เขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดกับโอกาสการลงทุนในเมียนมาร์

Kanchana Paha17 ก.ค. 2558

Mae Sot City

นักวิเคราะห์มองเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนไทยที่สนใจลงทุนในประเทศเมียนมาร์ โดยเฉพาะธุรกิจประเภทสิ่งทอ, การเกษตร, โลจิสติกส์และอสังหาริมทรัพย์

จากบทวิเคราะห์โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยในหัวข้อ “เขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด … ทางเลือกเพิ่มเติมของกิจการที่อยากลงทุนในเมียนมาร์” โดยพบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีศักยภาพและมีความได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์และสิทธิประโยชน์ด้านภาษีที่เอื้อประโยชน์ต่อนักลงทุน

เขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด หรือ แม่สอด SEZ เป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจพิเศษนำร่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญมากที่สุด โดยแม่สอดนับเป็นเมืองที่สำคัญในฐานะด่านการค้าชายแดนที่มีสัดส่วนการส่งออกถึงร้อยละ 10 ของมูลค่าการส่งออกชายแดนทั้งหมดของไทยในปี 2557 ที่ผ่านมา การเริ่มโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย – เมียนมาร์แห่งที่ 2 เพื่อข้ามแม่น้ำเมยซึ่งเป็นพรมแดนธรรมชาติระหว่างแม่สอดกับเมืองเมียวดีในฝั่งเมียนมาร์จะยิ่งเสริมสร้างศักยภาพของแม่สอด SEZ ในการเป็นศูนย์กลางการผลิต/กระจายสินค้าไปสู่เมียนมาร์ต่อไปในอนาคต

แม่สอดมีพื้นที่กว่า 5,603 ไร่ ครอบคลุม 8 ตำบล ที่มีพรมแดนติดกับจังหวัดเมียวดี ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านที่สามารถเชื่อมต่อไปยังเมืองสำคัญของเมียนมาร์อย่างเมืองย่างกุ้ง การจัดตั้งแม่สอดให้กลายเป็น SEZ ทำให้กิจการที่เปิดดำเนินงานในพื้นที่ดังกล่าวได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีในรูปแบบของการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลรวมไปถึงการยกเว้นอากรขาเข้าและค่าใช้จ่ายที่อนุญาตให้หักเพิ่มเติม (Double tax-deductible expense)

นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้จัดสรรที่ดินในแม่สอด SEZ สำหรับให้กิจการที่สนใจลงทุนสามารถเช่าที่ดินเปล่าจากกรมธนารักษ์ในอัตรา 36,000 บาทต่อไร่ โดยกิจการสามารถยื่นรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดได้โดยไม่ต้องผ่านสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ผส.)

ส่วนกิจการขนาดเล็กและขนาดกลางที่ใช้พื้นที่ในการดำเนินงานไม่มาก สามารถเช่าที่ดินภายในนิคมอุตสาหกรรมที่มีความพร้อมทางด้านสาธารณูปโภคในอัตรา 160,000 บาทต่อไร่ โดยคาดว่าจะดำเนินงานได้ในปี 2560

“แม่สอด SEZ เป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจใหม่ที่จะเอื้อประโยชน์แก่นักลงทุนและผู้ประกอบการที่ใช้แรงงานเข้มข้นในการผลิต โดยเฉพาะกิจการขนาดกลางและขนาดย่อมในไทยที่ต้องการขยายตลาดเป้าหมายไปยังเมียนมาร์ แต่ยังไม่พร้อมรับความเสี่ยงจากการลงทุนในต่างประเทศ และไม่มีหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Strategic partner) ใน CLMV (กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์, เวียดนาม)” บทวิเคราะห์ระบุ

อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยที่ผู้ประกอบกิจการที่คิดจะลงทุนในเมียนมาร์ควรพิจารณา อาทิ ความไม่สงบที่เกิดจากความขัดแย้งของชนกลุ่มน้อยในเมียนมาร์ ซึ่งอาจส่งผลต่อการขนส่งสินค้าไปจำหน่ายยังตลาดเป้าหมาย แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าปัญหาดังกล่าวคงเป็นเพียงความเสี่ยงระยะสั้นที่น่าจะได้รับการแก้ไขด้วยมาตรการจากภาครัฐของเมียนมาร์

สำหรับธุรกิจที่จะได้รับประโยชน์จากแม่สอด SEZ ประกอบด้วย กิจการดั้งเดิมที่ดำเนินงานอยู่ในพื้นที่ตั้งแต่ก่อนการจัดตั้ง SEZ ครอบคลุมกิจการที่ใช้แรงงานในการผลิตเป็นหลัก อาทิ เช่น อุตสาหกรรมผลิตสิ่งทอ ตลอดจนกิจการที่สามารถใช้ประโยชน์จากตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่ใกล้แหล่งวัตถุดิบจากพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งในพื้นที่แม่สอดเองและเมียวดี อาทิเช่น กิจการแปรรูปสินค้าเกษตรขั้นพื้นฐาน

Mae Sot SEZ

นอกจากนี้ กิจการที่สามารถดำเนินงานได้ทันทีโดยไม่ต้องรอความแน่นอนด้านนโยบายจากรัฐบาล เป็นอีกกลุ่มกิจการที่จะได้รับประโยชน์จากแม่สอด SEZ ประกอบด้วย ธุรกิจโลจิสติกส์ อาทิเช่น ศูนย์กระจายสินค้า โกดังสินค้า ฯลฯ รวมไปถึง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ดินและที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับแรงงานจากเมียนมาร์ที่ดีมานด์มีแนวโน้มโตขึ้นจากการขยายตัวของเศรษฐกิจในพื้นที่

ภาพหลัก via nakhonmaesotcity.go.th


เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com

อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ