ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มที่เติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะภาวะเศรษฐกิจเริ่มมีการฟื้นตัวได้แม้ว่าจะยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจนก็ตาม ทำให้ความมั่นใจของประชาชนกลับมาดีขึ้นได้ ขณะที่การลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐจะเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังให้ขยายตัวได้มากขึ้น และการเปิดโครงการใหม่ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไทยจะเป็นการช่วยกระตุ้นตลาดให้คึกคักมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
ด้านนายไพโรจน์ วัฒนวโรดม รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.เจ.เอส.พี พร๊อพเพอร์ตี้ (JSP) เปิดเผยถึงแผนงานในช่วงครึ่งปีหลังว่า เตรียมจัดแคมเปญเพื่อระบายสต๊อกโครงการคอนโดมิเนียมที่ยังเหลือขาย ภายใต้ชื่องาน JSP Outlet Grand Sale โดยจะนำโครงการคอนโดมิเนียมในมือกว่า 1 พันล้านบาท จำนวน 800 ยูนิต มาร่วมแคมเปญด้วยการมอบส่วนลดต่อยูนิตสูงสุด 15% พร้อมกับฟรีค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการโอนที่คิดเป็นสัดส่วน 5.5% เพื่อเร่งระขายสินค้าที่มีอยู่และส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการดันรายได้ให้เข้าเป้าตามที่ตั้งไว้
ทั้งนี้ ทางบริษัทตั้งเป้ารายได้ในช่วงครึ่งปีหลังอยู่ที่ 3 พันล้านบาท จากครึ่งปีแรกที่คาดว่าจะทำรายได้ราว 2.1 พันล้านบาท โดยบริษัทจะรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ในช่วงที่เหลือของปีนี้อีกกว่า 2 พันล้านบาท จาก Backlog ที่มีอยู่ทั้งหมด 3.9 พันล้านบาทในปัจจุบัน ซึ่งใน 3.9 พันล้านบาทนั้น รับรู้รายได้ 2.9 พันล้านบาทในปีนี้ แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 900 ล้านบาท และอีก 2 พันล้านบาทเป็นของแนวราบ
ส่วนในครึ่งปีหลัง เตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 3 โครงการ มูลค่ารวม 2.11 พันล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 2 โครงการ คือ โครงการ J VILLA วงแหวน-บางใหญ่ และ โครงการ J City ติวานนท์-บางกระดี่ ส่วนคอนโดมิเนียมจะเปิดใหม่อีก 1 โครงการ คือ โครงการ J Condo พระราม 2 เป็นไปตามแผนปีนี้ที่วางแผนเปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 5 พันล้านบาท
อย่างไรก็ดี ทางบริษัทมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตจากการที่บริษัทได้ปรับกลยุทธ์มาเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น เพื่อให้สามารถรับรู้รายได้เข้ามาภายใน 2-3 เดือนหลังจากลูกค้าทำการจอง ประกอบกับ การปรับแบรนด์ใหม่เป็น J Series ที่ทำให้มีคววามน่าสนใจและมีความทันสมัยของแบรนด์มากขึ้น
สำหรับปัญหาเรื่องของอัตราการปฏิเสธสินเชื่อนั้น ปัจจุบันลดลง เนื่องจากทางบริษัทได้ร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ 10 แห่งจัดโปรโมชั่นและให้สินเชื่อกับลูกค้า 100-103% และบริษัทยังมีการทำการประเมินความสามารถในการกู้ (Pre-approve) ของลูกค้าร่วมกับธนาคารพาณิชย์ที่ลูกค้าเลือก ส่งผลให้ความเสี่ยงในแง่การปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าลดลง โดยปัจจุบันอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าที่ซื้อโครงการแนวราบลดลงมาอยู่ที่ 15% จากปีก่อนที่เกือบ 30% และอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าที่ซื้อโครงการคอนโดมิเนียมลดลงเป็น 30% จากปีก่อนที่ 40%
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com