ข่าวดี! ลดภาษี SMEs หนุนเสริมสภาพคล่อง

20 มิ.ย. 2559

ปีนี้เป็นปีที่ภาครัฐปรับแก้กฎหมายด้านภาษีหลายฉบับ เพื่อส่งเสริมภาคเอกชน โดยเฉพาะผู้ประกอบกิจการที่เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยหนึ่งในกฎหมายที่สนับสนุนการดำเนินกิจการของ SMEs นั่นคือ “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 603) พ.ศ. 2559” ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา

เหตุผลในการประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้ คือ เพื่อบรรเทาภาระภาษีและเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการที่เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ตลอดจนเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและจูงใจให้เกิดการลงทุน จึงเห็นว่าควรแก้ไขเพิ่มเติมการลดอัตราภาษีเงินได้สำหรับกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาทและมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 30 ล้านบาท ตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 530) พ.ศ. 2554

สำหรับเนื้อหาของ “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 603) พ.ศ. 2559” คือ ให้ยกเลิกความใน (3) ของมาตรา 6 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 530) พ.ศ.2554 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 583) พ.ศ. 2558 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

(3) กําไรสุทธิสําหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2558 เป็นต้นไปให้คงจัดเก็บในอัตราดังต่อไปนี้

(ก) 10% ของกําไรสุทธิ เฉพาะส่วนที่เกิน 300,000 บาท สําหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2558 แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2559
(ข) 15% ของกําไรสุทธิ เฉพาะส่วนที่เกิน 300,000 บาท แต่ไม่เกิน 3 ล้านบาท และ 20% ของกําไรสุทธิ สําหรับกําไรสุทธิเฉพาะส่วนที่เกิน 3 ล้านบาทขึ้นไป สําหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2560 เป็นต้นไป

จากอัตราการจัดเก็บภาษีเดิม (พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 530) พ.ศ.2554 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 583) พ.ศ. 2558)

(3) สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2558 เป็นต้นไป ให้คงจัดเก็บในอัตราดังต่อไปนี้

(ก) 15% ของกำไรสุทธิ สำหรับกำไรสุทธิเฉพาะส่วนที่เกิน 300,000 บาท แต่ไม่เกิน 3 ล้านบาท
(ข) 20% ของกำไรสุทธิ สำหรับกำไรสุทธิเฉพาะส่วนที่เกิน 3 ล้านบาท

ดังนั้น สรุปมาตรการ ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล SMEs ได้ว่า การประกาศใช้ “พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 603) พ.ศ. 2559” ก็เพื่อปรับลดอัตราภาษีให้กับผู้ประกอบการ
จากเดิม กำไรสุทธิ 300,000 บาท – 3 ล้านบาทจะถูกจัดเก็บภาษี 15% ก็จัดเก็บลดลงเหลือ 10%
จากเดิม กำไรที่เกินกว่า 3 ล้านบาทขึ้นไปจะถูกจัดเก็บภาษี 20% ก็จัดเก็บลดลงเหลือ 15%
(สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลัง วันที่ 1 มกราคม 2558 แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2559)
หมายเหตุ กำไรสุทธิไม่เกิน 300,000 บาท ได้รับการยกเว้นภาษี

ผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งมีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 30 ล้านบาท

มาตรการลดภาษี SMEs

คิดต่อเติม ขยายกิจการ หรือเสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจ รวมถึงใช้ซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ของกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ทดลองใช้เครื่องมือคำนวณสินเชื่อ http://www.ddproperty.com/bank/uob หรือ ติดต่อศูนย์ธุรกิจลูกค้าผู้ประกอบการ SMEs ธนาคารยูโอบี โทร. 0-2343-3555

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

5 เคล็ดลับต้องรู้ก่อนเลือกสินเชื่อ SME

แม้ว่าสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดย่อมหรือ SME จะคล้ายกับสินเชื่อเพื่อธุรกิ

อ่านต่อ23 พ.ค. 2559