สิ่งที่หลายคนกำลังกังวลเรื่องภาวะหนี้ครัวเรือน ที่อาจจะส่งผลให้ภาคเศรษฐกิจไทยนั้นอยู่ในจุดที่น่าเป็นห่วง ประกอบกับยังเกิดปรากฎการณ์สถาบันทางการเงินได้ออกนโยบายการปล่อยสินเชื่อ อันพิจารณาประวัติของผู้กู้มากกว่าเดิม ส่งผลให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อสูงขึ้น เหตุนี้บรรดาผู้บริโภคที่ไม่เข้าใจ จึงต่างตั้งคำถามมากมายในหัว พร้อมกับไม่เข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ต่อไปนี้ทุกอย่างจะกระจ่างแจ้ง เมื่อได้นั่งคุยกับ คุณกิตติ พัฒนพงศ์พิบูล ประธานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย ที่จะมาเผยถึงสาเหตุของภาวะหนี้ครัวเรือน ไปพร้อมๆ กับการทำความเข้าใจว่าทำไมธนาคารถึงต้องพิจารณาการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น
กระจ่างแจ้งเรื่องหนี้ครัวเรือน
ในช่วงระยะหลังมานี้ หลายคนมักได้ยินคำว่า “หนี้ครัวเรือน” กันค่อนข้างหนาหู ซึ่งเชื่อว่าบางคนอาจจะไม่รู้ที่มาที่ไปของคำจำกัดความดังกล่าว ว่าแท้จริงแล้วมีความหมายและต้นเหตุมาจากอะไร ซึ่งคุณกิตติ พัฒนพงศ์พิบูล ประธานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย ได้มาไขข้อข้องใจดังกล่าวว่า
“หนี้ครัวเรือน เป็นการสื่อถึงแต่ละครอบครัวมีจำนวนหนี้เท่าไหร่ ซึ่งหนี้เหล่านี้อาจจะเกิดจากการขอกู้เงินจากธนาคาร เพื่อมาซื้อบ้าน รถยนต์ หรือใช้จ่ายต่างๆ โดยไม่เป็นหนี้เสีย หลังจากนั้นจะนำมาคำนวณว่าเป็นกี่เปอร์เซนต์ของ GDP พร้อมเทียบกับรายได้ของประชาชนในประเทศ ล่าสุดหลังจากคิดออกมาแล้ว ช่วงต้นปีพบว่า อยู่ในระดับ 80% ถือว่าค่อนข้างสูงอยู่ แต่ก็เชื่อว่าในครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น และต้องดูต่อไปว่าจะเป็นในทิศทางไหน”
คุณกิตติ พัฒนพงศ์พิบูล ประธานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย
เข้าใจใหม่กับคำว่า “ปฏิเสธสินเชื่อ”
เมื่อเกิดภาวะหนี้ครัวเรือน อันมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัจจัยที่ทำให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศชะลอตัว เหตุนี้เองหลายภาคส่วนของรัฐ โดยเฉพาะสถาบันทางการเงินจึงไม่นิ่งเฉย พยายามลดภาวะดังกล่าว สืบเนื่องจากต้นเหตุหลักของหนี้ครัวเรือน ส่วนใหญ่พบว่าเกิดขึ้นในกลุ่มคนวัยทำงาน กำลังสร้างครอบครัวและต้องการบ้าน เหตุนี้เองจึงทำให้เกิดการปฏิเสธสินเชื่อขึ้น และบางคนอาจกำลังกังวลว่าเป็นสถานการณ์ดังกล่า่วจะมีผลต่อการกู้ซื้อบ้าน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาฯ ต่างวิตกต่อยอดโอน ซึ่งแท้จริง คุณกิตติ ได้ชี้แจงว่าการปฏิเสธสินเชื่อดังกล่าว ถือว่าเป็นเรื่องดี อันจะช่วยลดเปอร์เซนต์ของหนี้ครัวเรือนในประเทศให้น้อยลงได้
“ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจใหม่ก่อนว่าการปฏิเสธสินเชื่อธนาคาร นั้นไม่ใช่สถานการณ์ที่สถาบันการเงินเข้มงวดจนน่าวิตกกังวล เพราะแท้จริงแล้วเป็นการช่วยลดภาวะหนี้ครัวเรือนที่เกิดขึ้นในประเทศ โดยจะดูว่าแต่ละคนที่มาขอสินเชื่อกู้ซื้อบ้าน มีรายได้ที่ส่งเสริมต่อกำลังผ่อนหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ประชาชนต้องเผชิญกับหนี้เสีย”
ทั้งนี้ดูเหมือนหลังจากธนาคารได้พิจารณาการให้สินเชื่อของแต่ละคนที่ละเอียดขึ้น ก็ดูเหมือนครึ่งปีหลังหนี้ครัวเรือนจะส่อแววลดลง สืบเนื่องจากกลุ่มคนซื้อบ้านมีความต้องการซื้อมาก แต่ไม่อยากกู้สินเชื่อเพื่อเป็นภาระ หากไม่สอดคล้องกับรายได้
ปฏิเสธสินเชื่อ
ทำอย่างไร ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของหนี้ครัวเรือน
แน่นอนว่าทุกคนย่อมไม่อยากมีหนี้เป็นชะงักติดตัว และตกเป็นเหยื่อของโปรโมชั่นอันล่อใจให้อยากเป็นหนี้ ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต หรือกลายเป็นมนุษย์เงินผ่อนระยะยาวจากการซื้อบ้านโดยไม่คำนึงถึงรายได้ตัวเอง เหตุนี้เองเพื่อไม่ให้เป็นสมาชิกของหนี้ครัวเรือน คุณกิตติ จึงได้แนะนำว่า
“เรื่องของหนี้ครัวเรือน เป็นสิ่งที่เราสามารถช่วยกันลดภาวะดังกล่าวได้ โดยให้พร้อมใจกันยึดหลักความพอเพียง ดังที่ในหลวงร.9 ท่านได้บอกไว้ คือพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ อย่าหลงคารมพวกโปรโมชั่นต่างๆ ที่พยายามจูงใจให้เราเป็นหนี้ พยายามมองดูตัวเองว่ามีกำลังที่จะจ่าย จะผ่อนไหม รายได้เกื้อหนุนไหม เท่านี้ง่ายๆ ก็ไม่ตกเป็นเหยื่อของหนี้ครัวเรือนแล้ว”
เรื่องของหนี้ครัวเรือน แม้จะเป็นสิ่งที่หลายคนวิตกกังวล แต่ถ้าเรารู้ถึงกำลังรายได้ของตนเอง ไม่ก่อเกิดหนี้จนกลายเป็นภาระชะงักติดหลังต่อครอบครัว ทุกคนก็จะสามารถก้าวผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ ทำให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ความมั่นคงด้านเศรษฐกิจต่อไป ประกอบยังลดยอดปฏิเสธสินเชื่อให้น้อยลงได้อีกด้วย
เรื่องข้างต้นเขียนโดย อารยา ศิริพยัคฆ์ Content Writer ประจำเว็บไซต์ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ araya@ddproperty.com
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน
