ก่อนหน้านี้ มีแผนการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีทองจากบีทีเอสสถานีกรุงธนบุรี-ถนนประชาธิปก ด้วยระยะทาง 2.68 กิโลเมตร จำนวน 5 สถานี วงเงินลงทุน 3,845 ล้านบาท เป็นการพัฒนารูปแบบแมทชิ่งธุรกิจระหว่างกลุ่มไอคอนสยามกับ กทม.พัฒนาโครงการระยะแรก ระยะทาง 1.8 กม. มี 3 สถานี เงินลงทุน 2,512 ล้านบาท
ที่สำคัญการแมทชิ่งธุรกิจวิธีนี้ จะช่วยให้โครงการเดินหน้าได้เร็วขึ้น เพราะไม่ต้องเข้า พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ที่จะใช้เวลาร่วม 1 ปีกว่าจะได้รับการอนุมัติโครงการ
โดยรูปแบบโครงการจะเป็นระบบรถไฟฟ้าขนาดรอง (ฟีดเดอร์) ก่อสร้างเป็นโครงสร้างยกระดับตลอดเส้นทาง ส่วนรถไฟฟ้าจะเป็นระบบรถไฟฟ้ารางเบา (AGT) ซึ่งสามารถขนส่งผู้โดยสารได้ 4,000-12,000 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง วิ่งด้วยความเร็ว 3 นาทีต่อขบวน แนวเส้นทางเริ่มต้นจากรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีกรุงธนบุรี มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกตามแนวถนนธนบุรี จนถึงทางแยกถนนกรุงธนบุรีกับถนนเจริญนคร จากนั้นเลี้ยวเข้าถนนเจริญนคร มุ่งหน้าไปทางทิศเหนือเข้าสู่ถนนสมเด็จพระยา สิ้นสุดโครงการที่วัดอนงคารามวรวิหาร
สำหรับรถไฟฟ้าสายสีทองแบ่งการพัฒนาเป็น 2 เฟส โดยระยะที่ 1 จะเริ่มก่อสร้างได้ก่อนจำนวน 3 สถานี ได้แก่ G1 สถานีกรุงธนบุรี G2 สถานีเจริญนคร (ไอคอนสยาม) และ G3 สถานีคลองสาน (หน้าโรงพยาบาลตากสิน) ระยะทางรวมทั้งสิ้น 1.8 กิโลเมตร วงเงิน 2.5 พันล้านบาท โดยจะเริ่มก่อสร้างช่วงต้นปี 2560 รวมระยะเวลาดำเนินการทั้งหมด 1 ปี ครึ่งแบ่งเป็นระยะเวลาก่อสร้าง 10 เดือนและระยะเวลาการทดลองระบบรถไฟฟ้าอีก 8 เดือน พร้อมเปิดให้บริการช่วงกลางปี 2561
ส่วนเฟส 2 เริ่มในช่วงโรงพยาบาลตากสิน-วัดอนงคารามวรวิหาร ระยะทาง 1 กิโลเมตร จำนวน 2 สถานี วงเงินลงทุน 1,345 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างออกแบบก่อสร้าง ซึ่งตลอดเส้นทางจะยกระดับใช้ระบบรถไฟฟ้าล้อยาง ช่วยให้พื้นที่เกาะกลางถนนในการก่อสร้างทำให้ไม่ต้องเวนคืนพื้นที่ ประหยัดต้นทุน
ขณะที่ กลุ่มบีแลนด์ (บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) ก็ได้ยื่นทำหนังสือแจ้งกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าที่ประชุมคณะกรรมการมีมติอนุมัติการลงนามสัญญาสนับสนุนส่วนต่อขยายของโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (ช่วงแคราย – มีนบุรี) เข้าเมืองทองธานี ถนนแจ้งวัฒนะ กับบบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หลังบีทีเอสได้รับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีชมพูและอนุญาตให้มีส่วนต่อขยายจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ กลุ่มบีแลนด์จะรับผิดชอบในวงเงินไม่เกิน 1,250 ล้านบาท เพื่อเป็นต้นทุนก่อสร้างระบบรางเฉพาะเส้นทางต่อขยายเข้าสู่เมืองทองธานี ถนนแจ้งวัฒนะ และจะก่อสร้างสถานีรับ-ส่ง ผู้โดยสาร จำนวน 2 สถานี ได้แก่ ที่ดินของบริษัท บริเวณอาคารอิมแพค ชาเลนเจอร์ และบริเวณริมทะเลสาบ เมืองทองธานี พร้อมจำนวนเงิน 10 ล้านบาทต่อปี เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและบำรุงรักษาเป็นระยะเวลา 30 ปีด้วย
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม. วงเงิน 53,490 ล้านบาท และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 29.1 กม. วงเงิน 51,810 ล้านบาท เป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) กำหนดให้เอกชนร่วมลงร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP- Net Cost ซึ่งภาครัฐลงทุนค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และเอกชนลงทุนค่างานโยธา ระบบรถไฟฟ้าและขบวนรถไฟฟ้า รวมทั้งบริการเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงรักษา โดยให้เอกชนร่วมลงทุนรวมเป็นเวลา 33 ปี 3 เดือน (ระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี 3 เดือน และระยะเวลาเดินรถ30ปี)
ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูเส้นทาง แคราย-แจ้งวัฒนะ-มีนบุรี คาดว่าจะลงนามในสัญญาได้เดือน เม.ย. 2560
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือใครกำลังมองหาบ้านและคอนโดก็สามารถดูรีวิวโครงการใหม่ได้ที่นี่
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com