกโรงแสดงความไม่เห็นด้วยต่อแนวคิดของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในการพัฒนาอพาร์ทเมนต์ใกล้รถไฟฟ้า หรือที่มีระบบขนส่ง โดยให้เช่าหรือซื้อโดยผ่อนในราคาไม่เกิน 3 แสนบาท ผ่อนเดือนละ 1,000 – 2,000 บาทต่อเดือน โดยมองว่าเป็นการแก้ไขที่ไม่ถูกจุด และอาจสร้างปัญหาเพิ่มเติม

“ผมเคยทำหนังสือไปท้วงท่านนายกฯ ทักษิณเมื่อปี 2546 ว่าไม่ควรสร้างบ้านเอื้ออาทร ตั้งแต่ท่านมีดำริว่าสำหรับประเทศไทย รัฐบาลแทบไม่ต้องสร้างบ้านคนจนเลย AREA พบว่าในช่วงปี 2533-2541 ภาคเอกชนไทยสร้างที่อยู่อาศัยราคาถูก (หน่วยละไม่เกิน 4 แสนบาท) ถึง 226,810 ยูนิต รวมพื้นที่ 6-7 ล้านตารางเมตรในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่มที่ประสบความสำเร็จในการลดปัญหาสลัม”

ดร.โสภณให้ความเห็นว่ากรณีห้องชุดใจกลางเมืองบนเส้นทางรถไฟฟ้า MRT และ BTS นั้น ปัจจุบันห้องชุดขายในราคาสูงสุดประมาณ 420,000 บาทต่อตารางเมตร และขั้นต่ำประมาณ 80,000 บาทต่อตารางเมตร หากห้องชุดหนึ่งมีขนาด 20 ตารางเมตร ก็เป็นเงินอย่างน้อย 1.6 ล้านบาท หากหักค่าดำเนินการ ภาษี ดอกเบี้ย กำไร ฯลฯ ออก ก็จะเหลือเป็นเงินอย่างน้อย 1.1 ล้านบาท ถ้ารัฐบาลจะสร้างขายในราคา 300,000 บาท ก็เท่ากับต้องชดเชยให้ยูนิตละ 800,000 บาท ถ้าสร้าง 100,000 ยูนิต ก็ต้องใช้เงิน 80,000 ล้านบาท

ในขณะที่ห้องชุดตามแนวรถไฟฟ้าเขตนอกเมืองนั้น ปัจจุบันราคาขายอยู่ที่ตารางเมตรละ 50,000 บาท ขนาด 20 ตารางเมตร ก็เป็นเงิน 1 ล้านบาท หากหักค่าดำเนินการ ภาษี ดอกเบี้ย กำไร ฯลฯ ออก ก็จะเหลือเป็นเงินอย่างน้อย 0.7 ล้านบาท ถ้ารัฐบาลจะสร้างขายในราคา 300,000 บาท ก็เท่ากับต้องชดเชยให้ยูนิตละ 400,000 บาท ถ้าจะสร้าง 100,000 ยูนิต ก็ต้องใช้เงิน 40,000 ล้านบาท แต่ผู้อยู่ห้องชุดเหล่านี้ หากต้องการเดินทางเข้ามาทำงานใจกลางเมืองโดยใช้บริการรถไฟฟ้า เช่น จากบางบัวทอง อาจต้องเสียค่ารถวันละเกือบ 300 บาท ซึ่งคงเป็นไปได้ยาก

“ถ้ารัฐบาลทำอย่างนี้ คงมีคนอ้างตนเป็น “คนจน” อีกมากที่จะสวมรอยเข้ามาจับจองสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยประเภทนี้ นอกจากนี้ ยังเป็นการทำลายตลาดบ้านเช่ากลางเมืองที่ขณะนี้ปล่อยเช่าในราคา 1,500-3,000 บาท ซึ่งคาดว่าจะมีประมาณ 200,000 ยูนิตลงไป ทำให้ผู้ประกอบการ SMEs รายย่อยเหล่านี้ และสถาบันการเงินที่อำนวยสินเชื่อให้สร้างอะพาร์ทเมนต์เหล่านี้ก็จะประสบเคราะห์กรรมไปด้วย ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงผู้มีรายได้ปานกลางค่อนข้างน้อยที่ผ่อนบ้านอยู่ อาจจะทิ้งการผ่อนชำระมาเข้าโครงการนี้ ทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยปั่นป่วน พังทลายลงไปได้”

ทั้งนี้ ประธาน AREA ได้เสนอแนะให้รัฐบาลส่งเสริมให้คนมาซื้อบ้านราคาถูกที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในตลาดมากกว่าจะสร้างใหม่ โครงการบ้านเหล่านี้ ได้แก่ บ้านของการเคหะแห่งชาติ ทั้งบ้านเอื้ออาทรและเคหะชุมชนอื่นๆ ซึ่งยังเหลือหรือว่างอยู่อีกนับแสนๆ ยูนิต, บ้านของโครงการที่อยู่อาศัยของภาคเอกชน ซึ่งมีขายอยู่ในราคา 200,000 – 400,000 บาท และบ้านที่ถูกยึดในกรมบังคับคดี บริษัทบริหารสินทรัพย์หรือสถาบันการเงินต่าง ๆ รวมทั้งบ้านว่าง หรือบ้านที่สร้างเสร็จแต่ไม่มีใครอยู่ ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนประมาณ 300,000 ยูนิตทั่วเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล

“รัฐบาลจึงควร “กวาดบ้าน” ด้วยการนำทรัพย์เหล่านี้มาขายใหม่ ให้ประชาชนได้ซื้อในราคาถูก แก้กฎหมายให้สามารถบังคับคดีได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์ต่อทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ ถือเป็นการระบายสินค้าราคาถูกในตลาด มากกว่าจะสร้างใหม่เพื่ออำนวยประโยชน์ให้กับบริษัทผลิตวัสดุก่อสร้างโดยเฉพาะปูนซีเมนต์และเหล็ก” ดร.โสภณกล่าวทิ้งท้าย

เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com

อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่

Piti T
Jun 29, 2015
เห็นด้วย 100% ตรรกะง่ายๆ เก็บกวาดตลาดเก่าที่ยังคงค้างสต๊อกอีกมหาศาลให้หมดก่อนดีกว่า
เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

ปชช.ทราบ!บัตรประชาชนชำรุด-หายเตรียมจ่าย100บาท

ครม.ไฟเขียวเพิ่มค่าธรรมเนียมการทำบัตรประชาชนใหม่จาก 20 บาทเป็น 100 บาท หลั

อ่านต่อ24 มิ.ย. 2558

รีวิวโครงการ:เฮ้าส์ 35 แจ้งวัฒนะ(Haus 35 Chaengwattana)

แม้วันนี้โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ยังไม่ถึงก

อ่านต่อ25 มิ.ย. 2558