เมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่เกณฑ์สินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายน 2562 ถือเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่จะช่วยดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีความมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต
ปรับเกณฑ์สินเชื่อเพิ่มความมั่นคง
ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ โดยสถาบันการเงินไม่ควรจะปล่อยสินเชื่อหรือให้กู้ยืมแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใดเกินกว่าอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (Loan to value ratio-LTV ratio) ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด และต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษหากมีการทำธุรกรรมเกินกว่าอัตราส่วนที่กำหนด โดยจะต้องดำรงเงินกองทุนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สถาบันการเงินต้องมีระบบการบริหารและจัดการความเสี่ยงที่ดี สามารถวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงของการทำธุรกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บทความที่เกี่ยวข้อง
- มองรอบด้าน…เกณฑ์สินเชื่อบ้านใหม่ ส่งผลอย่างไรกับตลาดอสังหาฯ
- ถกประเด็น…คุมเข้มสินเชื่อบ้าน ใครได้ประโยชน์
ตัดสัญญาณหนี้เสีย-เก็งกำไร
ในปัจจุบันสถานการณ์การแข่งขันในตลาดสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้มาตรฐานการปล่อยสินเชื่อหย่อนลง เป็นเหตุให้ระบบเศรษฐกิจการเงินมีความเปราะบางยิ่งขึ้น ดังนั้น เพื่อยกระดับมาตรฐานการพิจารณาสินเชื่อ (Credit underwriting standards) ของสถาบันการเงิน ซึ่งถือเป็นหัวใจของการวางรากฐานวัฒนธรรมด้านสินเชื่อ (Credit culture) ที่ดี ไม่กระตุ้นการก่อหนี้เกินตัวของภาคครัวเรือน ไม่ทำให้เกิดการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เกินพอดี ตลอดจนให้สถาบันการเงินตระหนักถึงความเป็นไปได้ และผลกระทบจากมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่อาจปรับลดลงได้หากความต้องการซื้อไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของทุกภาคส่วนและเอื้อต่อการดูแลเสถียรภาพระบบการเงินโดยรวมอย่างยั่งยืน รวมทั้งเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีวินัยทางการเงินโดยมีการออมบางส่วนก่อนการขอสินเชื่อ ส่งผลในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งและดูแลเสถียรภาพระบบการเงินอย่างยั่งยืน >>>เจาะลึกแนวโน้มที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ จากรายงาน DDproperty Property Index
สาระสำคัญมาตรการสินเชื่อใหม่
กรณีที่อยู่อาศัยมีมูลค่าหลักประกันต่ำกว่า 10 ล้านบาท
- สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยหลังที่สอง ที่ผ่อนชำระสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยหลังแรกมาแล้วตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป วางเงินดาวน์ 10% แต่หากผ่อนชำระสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสัญญาที่หนึ่งมาแล้วน้อยกว่า 3 ปี ต้องวางเงินดาวน์ 20%
- สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยตั้งแต่หลังที่สามขึ้นไป ต้องวางเงินดาวน์ 30%
กรณีที่อยู่อาศัยมีมูลค่าหลักประกันตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป
- สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยหลังแรกและหลังที่สองจะต้องวางเงินดาวน์ 20%
- สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยตั้งแต่หลังที่สามขึ้นไป ต้องวางเงินดาวน์ 30%
ผู้สนสามารถอ่านราชกฤษจานุเบกษาฉบับเต็มได้ที่นี่
เพิ่มเติมความรู้ คู่มือซื้อ ขาย เช่าบ้าน-คอนโดฯ พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ และสามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน