ย้อนรอยประเด็นปังแห่งปี 2559

18 ธ.ค. 2559

 

ตลอดปี 2559 มีเหตุการณ์ต่างๆ นานาที่เกิดขึ้นมากมาย ประเด็นร้อนๆ ข่าวเข้มข้นในแวดวงอสังหาฯ โดยทีม DDproperty.com หยิบเรื่องราวดี ๆ มาเรียบเรียงส่งท้ายปีวอกกับ “ย้อนรอยประเด็นปังแห่งปี 2559”

เริ่มจากเรื่องแรก ! เรียกว่าเป็นดาวชูโรง ให้กับธุรกิจอสังหาฯ ได้ยิ้มแฉ่งกันทั้งวงการ กับ “มาตรการรัฐกระตุ้นอสังหาฯ” โดยการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์จาก 2% เหลือ 0.01% และลดค่าธรรมเนียมการจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% ตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา และสิ้นสุดลงวันที่ 28 เมษายน 2559 นั้น ผลปรากฏว่าได้รับการตอบรับอย่างดี ทั้งจากกลุ่มผู้ประกอบการที่ต่างทุ่มจัดโปรโมชั่นแน่นๆ เสริมอย่างเต็มที่ ช่วยเร่งการตัดสินใจซื้อในกลุ่มผู้บริโภค

แต่พล็อตเรื่องที่สำคัญของมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ นั่นก็คือ เป็นยาระบายช่วยกระตุ้น ให้บริษัทพัฒนาอสังหาฯ และ ตลาดอสังหาฯมือสองกลับมาคึกคักทั้งการเร่งยอดโอน เคลียร์สต๊อค หรือช่วยให้ขายต่อเปลี่ยนมือกันคล่องขึ้น ซึ่งหลังจากที่มาตรการเริ่มใช้ไปเพียง 2 เดือน ตัวเลขเติบโตวิ่งฉิ่วเพิ่มขึ้น 31 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้

ต่อกันที่ “โครงการบ้านประชารัฐ” ที่ออกมาสอดรับพอดิบพอดีกับการช่วยระบายสต๊อคโครงการ แต่จะเน้นระดับราคาต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท เพราะด้วยเงื่อนไข เหมาะสำหรับคนที่ซื้อเป็นบ้านหลังแรก ซึ่งกำลังซื้อของคนกลุ่มนี้มักมีปัญหาเรื่องของการโอน จึงอาจจะไม่ได้กระตุ้นให้ตลาดคึกคักเท่ามาตรการลดค่าโอนและจดจำนองที่ทุกฝ่ายจะได้ประโยชน์ สำหรับทางฟากฝั่งนักลงทุน โครงการบ้านประชารัฐนี้เรียกว่าแทบไม่ได้ตอบสนองความต้องการเลย เพราะเป็นมาตรการที่ออกมาเพื่อรองรับความต้องการของผู้ที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเองเป็นหลัก

หันมาด้านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของภาครัฐกันบ้าง ที่ได้จัดแคมเปญ“สินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำ เอาใจผู้มีรายได้น้อย” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกระแสที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้น้อย โดยวางกรอบวงเงินรวม 32,000 ล้านบาท แบ่งเป็น แพ็คเกจที่ 1 สินเชื่อสำหรับลูกค้ากลุ่มบุคลากรภาครัฐ และกลุ่มสวัสดิการไม่มีเงินฝาก แพ็คเกจที่ 2 สินเชื่อสำหรับลูกค้ารายย่อยทั่วไป แพ็คเกจที่ 3 สินเชื่อสำหรับลูกค้ารายย่อยโครงการ FAST TRACK/ REGIONAL FAST TRACK และลูกค้ารายย่อยโครงการ POST FINANCE ที่เข้าร่วมโครงการกับธนาคาร

ข้ามมาส่อง ตลาดอสังหาฯประเภทแนวดิ่งกันบ้าง “คอนโดแบรนด์แพงและมาแรงแห่งปี” สะเทือนวงการทุกครั้งช่วงเปิดตัวกับแบรนด์ “เดอะไลน์” ไม่ว่าจะเปิดทำเลไหน ทำเลนั้น ปังทุกทำเล เช่นเดียวกับแบรนด์ใหม่ล่าสุดของแสนสิริ & บีทีเอส “KHUN By yoo” ที่ดึงคนเด็ดในวงการดีไซน์เนอร์ระดับโลก Philippe Starck มาร่วมออกแบบภายในโครงการด้วย และอีก 1 โครงการใหม่ของแสนสิริ “เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ” นอกจากนี้ แสนสิริยังสร้างปรากฏการณ์ขายคอนโดราคาแพงที่สุดเฉลี่ย 550,000 บาทต่อตารางเมตร “98 wireless” ซึ่งคาดการณ์กันว่าในปี 2560 แนวโน้มราคาที่ดินบนถนนวิทยุนั้น จะถีบพุ่งสูงถึง 2,800,000 บาทต่อตารางวา แล้วเมื่อถึงวันเวลานั้น ราคาขายคอนโดจะตกอยู่ที่ตารางเมตรเท่าไหร่ เป็นเรื่องที่น่าติดตามกันในอนาคต

>>> อ่านรีวิว:โครงการ เดอะ ไลน์ พหลโยธิน – ประดิพัทธ์ , โครงการ เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101 ,โครงการ KHUN By yoo

“มหานคร” ขึ้นแท่นตึกสูงที่สุดแห่งปี ทั้งก่อนเปิดโครงการ ยันก่อสร้างโครงสร้างเสร็จ ล้วนแล้วจะมีประเด็นให้พูดถึงกันตลอด จนกระทั่งจัดงานฉลอง “มหานคร” แลนด์มาร์คแห่งใหม่ คลื่นมหาชนช่างภาพ สื่อมวลชนพร้อมตั้งกล้องถ่ายภาพ และ live สด ทุกช่องทาง สำหรับโครงการนี้ ตั้งอยู่บนถนนนราธิวาสราชนครินทร์ มีเนื้อที่ประมาณ 9 ไร่ เป็นพื้นที่ก่อสร้างทั้งหมดประมาณ 135,000 ตารางเมตร มีมูลค่าโครงการกว่า 2 หมื่นล้านบาท เป็นโครงการมิกซ์ยูส บริหารงานโดยบริษัท เพซ ดีเวลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยไฮไลท์ ของตัวตึก จำนวน 77 ชั้น คือ ชั้นที่ 1 ถึง 20 เป็นส่วนของโรงแรม บางกอก เอดิชัน จำนวน 155 ห้อง ต่อกันที่ชั้น 23-73 จะเป็นเดอะริทซ์ -คาร์ลตัน เรสซิเดนบางกอก เป็นที่พักอาศัยระดับซูเปอร์ลักชูรี่ ราคาจะเริ่มตั้งแต่ 62.5 ล้านบาท ไปจนถึง 235 ล้านบาท ส่วนชั้น 74 ถึง 77 เป็นจุดชมวิว Sky Observation Deck และ บาร์ดาดฟ้า แบบเอาท์ดอร์ จุดนี้เองที่เจ้าของตึกตั้งใจให้เป็นแลนด์มาร์กสำหรับการท่องเที่ยวแห่งใหม่ คาดว่าจะรองรับนักท่องเที่ยวได้6ล้านคนต่อปี

ขณะที่ตลาดแนวราบ ที่เรียกเสียงกระหึ่ม สวนกระแสจองซื้อบ้าน หลังจากเปิดให้จองเป็นวันแรก กับโครงการทาวน์โฮม แบรนด์ “โกลเด้น ทาวน์” ของบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จากัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ โดยจุดเด่นที่ทำให้ขายดี คือ ตัวฟั่งก์ชั่นบ้านที่ออกแบบมาใหม่ พื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง ประหนึ่งซื้อทาวน์โฮม อารมณ์ได้บ้านเดี่ยว อย่างไงอย่างงั้น แถมราคาไม่สูงมาก กลุ่มลูกค้าระดับกลางจับต้องได้ ในราคาเริ่ม 1.99 ล้านบาทขึ้นไป

หันมาดูที่ทำเลฮอตกันบ้าง ปฎิเสธไม่ได้ว่าเมื่อคิดจะลงทุนพัฒนาอสังหาฯ “ทำเลดี ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง” ( Good Location) เป็นปัจจัยหลัก และ Key to Success ของการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และทำฮอตแห่งปีนี้ทำเลดีตลอดกาล ที่เหล่าดีเวลลอปเปอร์รุมตอมกันมากที่สุดนั่นก็ คือ “ทองหล่อ ดงผู้ดีเก่า” ไม่ว่ารายกลางเล็กใหญ่ น้องใหม่อสังหาฯ ต้องเข้ามาชิมลางในย่านนี้เกือบครบแล้วทุกค่ายและ เสน่ห์ทองหล่อ คืออะไรล่ะ? คือความสมบูรณ์แบบทั้งอุปโภคและบริโภคที่มีให้อย่างครบครัน ไม่ว่า ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารต่างๆ นานาชนิด โรงพยาบาล สถานศึกษา เป็นแหล่งรวมกิจกรรมสำหรับทุกคนในครอบครัวทั้งคนไทย และชาวต่างชาติ ที่สำคัญรู้ไหมว่า! ราคาประเมินที่ดินย่านสุขุมวิท 55 นั้นพุ่งทุกปี ไม่ต่ำกว่า 50% ดันราคาคอนโดมิเนียมขยับตามไปด้วย โดยขณะนี้ราคาคอนโดที่เปิดขายสูงที่สุดในซอย อยู่ที่ตารางเมตรละ 3 แสนกว่าบาท

>>> รวมรีวิวโครงการใหม่ ใกล้ bts – ทองหล่อ <<<

ไหน ๆ พูดเรื่องทำเลฮอตตลอดกาลไปแล้ว ที่ขาดไม่ได้ คือ โครงข่ายการคมนาคม ที่ปี 2559 นี้ คนไทยทั่วประเทศฉลองกับการเปิดหวูดของ “รถไฟฟ้าสายสีม่วง” เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา แม้ว่าช่วงแรกที่เปิดวิ่งจะมีประเด็นดราม่าให้วุ่นวายใจ กับคำถามที่ว่า “ 1 สถานี 1 กิโลเมตร หายไปไหนล่ะ!” ต่างฝ่ายต่างเร่งหาทางแก้ไขปัญหาตรงจุดนี้ ซึ่งทาง รฟม.ต้องจัดทัพรถ ขสมก.วิ่งวนส่งผู้โดยสารตั้งแต่เตาปูนถึงบางซื่อ ล่าสุดบอร์ดรฟม.เห็นชอบว่าจ้างเดินรถ 1 สถานี และลงนามจ้าง ในเดือนม.ค.2560 จากนั้นจะติดตั้งระบบและทดสอบการเดินรถ คาดว่าจะพร้อมเปิดเดินรถ 1 สถานีที่ขาดช่วงไปนั้นได้ ภายในเดือนส.ค.2560

จะอย่างไรก็ตาม แม้ว่าเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายไตรมาส 4 ของปี 2559 แล้ว ทางรัฐบาลยังคงออก แคมเปญแห่งชาติในการกระตุ้นกำลังซื้อและเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ครม.เคาะ “มาตรการ ช้อปช่วยชาติ ลดหย่อนภาษี 15,000 บาท ” โดยผู้ประกอบการค้าปลีก สินค้า และบริการต่างๆ พร้อมใจกันอัดแคมเปญโปรโมชั่นครั้งใหญ่เพื่อช่วงชิงลูกค้าและยอดขายในช่วง วันที่ 14 – 31 ธันวาคม 2559 รวม 18 วันสุดท้ายของปี ที่ได้มีการใช้จ่ายจริงและตามฐานภาษีของแต่ละบุคคลโดยไม่เกินคนละ 15,000 บาท สำหรับมาตรการดังกล่าวนี้ กระทรวงการคลังได้คาดการณ์ว่าจะส่งผลดีและก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 0.2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ที่สำคัญยังส่งผลต่อการผลิตและการจ้างงานต่อเนื่องไปถึงต้นปี2560อีกด้วย

ที่สุดแล้ว ภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดอสังหาฯ ทั้งปี เชื่อว่า มีแนวโน้ม “ทรงตัว” หรือมีโอกาส “ติดลบ” เนื่องจากเจอแรงปะทะทั้งปัจจัยภายในและภายนอกที่ยากเกินจะควบคุม ที่ผ่านมาการเปิดโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปีนี้อยู่ที่ 9.4 หมื่นยูนิต แบ่งเป็นแนวสูง 5.2 หมื่นยูนิต และแนวราบ 4.2 หมื่นยูนิต ลดลง 10-15% แต่ถึงกระนั้น การเปิดโครงการใหม่ที่ลดลงในปีนี้ ยังไม่น่ากังวล เพราะถือว่าเป็นการปรับฐาน เพื่อก้าวเข้าสู่จุดสมดุลในปี 2560 นั่นเอง

 

 

อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่ หรืออ่านรีวิวโครงการบ้านและคอนโดฯใหม่

เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com

 

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ