ปัจจุบันประเทศไทยมีประชากรทั้งหมด 64.5 ล้านคน เป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้น จำนวน 9.4 ล้านคน หรือ คิดเป็นร้อยละ 14.5 ของประชากร โดยเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 5 แสนคน ซึ่งคาดการณ์ว่าภายใน ในปี 2568 ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์แบบ (Aged Society) ซึ่งจะมีประมาณ 14.4 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นเกินร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด หรือจะมีผู้สูงอายุ 1 คน ในประชากรทุกๆ 5 คน
“ถึงเวลาเดินหน้าประเทศไทยไปกับผู้สูงอายุในอนาคต ต้อนรับเดือนแห่งวันผู้สูงอายุแห่งชาติ”
รู้จัก Reverse Mortgage หรือยัง?
อธิบายง่าย ๆ ให้ได้เข้าใจอย่างทั่วถึง โดยการยกตัวอย่างให้ฟังดังนี้ หากเราต้องการซื้อบ้านสักหลัง จะใช้เงินสดเทไปทั้งหมดก็ต้องใช้เวลาเก็บเงินนานมากกว่าจะได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย ปกติคนส่วนใหญ่ในสังคมเลือกที่จะใช้การกู้เงินจากธนาคารมาซื้อหาที่อยู่อาศัย หรือนำทรัพย์สินที่มีอยู่มาค้ำประกัน แล้วก็นำเงินมาผ่อนคืนธนาคารทุกเดือนพร้อมกับอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกำหนด ซึ่งวิธีนี้เป็นการจำนองแบบปกติทั่วไปที่ทำกัน
แต่ในทางกลับกัน มีการจำนองอีกประเภทหนึ่งที่เรียกว่า reverse mortgage ซึ่งแปลได้ว่าเป็น “การจำนองแบบย้อนกลับ” อธิบายง่ายๆ แบบกระชับ คือ เมื่อเรานำบ้านไปจำนองไว้กับธนาคารแล้ว แทนที่เราจะเป็นผู้จ่ายเงินให้ธนาคารทุกเดือน กลับกลายเป็นว่าทางธนาคารนั้นเอง จะเป็นผู้จ่ายเงินให้เราทุกเดือนเสมือนธนาคารเป็นผู้มาซื้อบ้านของเราแทน
และเราก็จะได้กระแสเงินสดเพื่อนำมาใช้จ่ายแต่ละงวดตามที่ทำสัญญากับธนาคาร จนเมื่อครบกำหนดชำระสุดท้ายบ้านหลังนั้นก็จะตกเป็นของธนาคาร ซึ่งต่างกับการจำนองทั่วไปที่สุดท้ายแล้วบ้านจะมาเป็นของเรา
โดยสินเชื่อ reverse Mortgage ก็เป็นหนึ่งที่มีกระบวนการทำงานสวนทางกับสินเชื่อแบบทั่วไป ซึ่งหลายคนก็อาจสงสัยว่าสินเชื่อประเภทนี้มีแรงจูงใจมาจากอะไร ธนาคารผู้ให้สินเชื่อเองจะได้รับประโยชน์มากน้อยแค่ไหน และลูกค้าประเภทใดถึงจะใช้บริการสินเชื่อประเภทนี้ได้
โดยล่าสุด ทางธนาคารออมสิน เตรียมเปิดตัวธนาคารผู้สูงอายุในเดือนเม.ย.นี้ เป็นการดำเนินตามนโยบายรัฐเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ
หน้าที่ของธนาคารผู้สูงอายุนั้นมีทั้งการปล่อยสินเชื่อและการรับเงินฝากในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ซึ่งธนาคารเตรียมเปิดตัวสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ หรือ รีเวิร์ท มอเกจ เบื้องต้นกำหนดวงเงินก้อนแรก 5,000 ล้านบาท ปล่อยสินเชื่อให้ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป
โดยสามารถนำกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการครองชีพ จำนวนผู้กู้สูงสุดไม่เกิน 2 คนต่อสัญญา ระยะเวลาให้กู้ไม่เกิน 20 ปี และเมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลากู้แล้วต้องไม่เกิน 85 ปี
สำหรับวงเงินที่ปล่อยกู้แยกเป็น…
– ที่ดินพร้อมอาคารให้กู้ได้ไม่เกิน 70% ของราคาประเมินหลักทรัพย์
– ส่วนห้องชุด ให้กู้ได้ไม่เกิน 60% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ อัตราดอกเบี้ย 6% ตลอดอายุสัญญากู้เงิน
ทั้งนี้ ส่วนของหลักประกันต้องอยู่ในแหล่งชุมชนที่มีความเจริญ มีสาธารณูปโภคที่จำเป็น และห้ามนำหลักประกันไปให้เช่าต่อ โดยในระยะแรกกำหนดทำโครงการนำร่องในเขตกรุงเทพและปริมณฑลก่อน และกรณีที่ผู้กู้เสียชีวิตก่อนจะให้สิทธิกับทายาทในการซื้อและหรือกู้เพื่อเอาหลักประกันคืนได้
กรณีหลักประกันมีราคา 2 ล้านบาท ธนาคารปล่อยกู้ได้ 70% คือเท่ากับจะได้สินเชื่อ 1.4 ล้านบาท ถ้ากู้ตอน 60 ปี ธนาคารจะทยอยจ่ายเงินให้ได้นานถึง 25 ปี ซึ่งเท่ากับผู้สูงอายุจะมีเงินใช้ถึงอายุ 85 ปี ที่ต้องเลือกหลักประกันที่ดีก่อนเพราะออมสินเป็นธนาคาร นอกจากปล่อยกู้ช่วยเหลือคนแล้ว ยังมีหน้าที่ดูแลผู้ฝากเงินด้วย
นอกจากนี้ ธนาคารออมสินยังมีสินเชื่อเคหะลูกกตัญญูที่ดูแลบุพการี และสินเชื่อธนาคารประชาชนที่ให้กู้แก่ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปแต่ยังประกอบอาชีพค้าขาย สามารถยื่นขอสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษได้จนถึงอายุ 70 ปี
รวมทั้งยังมีโครงการเงินฝากเพื่อผู้สูงอายุ ที่ผ่านมามีเงินฝากเผื่อเรียกประชารัฐผู้สูงวัย ไม่หักภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก เน้นรับเงินฝากจากผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ให้ดอกเบี้ย 1% รับดอกเบี้ยปีละ 2 ครั้ง ณ วันที่ 30 มิ.ย. และ 31 ธ.ค. ของทุกปีอีกด้วย
โดยกำหนดเงื่อนไขการรับฝากเงิน ต้องเปิดบัญชีขั้นต่ำ 100 บาท รับฝากสูงสุดไม่เกินรายละ 1 ล้านบาท เปิดบัญชีได้คนละ 1 บัญชี และเปิดให้ถอนเงินวันละกี่ครั้งก็ได้
>>อ่านบทความเกี่ยวกับสังคมผู้สูงอายุ ขั้นตอนแปลงโฉมห้องชั้นล่างให้ผู้สูงอายุ ได้ที่นี่ <<
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน