จากการผลักดันของภาครัฐในการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC อย่างต่อเนื่องและเร่งด่วน ทำให้พื้นที่ในจังหวัดระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ด้าน โดยทางภาคอุตสาหกรรมทางคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ กรศ. ได้เดินหน้าจัดตั้งเขตส่งเสริมเพื่อกิจการอุตสาหกรรมไปแล้ว 20 แห่ง และล่าสุดกับนิคมอุตสาหกรรม ซี.พี. ซึ่งจะทำให้ภาพของ 3 จังหวัดในพื้นที่ EEC เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในทุกๆ ด้าน
ซี.พี. เปิดนิคมฯ รองรับนักลงทุนจีน
โครงการนิคมอุตสาหกรรม ที่เพิ่งจัดตั้งเป็นเขตส่งเสริมเพื่อกิจการอุตสาหกรรมล่าสุดคือ โครงการนิคมอุตสาหกรรม ซี.พี. ระยอง ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่างบริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) กับกว่างซี คอนสตรัคชั่น เอ็นจิเนียริ่ง กรุ๊ป จากจีน จัดตั้งเป็นบริษัท ซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยมีพื้นที่ 3,068 ไร่ ตั้งอยู่ที่ ต.มาบข่าพัฒนา อ.นิคมพัฒนา กับ ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง มีความพิเศษกว่านิคมอุตสาหกรรมอื่น คือ ตั้งขึ้นเพื่อรองรับนักลงทุน ผู้ประกอบการจากจีน หรือผู้ที่พูดภาษาจีนโดยเฉพาะ รองรับอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงและนวัตกรรม โดยอุตสาหกรรมเป้าหมายคือ อุตสาหกรรมยานยนต์/ชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์/ชิ้นส่วน อุปกรณ์ทางการแพทย์ และแปรรูปเกษตร
นิคมอุตสาหกรรม ซี.พี.ระยอง จะใช้เงินลงทุนทั้งหมด 7,500 ล้านบาท แบ่งการพัฒนาพื้นที่เป็น 3 เฟส ระยะที่ 1 และ 2 ประมาณ 800 ไร่ ระยะที่ 3 ประมาณ 600 ไร่ นอกจากนี้ยังมีเนื้อที่อีก 900 ไร่ที่จะพัฒนาระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการ และพื้นที่สีเขียว ส่วนเมืองใหม่จะพัฒนาหลังจากการพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม แล้ว
ค่าจ้างพุ่ง ความต้องการแรงงานสูง
เมื่อเกิดนิคมอุตสาหกรรมความต้องการแรงงานย่อมตามมาเป็นธรรมดา โดยทางกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน ได้จัดทำแผนพัฒนากำลังคนรายจังหวัดระยะ 5 ปี (ปี 2560-2564) ไว้แล้วจำนวน 161,696 คน ซึ่ง กพร. มีความพร้อมที่จะฝึกอบรมทักษะรับการเปลี่ยนแปลง และส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการดำเนินการ อีกทั้งยังมีโครงการขอรับงบประมาณด้านครุภัณฑ์การฝึกเพิ่มเติมอีกกว่า 2.5 ล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนาแรงงานในระยะยาวอีกด้วย นอกจากนี้ในส่วนของค่าจ้างขั้นต่ำในระยองและชลบุรี อยู่ที่ 330 บาท และฉะเชิงเทรา อยู่ที่ 325 บาท ซึ่งสูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ
เร่งสร้างถนน-ทางด่วน-สนามบิน ใน 5 ปี
นอกจากการพัฒนาในส่วนของนิคมอุตสาหกรรมแล้วภาครัฐยังเร่งรัดด้านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใน EEC ด้วย โดยแบ่งการลงทุนเป็น 3 ระยะ ได้แก่
– ระยะเร่งด่วน ระหว่างปี 2560-2561 ประกอบด้วยโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามท่าอากาศยาน สถานีรถไฟอู่ตะเภา ท่าเรือแหลมฉบัง เฟสที่ 3 ท่าเรือมาบตาพุด เฟสที่ 3 ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) พัทยา-มาบตาพุด อาคารผู้โดยสาร ท่าเรือจุกเสม็ด และการปรับปรุงโครงข่ายถนนสายรอง
– ระยะกลาง ระหว่างปี 2562-2564 ประกอบด้วยโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงแหลมฉบัง-มาบตาพุด ทางวิ่งที่ 2 ท่าอากาศยานอู่ตะเภา พื้นที่ขนส่งสินค้าทางอากาศ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา ระยะที่ 1 เขตปลอดอากร ท่าอากาศยาน อู่ตะเภา มอเตอร์เวย์ ช่วงแหลมฉบัง-ปราจีนบุรี การปรับปรุงโครงข่ายถนนสายรอง และการเพิ่มโครงข่ายทางเลี่ยงเมือง
– ระยะต่อไปเริ่มตั้งแต่ปี 2565 ประกอบด้วยโครงการรถไฟ ช่วงระยอง-จันทบุรี-ตราด รถไฟเชื่อม EEC-ทวาย-กัมพูชา สถานีบรรจุและยกสินค้ากล่อง ฉะเชิงเทรา อาคารผู้โดยสารหลังที่ 3 อู่ตะเภา พื้นที่ขนส่งสินค้าทางอากาศ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา เฟสที่ 2 มอเตอร์เวย์ ชลบุรี-อ.แกลง จ.ระยอง และการปรับปรุงโครงข่ายถนนสายรอง
อสังหาฯ เติบโตสร้าง “เมืองใหม่”
พื้นที่ภาคตะวันออกแต่เดิมเป็นทำเลเป้าหมายของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในการพัฒนาโครงการอยู่แล้ว การที่ภาครัฐพยายามผลักดัน EEC ก็ยิ่งทำให้เกิดการลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น โดยที่อยู่อาศัยราคาอยู่ที่ประมาณ 2-8 ล้านบาท กำลังซื้อส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่ม 2-3 ล้านบาท ซึ่งบริษัทที่เข้ามาลงทุนใน EEC นอกจาก ซี.พี. ที่ตกปากรับคำจะสร้าง “เมืองใหม่” ในภายหลังแล้ว ยังมีอีกหลายบริษัทที่เข้ามาพัฒนาโครงการในทำเลนี้ อาทิ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) และบริษัท พฤกษาเรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
รวมประกาศโครงการที่อยู่อาศัย ทำเลเด่นใน EEC
จากการพัฒนาพื้นที่ EEC นอกจากจะเป็นการส่งเสริมภาคอุตหสากรรมให้เติบโตเสริมยุทธศาสตร์ด้านการลงทุน การส่งออก และขนส่งของไทย ยังทำให้จังหวัดในพื้นที่ EEC ได้รับอานิสงส์ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ สนามบิน ถนน และทางด่วน ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงระบบขนส่งมวลชนคุณภาพสูงได้ นอกจากนี้ยังเอื้อต่อการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ด้วย ซึ่งต่อไปคาดว่าจะได้เห็นภาพเมืองใหม่เกิดขึ้นอีกเป็นจำนวนมากในทำเลนี้
ทั้งนี้ก่อนตัดสินใจซื้อหรือขายหรือให้เช่าหรือเช่าอสังหาฯ ในโซนรถไฟฟ้าสายอนาคต ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งอีกหนึ่งแหล่งที่น่าสนใจคือรายงานดัชนีอสังหาฯ DDproperty Property Index และ
รายงานภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ DDproperty Property Market Outlook
อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน