WINDSOR รุกขยายฐานลูกค้าผ่านระบบแฟรนไชส์ ตั้งเป้าปีแรกเปิด 10 สาขา เจาะตลาดลูกค้าโครงการ – รายย่อย ดันยอดขายทั้งปีพุ่ง 1,800 ล้านบาท
นายสัมพันธ์ ลู่วีระพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นวพลาสติกอุตสาหกรรม จำกัด ในเครือซิเมนต์ไทย หรือ SCG ผู้ผลิต และจัดจำหน่ายประตูหน้าต่างไวนิล ภายใต้แบรนด์“WINDSOR” เปิดเผยถึงตลาดประตูหน้าต่างไวนิลว่า ปัจจุบันมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่น้อย และยังมีโอกาสขยายต่อยอดธุรกิจให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทางบริษัทต้องสร้างความความแข็งแกร่งทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและเป็นผู้นำในตลาดประตูหน้าต่างไวนิล ซึ่งนอกจากการขยายพันธมิตรที่ตั้งเป้าถึงเดือนกรกฎาคมปีหน้าจะเพิ่มอีก 10 สาขาแล้ว ยังเตรียมออกโปรดักส์ใหม่สำหรับอาคารสูงรวมทั้งประตูหน้าต่างไวนิลแบบสี เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น
อย่างไรก็ดีในครึ่งปีแรกทางบริษัทมีรายได้อยู่ที่ 700 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันกับปีที่แล้วที่ทำได้ประมาณ 900 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณบ้านสร้างใหม่ในปีนี้เปิดตัวลดลง แต่ทางบริษัทยังคงเป้ารายได้ทั้งปีที่ 1,800 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่ายอดขายส่วนใหญ่จะเข้ามาในช่วงปีหลัง ซึ่งเกิดจากการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มและการออกโปรดักส์ และมองว่าดีมานต์ในตลาดยังดี ซึ่งจะมีการรุกตลาดบ้านเก่าจะเสริมรายได้ด้วย โดยปัจจุบันมีสัดส่วนเพียง 10% แต่คาดว่าสัดส่วนรายได้ในอีก 2 ปีข้างหน้าจะอยู่ที่ 20-30% ซึ่งแต่ละปีบริษัทมีอัตราการเติบโตตัวเลข 2 หลัก
ปัจจุบันมูลค่าตลาดรวมของประตูหน้าต่างอยู่ที่ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ในจำนวนนี้ประตูหน้าต่างไวนิลมีสัดส่วนเพียง 7-8% เท่านั้น ในส่วนของ WINDSORเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายประตูหน้าต่างไวนิลมากว่า14 ปี และถือว่าเป็นผู้นำในตลาดประตูหน้าต่างประตูไวนิล มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดประมาณ 70% ของตลาดรวมไวนิลที่ปัจจุบันอยู่ที่ 2,800 ล้านบาท
ส่วนแนวทางในการบริหารงานนั้น ยังคงมีเป้าหมายเดียวกับบริษัทแม่ คือการเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรม และพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด โดยปีนี้ยังคงเดินหน้าพัฒนาสินค้า รวมทั้งการขยายช่องทางในการกระจายสินค้าไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ผ่านทางพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อรองรับความต้องการในการติดตั้งและบริการหลังขาย โดยปัจจุบันทางบริษัทมีพันธมิตรรวม 30 รายทั่วประเทศ
ในส่วนของผู้ที่สนใจและต้องการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจนั้นจะต้องมีสถานที่ตั้งของโรงประกอบรวมคลังสินค้า เงินลงทุนตั้งต้นและเงินทุนหมุนเวียนตั้งแต่10ล้านบาทขึ้นไปและใช้เงินหมุนประมาณ 5 ล้านบาทต่อเดือน ทั้งนี้คาดว่าถึงสิ้นปีนี้น่าจะเปิดได้4-5 สาขา ซึ่งหากเปิดครบทั้ง 10 สาขาจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 400 ล้านบาท โดยปัจจุบันเป็นลูกค้าโครงการ 70% รายย่อย 30% ส่วนในเรื่องการไปลงทุนในประเทศ AEC นั้น กำลังศึกษาตลาดอยู่แต่คงรุกตลาดในประเทศให้แข็งแกร่งก่อนโดยจะเน้นพื้นที่ในจังหวัดภาคอีสาน ,ภาคกรุงเทพฯตะวันตกและภาคเหนือตอนล่าง แต่ปัจจุบันบริษัทได้มีการส่งออกในบางประเทศเช่น เวียดนาม ,มาเลเซีย, กัมพูชา บางส่วนซึ่งรายได้ยังไม่มาก
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com