ตลาดอสังหาฯ ไตรมาสแรกปี 2562 เติบโตอย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น โดยพบว่า คอนโดฯ ราคาไม่เกิน 75,000 บ./ตร.ม. มาแรง และผู้ประกอบการหน้าใหม่-รายเล็กบุกตลาด มากถึง 47%
ที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะซิตี้คอนโดฯ ในปีนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด บวกกับการเลือกตั้ง หนึ่งในปัจจัยบวกสำคัญที่เป็นตัวกำหนดทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในระยะยาวในแง่ของการลงทุน รวมทั้งยังส่งผลผู้บริโภคที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยจริง
เทรนด์ซิตี้คอนโดฯ ราคาไม่เกิน 75,000 บ./ตร.ม. บูม
จากการสำรวจของเน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง พบว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2562 มีอุปทานคอนโดมิเนียมเกิดใหม่ในตลาดทั้งสิ้น 11,300 หน่วย จาก 30 โครงการ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 20% โดยทำเลที่มีการเปิดตัวของคอนโดมิเนียมมากที่สุด ยังคงเป็นพระโขนง-สวนหลวง-แบริ่ง (2,400 หน่วย, 21%) รองลงมาเป็นพญาไท-รัชดาภิเษก (1,938 หน่วย, 17%) และอันดับสามคือ ลาดพร้าว-วังทองหลาง (1,580 หน่วย, 14%)
ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดหลายประการ เทรนด์ที่น่าจับตายังคงเป็นตลาดกลุ่มซิตี้คอนโดฯ ที่มีราคาต่อตารางเมตรไม่เกิน 75,000 บาท และตลาดกลาง หรือ mid market ที่มีราคาต่อตารางเมตรไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งมีรวมกันมากถึง 75% ของจำนวนหน่วยที่เปิดใหม่ทั้งหมด หรือประมาณ 8,500 หน่วย
ผู้ประกอบการหน้าใหม่-รายเล็ก บุกตลาดเกือบครึ่ง
ผู้ประกอบการเริ่มปรับตัวในการพัฒนาสินค้าเพื่อตอบรับกับตลาดที่มีความต้องการแท้จริงมากขึ้น ขณะที่ความเชื่อมั่นในตลาดสำหรับผู้ประกอบการใหม่ก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยบางรายเป็นผู้ประกอบการรายเล็กที่เข้ามาเริ่มทำโครงการเป็นครั้งแรก เห็นได้จากสัดส่วนของผู้ประกอบการใหม่ที่ไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์มีถึง 47% ซึ่งโดยปกติแล้วจะอยู่ในสัดส่วนประมาณ 30% เท่านั้น
ราคาคอนโดฯ ปรับตัวลดลงเพียง 1%
จากภาพรวมอุปทานที่เปิดใหม่ในตลาดในช่วงไตรมาสที่ 1 มีการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบของสินค้าที่เน้นตลาดกลางมากขึ้น ราคาคอนโดมิเนียมเฉลี่ยในกรุงเทพฯ จึงอยู่ในอัตราที่ปรับตัวลงเล็กน้อยประมาณ 1% อยู่ที่ 139,400 บาทต่อตารางเมตร เมื่อเทียบกับปลายปีที่แล้วอยู่ที่ 140,600 บาทต่อตารางเมตร
ขณะที่ราคาเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในทุก ๆ ทำเล มีการปรับตัวลงเล็กน้อยเช่นเดียวกัน ทำให้การปรับตัวลงของราคาไม่ได้ส่งผลต่อภาพรวมราคาของตลาดสังหาริมทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากคอนโดมิเนียมใหม่ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ ตั้งอยู่ในทำเลที่ไกลออกไป โดยแบ่งสัดส่วนตามทำเลได้ดังนี้
- พระโขนง-สวนหลวง-แบริ่ง 21%
- พญาไท-รัชดาภิเษก 17%
- ลาดพร้าว-วังทองหลาง 14%
- วัฒนา-คลองเตย 13%
- แจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 11%
- ธนบุรี-ราชพฤกษ์-เพชรเกษม 10%
- ติวานนท์-รัตนาธิเบศร์ 7%
- ปทุมวัน-ราชเทวี 7%
ไฮเอนด์-ลักซ์ชัวรี่ปรับตัว สู้ด้วยเทคโนโลยี
ในขณะที่ตลาดไฮเอนด์และลักซ์ชัวรี่ปีนี้ จะเป็นตลาดที่ต้องระมัดระวังเนื่องจากกลุ่มนักลงทุนชาวไทยน่าจะลดลงไป แต่อย่างไรก็ตาม ไตรมาสแรกของปี 2562 มีคอนโดมิเนียมในตลาดไฮเอนด์และลักซ์ชัวรี่ที่น่าสนใจเกิดขึ้นหลายโครงการ จากผู้ประกอบการในตลาดหลักทรัพย์ที่ได้ซื้อที่ดินไปแล้วตั้งแต่ช่วงปีที่แล้ว
โดยมีความน่าสนใจในแง่การพัฒนาความหรูหราแนวใหม่ที่ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคยุคใหม่
ทั้งนี้ จากปัจจัยทางด้านความต้องการคอนโดมิเนียมในปีนี้ที่คาดการณ์ว่าดีมานด์ส่วนใหญ่จะมาจากผู้อยู่อาศัยจริง เนื่องจากมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือ LTV และการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น และตลาดผู้อยู่อาศัยจริงสำหรับคนกรุงเทพฯ ก็ยังคงเป็นตลาด mid market และตลาดซิตี้คอนโดฯ ทำให้ราคาเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในตลาดปรับตัวสูงขึ้นไม่น่าจะเกิน 5-6% คอนโดมิเนียมให้เช่าระยะยาวก็จะเริ่มพัฒนามากขึ้นในทำเลที่เป็นที่ดินของรัฐบาลที่ปล่อยให้เช่าระยะยาวและที่ดินเอกชนแปลงสวย ๆ
อสังหาฯ หลังเลือกตั้ง เรียกคืนความเชื่อมั่นกลับมา
เมื่อพิจารณาถึงการปรับตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์หลังจากการเลือกตั้ง คาดว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบันต่างชาติน่าจะมีมากขึ้น น่าจะเห็นการลงทุนจากต่างชาติเพิ่มขึ้น ผลจากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะทำให้มีการกำหนดราคาประเมินคอนโดมิเนียมใหม่ในปีหน้า น่าจะทำให้ตลาดมีความคึกคักมากขึ้นในแง่ของคอนโดมิเนียมมือสอง หากรัฐบาลมีการทบทวนภาษีการโอนและภาษีธุรกิจเฉพาะเพื่อเอื้อให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสองมากขึ้น เพื่อกระตุ้นให้มีการหมุนเวียนของการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในตลาด ก็จะช่วยให้ตลาดการลงทุนในคอนโดมิเนียมเติบโตอย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น
จะเห็นได้ว่าการที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเดินหน้าในปี 2562 ต้องฝ่าด่านหลายปัจจัย นโยบายของภาครัฐยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อภาพรวม ทั้งมาตรการ LTV และการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น รวมทั้งความเชื่อมั่นของนักลงทุนหลังจากการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญในการจะผลักดันตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้ขับเคลื่อนและเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ
ติดตามทุกเรื่องราวเกี่ยวกับอสังหาฯ โดยสามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน หรือดาวน์โหลดรายงานดัชนีอสังหาริมทรัพย์และรายงานภาพรวมตลาดอสังหาฯ จากเรา เพื่อช่วยเพิ่มมุมมองในทุกมิติของการซื้อ–ขาย–เช่า