สนทนากับกูรู : คนทำอสังหาฯ ต้องมี passion และแนวทางที่ชัดเจน

20 เม.ย. 2560

ปัจจุบันจะเห็นผู้ประกอบการหน้าใหม่ หันมาจับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากมองเห็นโอกาสทางด้านการลงทุน โดยรูปแบบการพัฒนานั้นจะเน้นจับตลาดเฉพาะ เพราะไทยแลนด์ยุค 4.0 ต้องยอมรับว่าแข่งขันในตลาดค่อนข้างรุนแรงทำให้ผู้ประกอบการต้องเร่งสร้างความแตกต่าง เช่น การใส่เรื่องการบริการด้วยเชนโรงแรมเข้าไปไว้ในโครงการ เพิ่มนวัตกรรมการดีไซน์ใหม่ ๆ หรือแม้แต่การพัฒนาโครงการจะต้องเป็นรูปแบบมิกซ์ยูสมากขึ้น แต่ใช่ว่าทุกทำเลจะพัฒนาโครงการรูปแบบดังกล่าวได้เสียทั้งหมด

แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ดูจะเป็นธุรกิจที่มีสีสันมีเสน่ห์ดึงดูดกลุ่มนักธุรกิจหลากหลายสาขา ก้าวเข้ามาชิมลางในสนามรบของธุรกิจอสังหาฯนี้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มรับเหมาฯ สิ่งทอ เป็นต้น ซึ่งในฐานะ “นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หน้าใหม่”แม้จะถูกมองว่าเป็นช่วงเศรษฐกิจทรงตัวของตลาดอสังหาฯ ด้วยจากสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัวก็ตาม

นายพงศธร จอม สาลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟินน์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด อีกหนึ่งทายาท คลื่นลูกใหม่จากธุรกิจ “เกลือปรุงทิพย์” ก้าวเข้ามาสู่ธุรกิจอสังหาฯ ในบทบาทดีเวลลอปเปอร์”หน้าใหม่” เริ่มต้นจากแนวคิดนำแลนด์แบงก์ของครอบครัวออกมาพัฒนารีสอร์ท ที่ เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 117 ไร่ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ระยะยาวและต่อเนื่อง หรือ Recurring Income

“ผมเริ่มทำธุรกิจตรงกันข้าม หรือเรียกได้ว่าสวนทางกับเรียลเอสเตทเจ้าอื่น ซึ่งเริ่มจากธุรกิจรีสอร์ท มีทั้งหมด 144 ห้อง ปัจจุบันไม่มีภาระหนี้สิน เป็นรายได้ที่สม่ำเสมอทุกปี แต่เราก็ต้องแข่งขัน อะไรที่มีมาร์จิ้นสูงก็จะเสี่ยงสูง กับอะไรที่เสี่ยงยาวแต่ได้มาเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นอะไรที่สอดคล้องกัน”

ภาพจำลองโครงการฟินน์ สุขุมวิท 31 ซึ่งเป็นโครงการใหม่ล่าสุดจากค่ายฟินน์ ดิเวลลอปเมนท์

แต่ทั้ง 2 ธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นอสังหาฯเพื่อการขายและธุรกิจรีสอร์ทที่สร้างรายได้ระยะยาวก็ตาม หากเป็นในต่างประเทศถือว่าเป็นธุรกิจอสังหาฯเหมือนกัน แต่ความเสี่ยงไม่เหมือนกัน โดยทั้ง 2 ธุรกิจก็จะช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน ธุรกิจโรงแรม-รีสอร์ทนั้นสามารถเป็นรายได้ระยะยาว ในขณะที่ธุรกิจอสังหาฯเพื่อการขายก็เป็นธุรกิจที่สามารถขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ง่ายกว่าธุรกิจอื่น เพราะมีสินค้าหรือที่ดินที่จับต้องได้ และเป็นธุรกิจที่ไม่มีวันหายไป

“ผมโชคดีที่มีเวลาได้ศึกษาว่าจะทำอะไร เริ่มวางกลยุทธ์มาตั้งแต่แรก รู้ว่าจะต้องตามตลาดยังไง จุดแข็งของเราคืออะไร และลงทุนตามตรงนั้น ที่สำคัญต้องมีเป้าหมาย มี passion และแนวทางที่ชัดเจน”

ดังนั้น แผนธุรกิจของฟินน์ ดิเวลลอปเม้นท์ในช่วง 3-5 ปี บริษัทจะพัฒนาโครงการมากขึ้นปีละ 1-2 โครงการในย่านซีบีดีกรุงเทพฯ รวมถึงในทำเลต่างจังหวัดที่เป็นหัวเมืองท่องเที่ยว เพราะในยุคของคอมซูมเมอร์เมืองไทยที่โตเพิ่มขึ้น เทรนด์นี้จะมีมากขึ้น สิ่งสำคัญคือแบรนด์ดิ้งจะเข้ามามีบทบาทในการทำธุรกิจ ซึ่งผู้บริหารหนุ่มมุ่งมั่นที่จะต่อยอดจากจุดเริ่มที่พัฒนาสินค้าให้ออกมาเพื่อตอกย้ำแบรนด์ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี’60 นี้ ตามแผนจะมีการเปิดโครงการใหม่ราว 3 โครงการ เป็นคอนโดฯ และทาวน์โฮม รวมมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท รวมทั้งเตรียมขยายรีสอร์ทบนเกาะเต่ารองรับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยโครงการล่าสุด ที่เพิ่งเปิดตัวไป ได้แก่ โครงการ “ฟินน์ สุขุมวิท31” คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ความสูง 8 ชั้น จำนวน 1 อาคาร บนพื้นที่เกือบ 1 ไร่ในซอยสุขุมวิท 31 จำนวน 63 ยูนิต พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 36-400 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 5.99 ล้านบาทขึ้นไป หรือราคาเฉลี่ย 175,000 บาท/ตารางเมตร มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท

“เราชอบทำธุรกิจที่มีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน และมั่นใจว่ายังมีดีมานด์ที่มีความต้องการโครงการที่มีจำนวนยูนิตน้อย แต่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ได้ผลตอบแทนสูงกว่าโครงการไฮไรส์ คือเจ้าของห้องชุดสามารถปล่อยเช่าและมีอัตราผลตอบแทนอย่างต่ำ 5%ต่อปี”

Fynnt 04) (1)

ปัจจุบันคอนโดฯ “ฟินน์ สุขุมวิท 31” มียอดขายแล้ว 45% ตั้งเป้าว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในปีนี้เลย ด้วยจำนวนยูนิตที่มีไม่มาก และพัฒนาเพื่อเจาะนิช (Niche) มาร์เก็ต ในด้านของโปรดักส์เน้นการดีไซน์ เน้นไลฟ์สไตล์ และเป็นราคาที่ตกแต่งให้ครบ มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับโครงการละแวกเดียวกัน โดยเฉพาะที่จอดรถที่สามารถรองรับได้ถึง 93% ของจำนวนห้องชุดทั้งหมด

ส่วนโครงการที่ 2 บริษัทมีแผนจะนำที่ดินในซอยสุขุมวิท 31 ซึ่งเป็นที่ดินเก่าของครอบครัว ขนาดประมาณ 300 ตารางวา และอยู่ใกล้ๆ กับโครงการแรก โดยจะนำมาพัฒนาเป็นทาวน์โฮม 4 ชั้น เจาะตลาดพรีเมี่ยมลักซ์ชัวรี่ คาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ในช่วงไตรมาส 3-4 ของปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะนำที่ดินอีกแปลงในย่านรัชดาภิเษก ใกล้ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ มาพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์อีกด้วย

“ปัจจุบัน เรามีแลนด์แบงก์ไว้รองรับการพัฒนาโครงการในอนาคตอีกหลายแปลง ซึ่งต้องรอดูจังหวะและความเหมาะสมของตลาดทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาทิ ที่ดินบริเวณด้านหลังเกาะเต่าที่มีอยู่อีก 45 ไร่ ที่ดินในเขาหลัก จ.พังงา อีก 1 แปลง ที่ดินบริเวณฝั่งตะวันออก ของจ.ภูเก็ต อีก 1 แปลง”

การขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาฯ ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจ ใช่เพียงแต่มีที่ดิน มีต้นทุน มีแต้มต่อทางสังคมที่ดีกว่า แต่การปลุกปั้นพัฒนาโครงการในยุคนี้ ต้องศึกษาตลาด เรียนรู้เข้าถึงพฤติกรรมผู้บริโภค ประเด็นสำคัญต้องมีเป้าหมายลูกค้าที่ชัดเจน สร้างความแตกต่าง ไม่ตามกระแสรายใหญ่ โฟกัสจุดยืนให้ชัด เพื่อให้ตัวเองได้มีที่ยืนในธุรกิจนี้

อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้าน คอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน

เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ