“คอนโดฯ Low-rise กับ High- rise ควรเลือกซื้อคอนโดฯ แบบไหนดี” นี่คือคำถามง่าย ๆ แต่ก็อาจจะยากเมื่อต้องตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัยสักแห่ง
วันนี้ DDproperty จะช่วยให้คุณตัดสินใจง่ายขึ้นกับการเลือกคอนโดฯ ลองมาดูกันว่าคอนโดฯ แบบ Low-rise กับ High- rise แบบไหนมีข้อดี-ข้อด้อยอะไรบ้าง แบบไหนเหมาะกับใคร?
ข้อมูลเหล่านี้ จะทำให้คุณจะสามารถเลือกคอนโดฯ ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณได้ และจะทำให้การซื้อคอนโดฯ ของคุณรู้สึกคุ้มค่า อย่าลืมว่าการซื้อที่อยู่อาศัยสักแห่งถือเป็นการลงทุนครั้งสำคัญของชีวิต ดังนั้นก่อนซือควรตัดสินใจดีดี
ข้อดีของคอนโดฯ High-rise
- คอนโดฯ High-rise ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในทำเลกลางของเมือง เดินทางสะดวก หรือไม่ก็ใกล้กับศูนย์การค้าใหญ่ อาคารสำนักงาน ตั้งอยู่ติดกับรถไฟฟ้า เนื่องจากข้อกฎหมายที่เอื้ออำนวยการสร้าง และความสอดคล้องของการการพัฒนาที่อยู่อาศัยบนที่ดินที่มีศักยภาพ เราจึงมักเห็นคอนโดฯ High-rise อยู่บนนทำเลดังกล่าว
- ด้วยความสูงของคอนโดฯ High- rise ทำให้คอนโดฯ มีจำนวนชั้นมากและแน่นอนว่าจำนวนยูนิตที่มาก ทำให้เรามีตัวเลือกในการอยู่อาศัยที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งเรื่องของห้องวิวสูง ห้องวิวต่ำ Type ห้องที่มีหลายรูปแบบ ทั้งแบบกั้นส่วน ไม่กั้นส่วน โดยผู้อยู่อาศัยจะมีโอกาสเลือกห้องที่เหมาะกับเรามากกว่าคอนโดฯ Low-rise
- ส่วนใหญ่ โครงการคอนโดฯ ที่เป็นตึกสูงๆ จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย รวมไปถึงร้านขายของที่ตั้งอยู่ภายในอาคาร ในขณะที่คอนโดฯ Low-rise ที่มีจำนวนชั้นน้อย จะมีส่วนกลางไม่กี่อย่าง รวมไปถึงร้านค้าภายในอาคารที่น้อยกว่า
- นอกจากนั้นคอนโดฯ ที่จำนวนชั้นน้อย ๆ ยังมีอัตราส่วนของลิฟท์ต่อหนึ่งตัวค่อนข้างเยอะ กว่าคอนโดฯ High-rise ที่มีอัตราส่วนต่อยูนิตน้อยกว่า จากจำนวนลิฟท์ที่มากกว่า
ข้อเสียของคอนโดฯ High-rise
- ด้วยจำนวนยูนิตที่มีมาก นั่นหมายถึงจำนวนผู้อยู่อาศัยที่ค่อนข้างหนาแน่นที่จะร่วมแชร์ความเป็นเจ้าของกับคุณ และทั้งหมดนี้จะทำให้ความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยลดลง ทั้งการเข้า-ออกโครงการ การใช้ส่วนกลาง หากชอบความเป็นส่วนตัว คอนโดฯ High-rise คงไม่เหมาะกับคุณแน่นอน
- ในเรื่องของราคา ด้วยโครงการตึกสูงส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในทำเลที่ติดถนนใหญ่ หรือ บนทำเลที่เป็น Prime Area ราคาจึงค่อนข้างสูงกว่าโครงการแบบ Low-rise โดยราคามีแนวโน้มที่จะแพงขึ้นเรื่อย ๆ เหมาะกับการลงทุน แต่ถ้าต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยอยู่ก็จำเป็นต้องใช้เม็ดเงินสูงในการซื้อ
- ชั้นที่สูงเกินไป อาจจะต้องใส่ใจในเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยในกรณีฉุกเฉินด้วย เพราะหากเกิดเหตุอย่างไฟไหม้ขึ้นมา รถดับเพลิงสามารถขึ้นได้ถึงแค่ชั้น 11 เท่านั้น รวมไปถึงแผ่นดินไหว อุบัตเหตุต่าง ๆ ชั้นสูง ๆ มีโอกาสเสี่ยงถึงชีวิตมากกว่าชั้นอื่น ๆ
ข้อดีของคอนโดฯ Low-rise
- แม้ความหรูหราของโครงการคอนโดฯ แบบโลว์ไรส์ ที่มีจำนวนชั้นไม่มากจะเทียบกับโครงการที่เป็นตึกสูง ๆ ไม่ได้ แต่ราคาของตึก 7-8 ชั้นมีแนวโน้มที่จะถูกกว่า เหมาะแก่การซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง
- เชื่อหรือไม่? ว่าโอกาสในการปล่อยเช่าหรือขายต่อคอนโดฯ Low-rise มีมากกว่าคอนโดฯ High Rise เนื่องจากมีความเป้นส่วนตัวสูง ค่าเช่าไม่แพงมาก และเหมาะกับการอยู่อาศัย ด้วยจำนวนยูนิตที่น้อย เสียงรบกวนก็จะน้อยลงตาม ส่งผลให้สภาพแวดล้อมโครงการเงียบสงบ สะอาด และเป็นส่วนตัวมากกว่า
ข้อเสียของคอนโดฯ Low-rise
- คอนโดฯ Low-rise ส่วนใหญ่จะอยู่เข้ามาในซอยย่อย นั่นหมายความว่าการเดินทางของคุณอาจจะไกลขึ้นอีกนิด แน่นอนว่าการเดินทางเชื่อมต่อไปยังถนนใหญ่ รถไฟฟ้าย่อมใช้เวลามากกว่าคอนโดฯ High-rise
- ด้วยจำนวนยูนิตที่ไม่มาก สิ่งอำนวยควาสะดวกในโครงการอาจจะไม่หลากหลายเท่าโครงการแบบตึกสูง และความสูงภายในห้องพักมีแนวโน้มที่จะเตี้ยกว่าห้องชุดในโครงการแบบไฮไรส์ที่ให้ความรู้สึกโปร่ง โล่ง
การจะต้องเลือกระหว่างคอนโดฯ Low-rise และ High-rise สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องลองถามตัวเองว่าชอบแบบไหนมากกว่กันา ถ้าคุณชอบความสนุกคึกคักของเมือง สิ่งอำนวยความสะดวกที่มีให้เลือกหลากหลาย และการบริการทุกเวลา คอนโดฯ High-rise น่าจะเหมาะกับคุณมากกว่า
แต่หากมองตรงกันข้ามกัน คุณเป็นคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวเงียบสงบ ต้องการคอนโดฯ ที่เหมาะกับการพักอาศัยในงบประมาณที่จำกัด คอนโดฯ Low-rise ก็น่าจะเหมาะกับคุณมากกว่า กับบรรยากาศภายในที่สบาย ๆ และเป็นส่วนตัวมากกว่าคอนโดฯ High-rise
หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการซื้อบ้าน คู่มือซื้อขาย สามารถเป็นตัวช่วยตอบได้ทุกคำถาม พร้อมบอกรายละเอียดการคำนวณสินเชื่อบ้านให้คุณตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น