“สิงห์ เอสเตท” หวังเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้น เดินหน้าไม่ยั้งขยายธุรกิจโรงแรม ปักธงประเทศแถบยุโรป เผยงบลงทุนปีนี้ 1.88 หมื่นล้านบาท รุกธุรกิจอสังหาฯแบบครบวงจร จับเฉพาะตลาดซุปเปอร์ลักซูรี่
นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ “S” พูดถึงแผนดำเนินการในปี 59 ว่า ทางบริษัทตั้งงบเพื่อการลงทุน 1.88 หมื่นล้านบาท เป็นแผนการลงทุน 5 ปีของบริษัท โดยแบ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจ Hospitality มากที่สุดไว้ที่ 8,000 ล้านบาท ธุรกิจที่พักอาศัย 5,100 ล้านบาท และอีก 5,700 ล้านบาท ใช้ลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า พื้นที่ค้าปลีก คลังสินค้าและโลจิสติกส์
นอกจากนี้ บริษัทยังคงเน้นการเข้าซื้อและควบรวมกิจการ (M&A) เหมือนปีที่ผ่านมา โดยสามารถลงทุนเองได้ทั้งหมดหรือการร่วมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งเป้าหมายยังคงเป็นธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศ อย่างเช่นประเทศอังกฤษปัจจุบันมีทั้งหมด 26 แห่ง และคาดว่าจะขยายการลงทุนในแถบยุโรป เช่น เยอรมัน , สเปน โดยทางบริษัทฯมองว่า 2 ประเทศนี้มีความน่าสนใจ เนื่องจากเป็นประเทศที่เป็นเมืองแห่งท่องเที่ยว และเศรษฐกิจดี ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มโรงแรมเข้ามาในพอร์ต 5-6 แห่งในปีนี้
ขณะนี้กำลังเจรจากับพันธมิตรอยู่อย่างน้อย 10 ดีล ซึ่งหวังว่าจะจบได้ 6-7 ดีล โดยแบ่งเป็นต่างประเทศ 1 ดีล และที่เหลือเป็นในประเทศทั้งหมด ธุรกิจที่คุยจะเป็นค้าปลีก 2 ดีล นิคมอุตสาหกรรม คลังสินค้า 2-3 ดีล โดยแต่ละดีลจะอยู่หลักพันล้าน
สำหรับแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ เน้นตลาดระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ อย่างน้อย 3 โครงการ มูลค่ารวม 14,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการคฤหาสน์หรูหรา บนถนนประดิษฐ์มนูญธรรม (เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา) ซึ่งเป็นทำเลทองสำหรับตลาดเซ็กเมนท์เอบวก บนเนื้อที่ 45 ไร่ โดยขนาดที่ดินจะเริ่มตั้ง 1 ไร่ขึ้นไป พื้นที่ใช้สอยภายในเริ่มตั้งแต่ 800 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 150 ล้านบาท ทั้งหมด 24 ยูนิต คาดว่าจะเปิดอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม 2559
โครงการ 2 เป็นประเภทอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกหัวบนมุมถนนอโศก-เพชรบุรี (สิงห์ คอมเพล็กซ์) ที่จะเป็นอีกหนึ่งสำนักงานที่หรูหรา ทันสมัย และดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ภายในบริเวณประกอบด้วยส่วนค้าปลีก ที่จะมีร้านอาหารชั้นนำ ร้านบริการต่างๆ รวมทั้งธนาคาร เพื่อรองรับความต้องการของพนักงานออฟฟิศ และผู้อาศัยใกล้เคียง โดยส่วนออฟฟิศสูง 44 ชั้น เป็นอาคารสำนักงานเกรดเอ คาดว่าราคาเช่าจะสูงกว่าตารางเมตรละ 1,000 บาท ซึ่งขณะนี้ทางกลุ่มบุญรอดบริวเวอรี่ได้ทำสัญญาเช่าระยะยาว 6 ชั้นบนสุดไปแล้ว คิดเป็นประมาณร้อยละ 30
และโครงการสุดท้ายคอนโดมิเนียมซูเปอร์ ลักชัวรี่ บนเนื้อที่ 2 ไร่เศษ จะอยู่ภายในบริเวณสิงห์ คอมเพล็กเช่นกัน โดยมีให้เลือก 1 – 2 ห้องนอน และห้องเพนเฮ้าส์ ขนาด 35 – 120 ตารางเมตร กำหนดจะเปิดจองราวไตรมาส 4 และราคาขายน่าจะอยู่ที่ตารางเมตรละ 3 แสนบาท
นายนริศ กล่าวต่อว่า สำหรับเป้าหมายในการดำเนินงานในปี 59 บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถมีกำไรจากการดำเนินงาน จากปี 2558 ที่ยอมรับว่ายังคงขาดทุน โดย 9 เดือน ปี 2558 ขาดทุน 179.79 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้จะรับรู้กำไรจากการลงทุนในโรงแรมเมอเคียว ที่ประเทศอังกฤษ จำนวน 26 แห่งเต็มปี และค่าเช่าจากซัน ทาวเวอร์
ส่วนในปี 59 ทางบริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 7,000 ล้านบาทซึ่งมากกว่าปี 2558 ที่คาดมีรายได้ราว 3,000 ล้านบาท โดยรายได้หลักจะยังมาจากบริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จะที่เข้ามาราว 3,000-4,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 50% นอกจากนี้ยังรับรู้รายได้จากสินทรัพย์เดิมที่ได้ลงทุนไป และจากการซื้อสินทรัพย์ใหม่ที่จะเข้ามา
ทั้งนี้ ในช่วงปลายปีนี้บริษัทฯ จะจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) มูลค่ากองไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท โดยจะนำสินทรัพย์ คือ โรงแรม วิลเลจไอร์แลนด์ บีช รีสอร์ท จังหวัดกระบี่ เข้าจัดตั้งกอง และในปี 2560 คาดว่าจะนำโรงแรมสันติบุรี ขายเข้ากองทรัสต์เพิ่ม
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่sineewan@ddproperty.com
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่