“ลิฟต์ฮิตาชิ”รุกตลาดอสังหาฯ จับเทรนด์สังคมผู้สูงวัย

18 พ.ค. 2560

“ฮิตาชิเอลลิเวเตอร์” แจงปัจจัยบวกหนุนตลาดลิฟต์ไทยขยายตัวสูงพร้อมรุกขยายช่องทางขาย เจาะโครงการบ้านจัดสรร รับเทรนด์สังคมผู้สูงอายุไทย เผยรัฐโหมลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม หนุนธุรกิจอสังหาฯฟื้นตัว

นายไมเคิล ถัง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายขาย–ออกแบบวิศวกรรมและการตลาด บริษัท ฮิตาชิเอลลิเวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต จำหน่าย ติดตั้ง ลิฟต์ บันไดเลื่อน และทางเลื่อน HITACHI กล่าวว่า ภายหลังการเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก สยามฮิตาชิ เป็นฮิตาชิเอลลิเวเตอร์(ประเทศไทย) เพื่อให้สอดคล้องกับการทำตลาดของฮิตาชิ ทั่วโลก พร้อมกับการปรับสัดส่วนการถือหุ้น จากเดิมที่สยามกลการถือหุ้น 60% และฮิตาชิ 40% เป็นฮิตาชิ ถือหุ้น 60% และสยามมกลการถือ40%เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจลิฟต์–บันไดเลื่อนในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เป็นไปตามเป้าหมายคือการขึ้นเป็นผู้นำตลาดในภูมิภาคในระยะ 3 ปีจากนี้ โดยเฉพาะการขยายช่องทางการจำหน่ายและการลงทุนขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน คือ สหภาพเมียนมาร์ และกัมพูชา

สำหรับแนวโน้มการขยายตัวของตลาดลิฟต์ และบันไดเลื่อนในประเทศไทยโดยปกติจะขยายตัว3-5% ต่อปี โดยยอดขายมาจาก 2 ส่วนคือ การขายโครงการภาครัฐ20% และเอกชน80% แต่ในปัจจุบันเศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงกำลังฟื้นตัวทำให้ภาครัฐต้องเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการลงทุนด้านระบบสาธารณูปโภค และโครงการด้านระบบคมนาคม ทำให้สัดส่วนยอดขายเปลี่ยนเป็นภาครัฐ40% และเอกชน60% อย่างไรก็ตามคาดว่าสัดส่วนดังกล่าวจะเริ่มปรับตัวเข้าสู่ปกติในช่วง2ปีจากนี้ เนื่องจากภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีอัตราการขยายตัวดีขึ้น โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งมีการติดตั้งลิฟต์จำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการขยายตัวของการลงทุนในกลุ่มธุรกิจโรงแรม ออฟฟิศ และโรงพยาบาลมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่สัญญาณเศรษบกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นทำให้ภาครัฐไม่ต้องเร่งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเช่นที่ผ่านมา

“แนวโน้มตลาดลิฟต์ฮิตาชิในเมืองไทย แบ่ง 2 ส่วน คืองานโครงการภาครัฐประมาณ 40% เช่น สาธารณูปโภคพื้นฐาน สถาบันการศึกษา โรงพยาบาล และภาคเอกชน ประมาณ 60% เช่น อาคารที่อยู่อาศัย สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โดยลิฟต์และบันไดเลื่อนฮิตาชิ มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงหลังของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานต่างๆ เช่น BTS และ MRT ทำให้ความต้องการของธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ตามแนวรถไฟฟ้า และโครงการก่อสร้างมีการเติบโตสูงมาก”

โดยสัดส่วนการขายหลักจะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นที่มาจากการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน ซึ่งทำให้การเติบโตของอาคารสำนักงาน ที่พักอาศัย รวมไปถึง ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ย่านชานเมืองที่เพิ่มมากขึ้น โดยอาคารประเภทที่อยู่อาศัย มีอยู่ 2 แนวโน้มหลักๆ คือ คอนโดมิเนียม ที่มีลักษณะหรูหรา ราคาสูงตั้งอยู่ใจกลางเมือง และคอนโดมิเนียมที่มีความสูงไม่มาก และราคาไม่สูง นอกจากนี้ ยังมีทาวน์เฮ้าส์สไตล์หรูในเขตชานเมืองสำหรับครอบครัวใหญ่ ที่ประกอบด้วยคน 3 รุ่น ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากสังคมผู้สูงอายุที่มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และยุคที่สถานการณ์เปลี่ยนไปเช่นนี้ทำให้บริษัทฯ มองว่าลูกค้ามีการศึกษาข้อมูล และให้สนใจในระบบความปลอดภัยมากที่สุด

ทั้งนี้ การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย ก็มีส่วนทำให้เกิดดีมานด์ในตลาดบ้าน ส่งผลต่อเทรนด์การติดตั้งลิฟต์ในบ้านเพิ่มมากขึ้น ซึ่งบริษัทให้ความสนใจอย่างมากโดยได้เริ่มขยายตลาดรุกเข้าสู่โครงการบ้านจัดสรรมากขึ้น ปัจจุบัน ตลาดรวมลิฟต์ในประเทศไทยมีอยู่ 8,000 ยูนิตต่อปี โดยฮิตาชิ มีแชร์อยู่ 17% หรือมียอดขายอยู่ 850 ยูนิตต่อปี โดยบริษัทตั้งเป้าว่าจะกลับมามีแชร์เป็นเบอร์1ของตลาดในประเทศไทย และเป็นผู้นำตลาดเอเชีย บริษัทจึงจัดตั้งเทรนด์นิ่งเซ็นเตอร์และเพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการบริการหลังการขายลูกค้า พร้อมกับการขยายช่องทางการขายทั่วประเทศโดยเน้นคุณภาพและบริการหลังการขาย ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายให้สูงขึ้นโดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวมที่ 1,000ยูนิต หรือเติบโต20% และมีแชร์เพิ่มเป็น20%ในระยะ1-2 ปีจากนี้

“ที่ผ่านมาลิฟต์ฮิตาชิ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าโครงการขนาดใหญ่ อาทิ The G Tower Ratchada Rd., Pearl Bangkok building of Pruksa Group, Em Quatier shopping mall, Central, East Ville, ICON SIAM Building, which rises 320 meters, 73 stories, โรงพยาบาลรามาธิบดี บางพลี, อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์, ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 แจ้งวัฒนะ, ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ และอื่นๆ ส่วนในต่างจังหวัด เช่น มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, ศูนย์การค้าเซ็นทรัลนครราชสีมา,โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนทัล หัวหิน, ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต, ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา นครศรีธรรมราช, สนามบินภูเก็ต ”นายไมเคิล ถัง กล่าว

ปัจจุบัน ฮิตาชิ มีโรงงานผลิตลิฟต์ อยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร กม. 57 (เฟส 9) ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเพิ่มกำลังการผลิต 1.5 เท่า จากเดิม1,500 ตัวเป็น 2,500 ตัว และมีเป้าหมายว่าจะผลิตเพิ่มขึ้นอีก ตลอดจน มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด คือ ลิฟต์รุ่น UAG-SN1 ที่เน้นประหยัดพลังงานมีระบบฟอกอากาศ และระบบเซ็นเซอร์แบบ Multibeam รองรับมาตรฐานยุโรป EN Standard กับคอนเซปท์ Simplified Specification Selection Process เน้น Spec และ Designเพิ่มความมั่นใจตรงใจผู้บริโภคมากที่สุด รวมทั้ง มีศูนย์ฝึกอบรมแห่งเอเชีย หรือ Asia Training Center เพื่ออบรมวิศวกรในภูมิภาคพัฒนาทักษะการติดตั้งการบำรุงรักษาลิฟต์–บันไดเลื่อน ที่ทำธุรกิจลิฟต์และบันไดเลื่อนในภูมิภาคเอเชีย

Hitachi

ปัจจุบัน ลิฟต์ฮิตาชิ มีศูนย์บริการครบวงจร 13 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ เชียงใหม่, พิษณุโลก, ขอนแก่น, นครราชสีมา, ประจวบคีรีขันธ์, ชลบุรี, สงขลา ภูเก็ต และต่างจังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี และอุดรธานี ส่วนในพื้นที่กรุงเทพมหานครมี 5 แห่ง คือ ปทุมวัน เพชรบุรีตัดใหม่, รามอินทรา, วิภาวดี และหนองแขม เพื่อบริการลูกค้าได้ทันเวลา

อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ