จากการที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น มองว่าภาพรวมเศรษฐกิจมีแนวโน้มค่อยๆปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ แต่ก็ยังเสี่ยงกับนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ การปรับโครงสร้างของเศรษฐกิจจีนและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์โลกอยู่ ดังนั้นที่ประชุม กนง.มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่1.5%ต่อปี
นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. เปิดเผยว่าที่ประชุม กนง. มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% ต่อปี โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวดี ระบบการเงินโดยรวม มีเสถียรภาพ สามารถรองรับมือกับความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจการเงินทั้งในและต่างประเทศดี แต่ยังมีความเสี่ยงจากนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ การปรับโครงสร้างของเศรษฐกิจจีนและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์โลก
“เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวชัดเจนขึ้นจากการส่งออกที่ฟื้นตัวต่อเนื่องตามการขยายตัวของเศรษฐกิจคู่ค้า นอกจากนี้ การบริโภคภาคเอกชนปรับตัว ดีขึ้นบ้างตามรายได้เกษตรกรและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีทิศทางดีขึ้น สำหรับการท่องเที่ยวมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ตามที่ประเมินไว้และการใช้จ่ายของภาครัฐจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนยังมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างช้าๆ แต่ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยยังต้องระวังปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศที่สำคัญ ส่วนการปรับโครงสร้างจีนนั้น ในช่วงที่ผ่านมา ได้มีการประเมินไว้แล้วว่าเศรษฐกิจจีนในปีนี้จะชะลอตัวลง”นายจาตุรงค์กล่าว
นอกจากนี้ ยังต้องจับตาการชำระหนี้ของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี ซึ่งสะท้อนปัญหาเรื่องความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น (search for yield) ในภาวะอัตราดอกเบี้ย ที่ต่ำมาเป็นเวลานาน ซึ่งอาจนำไปสู่การประเมินความเสี่ยงของตลาดที่ต่ำกว่าที่ควร(underpricing of risks)
สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในไตรมาส 2/2560 คาดว่า อาจชะลอลงเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากฐานปี 2559 ค่อนข้างสูงจากภาวะภัยแล้ง ประกอบกับราคาอาหารสดที่ปรับลดลงด้วย อย่างไรก็ตาม มองว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะเริ่มปรับสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ส่วนสภาพคล่องในระบบการเงินยังอยู่ในระดับสูง และอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังอยู่ในระดับต่ำ ภาคธุรกิจยังสามารถระดมทุนได้เพิ่มขึ้นทั้งจากสิ้นเชื่อสถาบันการเงินและตลาดทุน สำหรับค่าเงินบาทในช่วงที่ผ่านมายังเคลื่อนไหวสอดคล้องกับภูมิภาค
ด้านการลงทุนภาคเอกชนนั้นพบว่ายังมี แนวโน้มฟื้นตัวช้า ซึ่งธนาคารกลางทั่วโลกอยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์ดังกล่าวเนื่องจากเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลกเพราะยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวเกิดจากปัญหาเชิงโครงสร้าง จากภาคเอกชน ที่ยังมีกำลังการผลิตส่วนเกินอยู่ในระดับสูง ดังนั้นภาคเอกชนจึงเน้น การลงทุนไปที่การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เป็นต้น
สำหรับเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นทั้งในและต่างประเทศในขณะนี้ จากการประเมินเบื้องต้น เชื่อว่ายังไม่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของไทยในปีนี้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม กนง.จะติดตามสถานการณ์อย่าง ใกล้ชิด รวมถึงจะดูแลนโยบาย การเงินให้อยู่ในระดับผ่อนปรน และพร้อมใช้เครื่องมือเชิงนโยบาย ที่มีอยู่ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพการเงินของประเทศ
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน