อสังหาฯผ่านจุดต่ำสุด “รีเจค”ปัจจัยลบตลาดปี'60

12 ม.ค. 2560

 

หนึ่งในกูรูอสังหาฯ “อนันต์ อัศวโภคิน” ชี้อสังหาปี60ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ระบุแบงก์ปฏิเสธสินเชื่อปัญหาใหญ่อสังหาฯปีนี้ ย้ำปี’59 บ้าน2 ล้านกระทบหนัก ยอดรีเจคพุ่ง 30-50% แนะผู้ประกอบการเก็บเงินดาวน์ขั้นต่ำ 10-15% พร้อม pre approve ลูกค้าก่อนรับจอง แก้ปัญหาทิ้งเงินดาวน์ –NPL ในระบบ

นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2560 ถือว่าผ่านช่วงหดตัวต่ำสุดมากแล้ว ส่วนแนวโน้มตลาดปีนี้จะขยายตัวมากกว่าในปีที่ผ่านมาหรือไม่ ต้องพิจารณาที่ปัจจัยที่เข้ามากระทบ เช่น แนวโน้มการส่งออก ราคาพืชผลการเกษตร การท่องเที่ยว และการลงทุนของภาคเอกชน ซึ่งหากปัจจัยดังกล่าวมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเชื่อว่าจะทำให้ตลาดอสังหาฯในปีนี้ปรับตัวดีขึ้นไปด้วย

ทั้งนี้ แม้ว่าตลาดอสังหาฯโดยรวมจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ยอดขายชะลอตัว และการลดลงของกำลังซื้อของผู้บริโภค แต่ยังมีผู้บริโภคบางกลุ่มที่ยังมีกำลังซื้อดีอยู่ และยังคงมีความต้องการกระจายอยู่ในทุกตลาด ทุกทำเล ทุกเซกเมนท์ ทำให้กลุ่มที่อยู่อาศัยทุกระดับยังมีโอกาสด้านการขายขึ้นอยู่กับว่าผู้ประกอบการจะเลือกตลาดและโปรดักส์ในการลงทุนถูกต้องและตรงความต้องการผู้บริโภคมากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้โอกาสดังกล่าวไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ แต่รวมถึงทุกๆราย และทุกทำเล โดยเฉพาะการพัฒนาโครงการขนาดเล็ก 20-30 ยูนิตในซอย ซึ่งรายใหญ่ไม่สามารถทำได้

“ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยได้ผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ ส่งผลให้กลุ่มนักท่องที่ยวชาวจีนลดลงจำนวนมาก แม้ว่ากลุ่มดังกล่าวจะกระทบในตลาดล่าง แต่เมื่อตลาดล่างกระทบก็ไปฉุดตลาดโดยรวมให้ได้รับผลกระทบตามไปด้วย ดังนั้นหากในปีนี้นักท่องเที่ยวจีนกลุ่มดังกล่าวกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยเชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้น”

สำหรับ ปัจจัยลบที่จะเข้ามากระทบตลาดอสังหาฯในปี 2560 ยังคงเป็นเรื่องการเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยรายย่อยของสถาบันการเงิน ที่ส่งผลให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อปรับตัวสูงขึ้นกว่า 30-50% ในปีทีผ่านมา โดยเฉพาะตลาดบ้านต่ำกว่า 5 ล้านบาท โดยตลาดหลักที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการปฏิเสธสินเชื่อคือ ตลาดบ้านต่ำกว่า 2 ล้านบาท ส่วนตลาดบ้านระดับบนไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าว

ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาการถูกปฏิเสธสินเชื่อ ผู้ประกอบการต้องมีการ pre approve ลูกค้าหรือ ส่งเอกสารให้ธนาคารพิจารณาสินเชื่อของลูกค้าก่อนรับจอง เพื่อป้องกันการเสียโอกาสในการขาย เพราะหากรับจองโดยไม่พิจารณาคุณสมบัติผู้กู้ หรือเพียงพิจารณาในเบื้องต้น เมื่อธนาคารไม่อนุมัติหรือ ปฏิเสธสินการปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้า จะทำให้ผู้ประกอบการต้องนำบ้าน หรือห้องชุดกลับมาขายใหม่ทำให้ต้องเสียเวลาและเสียโอกาสในการขายไป >>>อ่านรีวิวโครงการบ้านใหม่>>>

สำหรับมาตรการการจัดเก็บเงินดาวน์ที่สูงขึ้น ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการแก้ไขปัญหาการปฏิเสธสินเชื่อ ดังนั้น ผู้ประกอบการควรเก็บเงินดาวน์ไม่ต่ำกว่า 10-15% เพื่อแก้ปัญหาการขายวินัยในการใช้จ่าย หรือขาดวินัยในการชำระหนี้ของลูกค้าบางกลุ่ม ทั้งนี้ หากไม่จัดเก็บเงินดาวน์ หรือ จัดเก็บเงินดาวน์ต่ำเกินไป ลูกค้าที่ไม่มีเงินออมจะไม่รู้สึกหวงแหนบ้านที่ซื้อมา จะมีโอกาสในการปล่อยให้แบงก์ยืดบ้านไปได้มากกว่ากลุ่มลูกค้าที่มีเงินดาวน์ ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้ยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ในระบบสูงขึ้น ขณะที่กลุ่มวางเงินดาวน์สูงจะมีความรู้สึกเป็นเจ้าของ มีวินัยการใช้เงิน ทั้งนี้ จากปัญหาธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ทำให้บริษัทหันมาเน้นการพัฒนาบ้านในระดับบนราคาต้องแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป โดยจะเก็บเงินดาวน์ 20-25% ขณะที่บ้านราคาแพงจะเก็บดาวน์ประมาณ 40% เป็นต้น

อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่ หรืออ่านรีวิวโครงการบ้านและคอนโดฯใหม่

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ