จากผลการวิจัยโดยนักวิทยาศาตร์ค้นพบมานานแล้วว่า เด็กเล็กที่นอนหลับไม่เพียงพอ และนอนดึกนั้น จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนเพิ่มขึ้นเมื่อโตขึ้นภายหลัง
ผลจากการทดสอบเด็ก ๆ จำนวน 977 คน พบว่า การให้เด็กได้เข้านอนเร็วนั้นจะทำให้เด็กมีเวลาพักผ่อนมากขึ้นและยังช่วยลดปัญหาการนอน เช่น การนอนหลับยากหรือการละเมอลุกขึ้นมาเดินกลางดึก และการนอนนั้นยังช่วยให้สมองของลูกพัฒนาได้ดีขึ้นและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของลูกในการเรียนที่โรงเรียนได้ดีอีกด้วย
การเข้านอนเร็วจึงมีความสำคัญต่อชีวิตของลูก และนี่คือเคล็ดลับที่จะช่วยให้พ่อแม่พาลูก ๆ เข้านอนได้เร็วแต่หัววันไม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนและได้รับประโยชน์จากการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ
1) พาลูกเข้านอนให้เป็นกิจวัตรประจำวันเป็นเรื่องสำคัญมาก
พ่อแม่สามารถสอนลูกเริ่มต้นกิจวัตรการเข้านอนด้วยการบอกลูกให้แปรงฟัน และตามมาด้วยการหยิบหนังสือนิทานซักเล่มอ่านก่อนที่จะพาลูกไปเข้านอน การทำเป็นประจำทุกวันจะช่วยให้ลูกคุ้นชินและรู้จักว่าเวลาไหนที่พวกเขาควรจะเข้านอน
2) เก็บแก็ตเจ็ต แท็บเล็ต มือถือ ให้เรียบร้อยก่อนเข้านอน
แน่นอนว่าอุปกรณ์เหล่านี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้วไม่เว้นแม้กระทั่งลูกที่เริ่มเข้าสู่วัยเด็กโต เพราะฉะนั้นพ่อแม่ต้องแน่ใจว่าก่อนจะพาลูกเข้านอน พวกคุณได้เก็บมือถือ แลปท็อป หรือ แท็บเล็ต ของเด็ก ๆ ไว้เรียบร้อย เพราะเวลานอนควรจะเป็นเวลาที่ลูกจะได้พักผ่อนอย่างจริงจัง ถ้าลูกยังคงเล่นอินเตอร์เน็ต ก็เป็นสาเหตุของการนอนดึก ดังนั้นทำสิ่งนี้ให้เป็นกฏก่อนเข้านอนของลูกไว้ดีกว่า
นอกจากนี้ในเวลาปกติผู้ปกครองก็ควรควบคุมการใช้เทคโนโลยีต่างๆ ที่อยู่ในมือลูกรวมถึงเป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้ ไม่ใช่ปากห้ามลูกแต่ตัวเองยังนั่งกดมือถือยิกๆ ทั้งวันทั้งคืน รู้ไหมคะว่าถ้าคุณทำแบบนั้น คุณจะพลาดอะไรไปบ้าง
3) พ่อแม่คือตัวอย่างสำคัญของการนอนไว
ใช่แล้ว! แม้แต่พ่อแม่เองก็ควรจะเข้านอนแต่หัววัน เพราะร่างกายคนเราไม่ว่าจะวัยไหนก็ต้องการชั่วโมงการนอนที่เพียงพอเช่นกัน และเป็นตัวอย่างในการแสดงให้ลูกเห็นว่า การนอนนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องยากโดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่ที่เป็นคนนอนดึก แต่ถ้าต้องการให้ลูกได้เข้านอนเร็ว นี่จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดของการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก ลองจัดเวลาดู เชื่อเถอะว่าการนอนนั้นจะส่งผลดีสำหรับพ่อแม่และจะมีความสุขกับชั่วโมงนอนที่เพิ่มขึ้นนี้แน่นอน
แปลและเรียบเรียงจาก www.sg.theasianparent.com
ขอบคุณบทความจากเว็บไซต์ theAsianparent.com เว็บไซต์ให้คำแนะนำด้านการเลี้ยงลูกอันดับ 1 ในประเทศไทย