ปัจจุบันธุรกิจ Home Sharing ได้รับความสนใจมากขึ้น ซึ่งมีแนวคิดมาจากสังคมเศรษฐกิจแบ่งปัน หรือ Sharing Economy โดยมีการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการรูปแบบต่าง ๆ ของผู้คนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ผ่านการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เป็นสื่อกลาง
ตัวอย่างบริการที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบันคือ การปล่อยเช่าห้องพักและบ้านให้แก่นักท่องเที่ยวหรือผู้มาเยือนจากต่างถิ่น ซึ่งมีความต้องการที่พักพิงชั่วคราวด้วยระดับราคาเป็นมิตร โดยผู้ที่เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์นั้นสามารถแบ่งปันพื้นที่บ้านของตนเองหรือห้องพักที่ตนมีอยู่แก่ดีมานด์เหล่านี้ได้ และยังสามารถเรียกเก็บค่าเช่าได้ตามความเหมาะสมอย่างอิสระ
Home Sharing เทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรง
เว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่ถูกพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจ Home Sharing ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีและนิยมใช้ในกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่าง Airbnb หรือ AirBed and Breakfast กลายเป็นเทรนด์ใหม่ที่ถูกพูดถึงอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
โดยมีจุดเริ่มต้นจาก Startup น้องใหม่มาแรงจากซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ที่มีไอเดียพลิกโฉมธุรกิจให้บริการที่พักจากทั่วโลกผ่านการชูแนวคิด “ที่พัก แชร์กันได้” สร้างตัวเลือกที่หลากหลายให้แก่ผู้เช่า พร้อมนำเสนอราคาค่าเช่าที่ถูกกว่าห้องในโรงแรมหลายเท่าตัว นอกจากนี้ยังเป็นผลดีต่อผู้ที่เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ สามารถนำห้องพักที่ปล่อยว่างทิ้งไว้มาสร้างรายได้อย่างง่ายดาย
จากโมเดล Home Sharing สู่แอปพลิเคชัน Airbnb ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้บริการจากทั่วโลกมากกว่า 400 ล้านคนในปัจจุบัน สำหรับในไทยเองมีห้องพักที่ลงทะเบียนเปิดให้บริการบน Airbnb จำนวนมากกว่า 60,000 แห่ง
สำรวจอาเซียน คนมาเลฯ สนใจ Home Sharing มากสุด
จากการสำรวจของผู้คนในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่าน DDproperty Consumer Sentiment Survey รอบล่าสุด พบว่า คนอินโดนีเซียและคนมาเลเซียมีมุมมองที่เป็นบวกต่อสถานการณ์ Home Sharing มากที่สุด รองลงมา คือ คนสิงคโปร์และคนไทย
หากมองในภาพรวมทั้ง 4 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างเห็นด้วยกับแนวคิด Home Sharing สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับการสำรวจรอบก่อนหน้านี้ และเมื่อพิจารณาให้ลึกขึ้นจะพบว่า คนมาเลเซีย 1 ใน 4 มีความสนใจในการเช่าบ้านร่วมกันมากที่สุดในภูมิภาค มากถึง 57%
ในขณะที่คนไทยยังให้ความสนใจน้อยอาจเป็นเพราะธุรกิจนี้อาจจะยังไม่แพร่หลายมากนัก ประกอบกับขาดข้อมูลในการเข้าถึง ทำให้ทั้งผู้เช่าและเจ้าของห้องยังไม่สามารถตัดสินใจเข้าร่วมบริการ Home Sharing ได้อย่างเต็มที่
กว่า 50% อยากให้ภาครัฐเข้ามาสนับสนุน
เหตุผลที่คนไทยยังให้ความสนใจธุรกิจ Home Sharing น้อยก็มาจากความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับกฏหมายการให้บริการเช่าห้องพัก เช่น ในกรณีของการเช่าห้องพักผ่านแอปพลิเคชัน Airbnb ถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่
ไม่เพียงเท่านี้การให้บริการ Home Sharing ในรูปแบบของแอปพลิเคชัน Airbnb ยังพบว่ามีความเสี่ยงอยู่หลายประการ หากมองในมุมของผู้เข้าพัก หลายครั้งที่ต้องเจอกับปัญหาห้องพักที่จองไม่ได้เป็นตามที่โฆษณาไว้ เช่น ห้องพักสกปรก อยู่ห่างไกลจากระบบขนส่งสาธารณะ ฯลฯ ในขณะที่เจ้าของห้องพักเองก็ต้องเปิดบ้านให้กับคนแปลกหน้าซึ่งเป็นเรื่องเสี่ยงและอันตรายอยู่ไม่น้อย
ปัญหาเหล่านี้ทำให้หลายคนเกิดความกังวลและส่งผลให้ธุรกิจ Home Sharing ไม่สามารถเติบโตได้เท่าที่ควร การแก้ไขปัญหาดังกล่าวจึงต้องอาศัยความเชื่อใจ (Trust) เป็นหลักสำคัญของทั้งฝั่งผู้เช่าและเจ้าของ ส่วนแอปพลิเคชันที่เป็นสื่อกลางเองก็ควรจะมีกฏระเบียบในการควบคุมผู้ใช้งานทั้ง 2 ฝ่ายให้ปฏิบัติตามนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ภาครัฐเองก็ยังไม่ได้เข้ามาควบคุมธุรกิจ Home Sharing อย่างเป็นระบบ จากความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างที่สำรวจรอบล่าสุดพบว่า อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทยเองมีความต้องการให้รัฐบาลควบคุมธุรกิจเช่าที่พักมากเกินกว่า 50% ซึ่งสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับผลสำรวจรอบก่อนหน้า
ภาพรวมธุรกิจ Home Sharing ยังเป็นบวก
ธุรกิจ Home Sharing ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อไป จากปัจจัยสนับสนุนด้านพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าชื่นชอบความสะดวกสบายและมักจะเลือกทางเลือกที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์มากขึ้น
แม้ Airbnb จะมีความเสี่ยงอยู่บ้างแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าก็มีข้อดีอยู่ไม่น้อย ในแง่ของราคาและการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้ชีวิตร่วมกับคนในท้องถิ่นที่เป็นเจ้าของบ้านได้แท้จริง สร้างมิตรภาพใหม่ในต่างแดนให้เกิดขึ้นได้ นับว่าเป็นการเปิดมุมมองการท่องเที่ยวที่แปลกไปจากเดิม
ในมุมของผู้เป็นเจ้าของก็สามารถสร้างรายได้ผ่านอสังหาริมทรัพย์ ที่ตนเองถือครองได้อย่างง่ายดาย โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของกิจการโรงแรมใหญ่แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงต้องจับตาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปีนี้เมื่อเทรนด์ Home Sharing เข้ามามีบทบาทในตลาดเช่ามากขึ้น แม้อาจจะยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงมากนักแต่ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้บริโภคที่น่าสนใจ คาดว่าจะเติบโตมากกว่าเดิมและแผ่ขยายกว้างขวางขึ้น
ทั้งนี้ ภาครัฐเองก็ควรมีมาตรการควบคุมการดำเนินธุรกิจนี้ด้วยความเหมาะสม โดยคำนึงถึงบริบทสังคมไทยและผลประโยชน์ที่เท่าเทียม ลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ ซึ่งจะช่วยให้ Home Sharing เติบโตได้อย่างยั่งยืน
ติดตามทุกเรื่องราวเกี่ยวกับอสังหาฯ โดยสามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน หรือดาวน์โหลดรายงานดัชนีอสังหาริมทรัพย์และรายงานภาพรวมตลาดอสังหาฯ จากเรา เพื่อช่วยเพิ่มมุมมองในทุกมิติของการซื้อ–ขาย–เช่า