ฝนตก-น้ำท่วม เรื่องเก่าเล่าซ้ำๆ วิบากกรรมคนกรุงเทพฯ

27 พ.ค. 2560

BKK Flood

ฝนเทลงมาทีไร น้ำท่วมทุกที ถือเป็นภาพอันชินตาของคนกรุงเทพฯ ไปเสียแล้ว ล่าสุด เมื่อวันที่ 24 ต่อเนื่องจนถึง 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา กรุงเทพฯ ก็ต้อนรับฤดูฝนด้วยมวลน้ำที่กระหน่ำมาจากฟ้ากว่า 7 ชั่วโมง มีปริมาณฝนที่ตกสูงถึง 169 มิลลิเมตร ทำให้มีน้ำรอระบายในพื้นที่กรุงเทพฯ รวมทั้งหมดถึง 25 จุด หนักที่สุดคือในพื้นที่เขตวังทองหลาง ถ.ลาดพร้าว บริเวณคลองเจ้าคุณสิงห์ และบริเวณคลองจั่น ส่งผลให้การจราจรติดขัดเกือบตลอดทั้งวัน แม้กรุงเทพฯ โดยพ่อเมืองคนใหม่อย่าง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง จะเตรียมการมาอย่างดี? ทั้งขุดลอกท่อ ขุดลอกคูคลอง และติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่ม เพื่อให้สามารถระบายน้ำได้โดยสะดวก แต่ด้วยปริมาณฝนที่มากจนเกินรับมือทำให้แม้แต่อุโมงค์ระบายน้ำพระราม 9-รามคำแหงก็ยังเอาไม่อยู่

ย้อนดูบทเรียนปี 54 เขตไหนบ้างที่ไม่ท่วม

 

flood_bkk_info
จะว่าไปแล้วปัญหาน้ำท่วมก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ในกรุงเทพฯ เพราะฝนตกหนักเมื่อไหร่ น้ำต้องท่วมทุกครั้ง อยู่ที่จะมากหรือน้อยเท่านั้น หากย้อนไปดูสถานการณ์น้ำท่วมในกรุงเทพฯ เมื่อปี 2554 จะพบว่า พื้นที่ในกรุงเทพฯ แทบจะจมมิดใต้มวลน้ำมหาศาล โดยจาก 50 เขต มีเพียง 12 เขต เท่านั้นที่เหลือรอดจากมวลน้ำมาได้ ประกอบด้วย ทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะ คลองสาน ป้อมปราบศัตรูพ่าย ราชเทวี วังทองหลาง พญาไท วัฒนา สาทร สวนหลวง ปทุมวัน และบางนา

ส่วนที่เหลือมี 9 เขตที่เสียหายบางส่วนจากการขึ้น-ลงของระดับแม่น้ำเจ้าพระยา หรือได้รับผลกระทบในช่วงสั้น ๆ ประกอบด้วย พระนคร ดุสิต สัมพันธวงศ์ บางรัก บางคอแหลม คลองเตย ยานนาวา พระโขนง และบางซื่อ

เขตที่ได้รับความเสียหายบางส่วนที่เกิดจากน้ำเหนือ แยกเป็น 2 ส่วน คือ เสียหายเกิน 20% มี 9 เขต ได้แก่ ประเวศ คันนายาว มีนบุรี ลาดกระบัง หนองจอก สะพานสูง ลาดพร้าว บางกอกน้อย และบางบอน เสียหายน้อยกว่า 20% มี 8 เขตคือ ดินแดง ห้วยขวาง บึงกุ่ม บางกะปิ บางกอกใหญ่ จอมทอง ธนบุรี และบางขุนเทียน

สำหรับเขตที่เสียหายมากที่สุดเรียกว่าท่วมมากและท่วมนาน มี 12 เขต ประกอบด้วย ตลิ่งชัน ทวีวัฒนา บางพลัด บางแค ภาษีเจริญ หนองแขม ดอนเมือง บางเขน สายไหม หลักสี่ จตุจักร และคลองสามวา

กรุงเทพฯ พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมสูง
ระดับความสูงต่ำในพื้นที่กรุงเทพฯ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้แต่ละพื้นที่มีความเสี่ยงต่อน้ำท่วมไม่เท่ากัน โดยพื้นที่ในกรุงเทพฯ สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง ประมาณ 1-1.5 เมตร เมื่อเทียบกับจังหวัดอื่น อาทิ เพชรบูรณ์ 114 เมตร นครราชสีมา 187 เมตร อุตรดิตถ์ 63 เมตร ราชบุรี 5 เมตร และภูเก็ต 2 เมตร ถือว่ามีระดับที่ไม่สูงมากนัก โดยแต่ละเขตมีความสูง ดังนี้
Flood_bkk_info_b

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากรุงเทพฯ หลายเขตจะอยู่ในช่วงระดับต่ำกว่า 0 เมตร จนถึงสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1 เมตร แต่น้ำกลับไม่ท่วมในช่วงน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 หากไม่นับเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ ที่จะยอมให้ท่วมไม่ได้แล้ว ก็จะมีเขตบางนา ที่แม้พื้นที่ส่วนใหญ่สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่เกิน 1 เมตร แต่น้ำกลับไม่ท่วม แสดงให้เห็นว่าปัจจัยที่น้ำจะท่วมหรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสูงจากระดับน้ำทะเลเท่านั้น

 

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ส่วนหนึ่งมาจากพื้นที่โครงการก่อสร้างต่าง ๆ ที่ขวางทางน้ำ และจากน้ำมือของคนบางคนที่ทิ้งขยะลงแม่น้ำลำคลอง โดยสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร พบว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคมที่ผ่านมา มีขยะติดหน้าตะแกรงประตูระบายน้ำถึง 10 ตันต่อวัน และเมื่อปีที่ผ่านมาทั้งปีเฉลี่ยแล้ว 20 ตัวต่อวัน แม้ขณะนี้จะจัดเจ้าหน้าที่เก็บขยะตลอด 24 ชั่วโมง ก็ยังทำไม่ทัน เพราะฉะนั้นการจะช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากอย่างยั่งยืนได้นั้น อาจไม่จำเป็นจะต้องใช้งบประมาณอะไรมากมาย เพียงอาศัยความร่วมมือของทุกคนให้ทิ้งขยะเป็นที่เป็นทาง ไม่เช่นนั้นก็อาจจะได้เห็นภาพน้ำท่วมเช่นนี้ต่อไปอีกนาน โดยเฉพาะในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ที่ทั้งน้ำฝน น้ำเหนือ และน้ำทะเลหนุนจะมาพร้อม ๆ กัน

ภาพหลัก via กองประชาสัมพันธ์ กรุงเทพฯ


เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ