20 แห่งท่าเทียบเรือร้าง เปิดทางเอกชนร่วม

27 มิ.ย. 2559

20 แห่งท่าเทียบเรือร้าง เปิดทางเอกชนเข้ามาบริหารท่าเรือ เสนอผลตอบแทนให้รัฐสูงสุดเสนอ

นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมช.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบบริหารการจัดการท่าเรือในประเทศไทย ว่า เพื่อแก้ปัญหาที่รัฐบาลต้องลงทุนก่อสร้างท่าเทียบเรือต่างๆทั่วประเทศ แต่ปรากฏไม่มีการบริหารจัดการปล่อยทิ้งเป็นท่าเรือร้างจำนวนมากกว่า 20 แห่ง จึงมอบหมายให้กรมเจ้าท่า (จท.) และกรมธนารักษ์ไปหาข้อสรุป โดยปรับวิธีการคัดเลือกเอกชนที่จะเข้ามาบริหารท่าเรือจากเดิมให้เสนอผลตอบแทนให้รัฐสูงสุด เปลี่ยนเป็นเสนอจัดเก็บค่าบริการต่ำสุดให้เป็นผู้ชนะเข้ามาบริหารท่าเรือ ก่อนที่เสนอขออนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันที่ 16 ก.ค.นี้

โดยตามระเบียบเดิมได้รับงบประมาณในการก่อสร้างท่าเทียบเรือ แต่เมื่อก่อสร้างเสร็จจะต้องดำเนินการขึ้นทะเบียนและส่งมอบให้กรมธนารักษ์ในฐานะเจ้าของพื้นที่เข้ามาเป็นผู้จัดหาผู้บริหารท่าเรือพาณิชย์ กำหนดให้เอกชนต้องจ่ายค่าธรรมเนียมหรือค่าเช่า โดยคิดจาก 50% ของรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่าย แต่เอกชนจะต้องรับผิดชอบในการซ่อมบำรุงท่าเรือ ส่วนสิทธิ์ในการบริหารท่าเรือมีระยะเวลา 3-5 ปีเท่านั้น ซึ่งไม่จูงใจให้มีเอกชนเข้ามาบริหารท่าเรือ ส่วนใหญ่บริหารงาน ขาดทุนและไม่มีเอกชนสนใจ

ด้านการคัดเลือกเอกชนเข้ามาบริหารท่าเทียบเรือมีการกำหนดให้เอกชนต้องจ่ายผลตอบแทนล่วงหน้า และมีการเรียกเก็บค่า ธรรมเนียมต่างๆ ทำให้เมื่อมีการเปิดประมูลก็ต้องยกเลิกไป เพราะไม่มีเอกชนสนใจ ส่งผลให้ท่าเทียบเรือหลายแห่งไม่ได้เปิดให้บริการ แต่การหารือครั้งนี้ จะเปลี่ยนแนวคิด ให้พิจารณาเอกชนที่เสนอจัดเก็บค่าบริการต่ำสุดเข้ามาบริหาร ท่าเรือ

ทั้งนี้ การที่รัฐบาลต้องลงทุนก่อสร้างท่าเทียบเรือ แต่ไม่สามารถเปิดให้บริการหรือสร้างรายได้ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่สูญเปล่า จึงต้องคิดและหาวิธีการที่จะให้แต่ละท่าเรือมีผู้มาใช้บริการจำนวนมาก จึงได้เสนอ แนวทางออกว่า หลังก่อสร้างท่าเรือเสร็จแล้ว จะต้องจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกให้พร้อมด้วย จากนั้น จะให้ จท.เป็นผู้จัดหาผู้บริหารท่าเรือ โดยเปิดให้เอกชนเข้าแข่งขันกันเสนอราคา รายใดเสนอค่าบริการ ในราคาต่ำสุดชนะประมูล โดยจะกำหนดรายได้ส่วนหนึ่งให้ จท.เพื่อนำเงินเข้ากองทุนที่จะนำมาใช้ในการปรับปรุงและซ่อมบำรุงท่าเรือ รวมทั้งพัฒนาบุคลากร ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยหากเหลือ จึงจะส่งเงินเข้าแผ่นดิน

ที่ผ่านมาท่าเรือหลายแห่งรัฐบาลต้องใช้เงินลงทุน มีทั้งท่าเรือโดยสาร ท่าเรือเพื่อการขนส่งและท่าเรือเฟอร์รี่ แต่ละแห่งใช้ เงินลงทุนแห่งละ 100-200 ล้านบาท บางแห่ง 500 หรือมากกว่า 1 พันล้านบาท เช่น ท่าเรือคลองใหญ่ จ.ตราด ใช้เงินลงทุนก่อสร้าง 1,295 ล้านบาท หรือ ท่าเรือขนาดใหญ่หลายแห่ง ท่าเรือศาลาลอย จ.พระนครศรีอยุธยา ท่าเรือคลองใหญ่ จ.ตราด ท่าเรือประจวบคีรีขันธ์ ท่าเรือภูเก็ตและท่าเรือสงขลา และมีท่าเรือขนาดเล็กอีกประมาณ 10-20 แห่ง บางแห่งให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ

จากข้อเสนอที่จะแก้ไขปัญหานี้ เป็นข้อเสนอที่เอกชนเสนอมาโดยตลอด เพราะแนวทางนี้จะจูงใจให้เกิดการแข่งขัน และการคิดค่าตอบแทนการบริหารท่าเรือราคาถูก ทำให้การจัดเก็บค่าธรรมเนียมการ ขนส่ง ณ ท่าเรือมีอัตราที่ถูกลง ก่อให้เกิดการแข่งขัน ได้ และช่วยลดต้นทุนด้านการขนส่งโลจิสติกส์ของประเทศในภาพรวมด้วย

อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี้

เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

งัดบ้านเก่าย่านพหล – อารีย์ ผุดคอนโดโลว์ไรส์ขายตรม.ละแสนกว่าบาท

ดิเออเบิ้ลฯ หาสำนักงานเช่าในฮ่องกง ไดเรคตรงกลุ่มดีมานด์ลูกค้าต่างชาต

อ่านต่อ24 มิ.ย. 2559