“ไดอิ กรุ๊ป” เดินหน้าธุรกิจในปี 60 ชู Living Solution เน้นการสร้างนวัตกรรมในการอยู่อาศัยครบวงจร ผนึกเนอวานารุกตลาดรับสร้างบ้าน ขณะเดียวกันเล็งเปิดตัว 3 โครงการใหม่ทั้งแนวราบ-สูง มูลค่ารวม 8,500 ล้านบาท ตั้งธงปีนี้ยอดขายรวมทั้งกรุ๊ปแตะ 4,500 ล้านบาท
นายศรศักดิ์ สมวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไดอิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าแผนการดำเนินงานภายหลังจาก บมจ.ไดอิ กรุ๊ป ได้รวมกิจการของบริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เข้าเป็นหนึ่งเดียว ว่า ปัจจุบันบมจ.ไดอิ กรุ๊ป ได้ดำเนินการใน 3 ประเภทธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้แบรนด์เนอวานา, 2. ธุรกิจรับสร้างบ้าน ภายใต้แบรนด์ดีจิ และบ้านสำเร็จรูปแบรนด์กินซ่า, 3. ธุรกิจวัสดุเกี่ยวกับบ้าน คือ รั้ว แบรนด์ Fenzer และกรอบประตูหน้าต่าง แบรนด์ ATECH ทั้งนี้ เมื่อ 2 บริษัทมารวมกันจุดเด่นก็คือ เทคโนโลยี + ดีไซน์ ซึ่งจะเพิ่ม ความรวดเร็วในการก่อสร้างภายใต้ดีไซน์ที่สวยงาม โดยบมจ.ไดอิ กรุ๊ป คือ บริษัทที่ทำธุรกิจรับสร้างบ้านในแบรนด์ “ดีจิ” (Deeji) ธุรกิจบ้านสำเร็จรูปในแบรนด์ “กินซ่า” (Ginza) ธุรกิจรั้วบ้าน ในแบรนด์ Fenzer,ธุรกิจกรอบประตู หน้าต่างอลูมิเนียมแบรนด์ ATECH ส่วนธุรกิจของเนอวานานั้น เป็นผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ที่มีดีไซน์โดดเด่น ลงลึกในทุกรายละเอียดของการอยู่อาศัย
โดยการรวมกันในครั้งนี้เป็นครั้งแรกในวงการอสังหาฯไทย ที่หนึ่งบริษัทจะมีทั้งธุรกิจพัฒนาโครงการ ธุรกิจรับสร้างบ้าน ธุรกิจบ้านสำเร็จรูป และธุรกิจขายวัสดุเกี่ยวกับบ้าน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการจะมีบ้านอย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นบ้านบนที่ดินตัวเอง หรือการซื้อบ้านในโครงการจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยเป้าหมายที่เราวางไว้ คือ Living Solution เพียงนึกถึงการมีบ้าน เมื่อเดินทางมาที่ไดอิ จะมีทุกอย่างให้เลือก ดังนั้น การรวมกันในครั้งนี้ จึงเป็น Beyond Synergy หรือขั้นกว่าของการผสานธุรกิจซึ่งบริษัทไม่ได้มองแค่การรวมเพื่อเติบโตทางธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการรวมเพื่อนำจุดเด่นในทุกด้านของทั้งคู่มาใช้ ทั้งการรวมด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม วิธีคิด ช่องทางการตลาดใหม่ ๆ และการพัฒนาสินค้าเพื่อยังประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภคด้วยนั่นเอง
สำหรับแผนกลยุทธ์ของบริษัทที่จะดำเนินการในปีนี้ นั่นก็คือ การเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าได้มากขึ้นและง่ายขึ้น ดังนั้น ทางบริษัทมีแผนการดันสินค้าด้านวัสดุก่อสร้างเข้าสู่ Modern Trade , การสร้างพื้นที่สำหรับเป็น Show Unit เพื่อให้ลูกค้าที่สนใจได้สัมผัสบ้านสำเร็จรูป และแบบบ้านใหม่ๆ จากธุรกิจรับสร้างบ้านของเราได้อย่างเต็มที่ในอนาคต นอกจากนี้ ยังเตรียมรุกธุรกิจใหม่เพื่อต่อยอดธุรกิจเดิม ได้แก่ การนำแบบบ้านในสไตล์ของเนอวานามาทำในลักษณะธุรกิจรับสร้างบ้าน เพื่อให้ลูกค้าได้มีบ้านแบบเนอวานาบนที่ดินของตัวเอง, การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายแก่นักลงทุนที่สนใจ (Investment property development) และการร่วมทำธุรกิจกับเจ้าของที่ดิน (Joint venture Model) เพื่อพัฒนาโครงการแนวราบประเภทบ้านเดี่ยวร่วมกันโดยพื้นที่เริ่มต้นคือตั้งแต่ 15 ไร่ขึ้นไป นอกจากนี้บริษัทเตรียมศูนย์รับสร้าง บนพื้นที่ประมาณ 5 ไร่ตั้งอยู่ถนนรามอินทรา ซึ่งให้บริการครบวงจรในการสร้างบ้านรวมทั้งการให้บริการหลังจากการขายคาดว่าจะเปิดบริการในไตรมาสไตรมาส3 ปีนี้
สำหรับผลการดำเนินงาน ภายใต้แบรนด์เนอวานาในปี 2560 บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่ารวมประมาณ 8,500 ล้านบาทประกอบด้วยคอนโดมิเนียม 1 โครงการภายใต้ชื่อ River Fronted Condominium มูลค่ารวมประมาณ 6,000 ล้านบาท มีจำนวนประมาณ 100 ยูนิตซึ่งจะเปิดตัวในไตรมาส2 ปีนี้ คาดว่าพร้อมที่จะโอนในปี 2561 และโครงการที่พักอาศัยแนวราบประมาณ 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 2,500 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นโครงการในทำเลศรีนครินทร์ 2 เฟส โดยปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 4,500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นแบรนด์เนอวานา 3,900 ล้านบาท เติบโตขึ้น43 %จากปี 59 ส่วนของรับสร้างบ้าน 400 ล้านบาท ที่เหลือจากธุรกิจอื่นๆ
อย่างไรก็ดีในปีที่ผ่านมายอดขายของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แบรนด์เนอวานา เติบโตขึ้นจาก 1,364 ล้านบาทในปี 2558 เป็น 2,247 ล้านบาทในปี 2559 หรือโตขึ้นประมาณ 40 % โดยยอดขายส่วนใหญ่มาจากบ้านราคาสูงกว่า 15 ล้านบาท มีสัดส่วนถึง 41% ส่วนบ้านระดับ 8-15 ล้านบาท มีสัดส่วน 25% บ้านระดับ 3-8 ล้านบาท มีสัดส่วน 9% ส่วนโฮมออฟฟิต มีสัดส่วน 25%
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน
