“กลุ่มบิวท์ฯ” งัดคุณภาพงานก่อสร้างสู้ยิบตา

กลุ่มบิวท์ฯ โชว์ผลงานปี 59 กวาดรายได้ 800 ล้านบาท พร้อมส่ง 12 แบบบ้านใหม่กระตุ้นกำลังซื้อ ปีระกามั่นใจการลงทุนโครงการภาครัฐหนุนเศรษฐกิจสดใส ลุยขยายฐานเปิดสาขาใหม่หวังเจาะลูกค้าระดับกลาง-บน ตั้งเป้าทั้งกลุ่มปีนี้โตขึ้น 12%

นายสุธี เกตุศิริ กรรมการผู้จัดการ  บริษัท บิวท์ ทู บิวด์ จำกัด และในเครือ เปิดเผยถึงแผนการดำเนินของกลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ในปี2560 ว่าปีนี้ทางกลุ่มบริษัทยังคงให้ความสำคัญทั้งเรื่องของคุณภาพของงานก่อสร้าง โปรดักส์สินค้าและฟังก์ชั่นเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและเพื่อให้ลูกค้าทุกกลุ่มได้มีทางเลือกเพิ่มขึ้น ล่าสุดกลุ่มบริษัทได้ออกแบบบ้านรุ่นใหม่ จำนวน 12 แบบ พื้นที่ใช้สอยประมาณ 200 – 450 ตารางเมตร ในระดับราคาตั้งแต่ 2 – 12 ล้านบาท ภายใต้คอนเซ็ปต์“Family Area” ซึ่งมาจากการที่ได้ศึกษาและวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค

โดยในช่วงที่ผ่านมา พบว่าปัจจุบันความต้องการสร้างบ้านของคนสมัยใหม่จะเน้นอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่มากขึ้น ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกในทุก Generation ทั้งยังสอดรับกับแนวโน้มที่ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย กลุ่มบริษัทฯ จึงเน้นการออกแบบบ้านที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานช่วยสร้างความอบอุ่นและ Activities ภายในครอบครัวให้ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น โดยมีองค์ประกอบในส่วนของพื้นที่ส่วนกลาง ( Family Area ) เพื่อให้สมาชิกในครอบครัวได้มีช่วงเวลาในการทำกิจกรรมร่วมกัน อย่างไรก็ดีเทรนด์ความต้องการห้องภายในบ้านมากขึ้นซึ่งรวมถึงการมีห้องชั้นล่างโดยปีที่ผ่านพบว่าเทรนด์นี้มีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง50%

นอกจากนี้ยังใช้นวัตกรรมก่อสร้างระบบโครงสร้างสำเร็จรูปที่มีความมั่นคง แข็งแรง และก่อสร้างได้ในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งเป็นที่ยอมรับในกลุ่มผู้บริโภคปัจจุบัน รวมทั้งกลุ่มบริษัทฯ ยังได้ขยายสำนักงานขายใหม่แห่งใหม่ย่านถนนรามอินทรา 42 /1 ซึ่งถือว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพที่สามารถรองรับฐานลูกค้าได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น ทั้งในส่วนของพื้นที่โซนรามอินทรา ร่มเกล้า มีนบุรี บางเขน แจ้งวัฒนะ ฯลฯ เพื่อรองดีมานต์กลุ่มลูกค้าระดับกลางและบนมากขึ้น

“ในปีที่ผ่านมากลุ่มบริษัทสามารถทำรายได้ใกล้เคียงป้าหมายที่วางไว้ซึ่งอยู่ที่ 800 ล้านบาท ส่วนปีนี้กลุ่มบริษัทฯตั้งเป้าการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 10 – 12%หรือมีรายได้รวมประมาณ 900 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทวางงบสำหรับทำการตลาดไว้ที่ 20 ล้านบาท และเชื่อว่าการแข่งขันในปีนี้สูงเนื่องจากปีที่แล้วต้องเผชิญนานาปัจจัยทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวกอปรกับภาระหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้มีผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคมากพอสมควร ดังนั้นมองว่าปีนี้การแข่งขันของผู้ประกอบการรายใหญ่ยังคงรุนแรง ส่วนรายเล็กก็จะหายไป”

สำหรับแนวโน้มทิศทางตลาดรับสร้างบ้านในปีนี้ นั้น มองว่าภาพรวมตลาดน่าจะดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว โดยเชื่อว่ากำลังซื้อยังมีอยู่มากในกลุ่มผู้บริโภคที่มีความตั้งใจปลูกสร้างบ้าน ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจไทยค่อยๆดีขึ้นเนื่องจากภาครัฐได้มีการลงทุนเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่มีความคืบหน้าชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากขึ้น รวมถึงมาตรการของภาครัฐที่ออกมากระตุ้นกำลังซื้อของภาคครัวเรือนซึ่งจะมีผลทำให้ภาคเอกชนเพิ่มการลงทุนมากขึ้น อีกทั้งกลุ่มผู้บริโภคที่มีความต้องการสร้างบ้านจริง จะมีการวางแผนและศึกษาโปรไฟล์ของบริษัทรับสร้างบ้านไว้ล่วงหน้า จนมีความเชื่อมั่นในคุณภาพของงานก่อสร้างและการดำเนินงานจนเกิดความไว้วางใจที่จะปลูกสร้างกับบริษัทฯในที่สุด

>>แนะนำโครงการบ้านใหม่ระดับราคา 3-4 ล้านบาท<<

ในขณะที่ธุรกิจรับสร้างบ้านก็ได้มีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะปัจจุบันกลุ่มผู้บริโภคให้ความสำคัญในเรื่องของคุณภาพการก่อสร้างมากยิ่งขึ้นทำให้มีการศึกษา เปรียบเทียบ และเลือกบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือและน่าไว้วางใจก่อนที่จะตัดสินใจปลูกสร้าง ผู้ประกอบการในธุรกิจรับสร้างบ้านยิ่งต้องพัฒนาศักยภาพ แบบบ้าน ฟังก์ชั่นการใช้งาน ควบคู่การบริการและการก่อสร้างให้มีคุณภาพมากขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลให้ธุรกิจอสังหาฯและธุรกิจรับสร้างบ้านดีขึ้นกว่าในปีที่ผ่านมาอย่างไรก็ดีสำหรับระดับราคาบ้านที่กลุ่มบริษัทมีการเติบโตมากสุดคือ 2-3 ล้านบาท มีสัดส่วนถึง 50% รองลงมาคือกลุ่ม 3-5 ล้านบาท มีสัดส่วน 20% และสัดส่วนที่เหลือเป็นของกลุ่มระดับราคา 5-10 ล้านบาทขึ้นไป

อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน