จากสภาพเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว และมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ส่งผลให้ตลาดอสังหาฯ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมอยู่ในภาวะที่ต้องลุ้นและปรับตัวกันอย่างต่อเนื่อง
จากรายงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ คาดว่า ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในปี 2562 จะติดลบจากปีก่อน 7% โดยตลาดคอนโดมิเนียมคาดว่าจะติดลบจากปีก่อนถึง 14% ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว และมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ Loan to Value: LTV
คอนโดฯ ติดลบยาวถึงสิ้นปี
หากโฟกัสไปที่แต่ละไตรมาสจะพบว่า คอนโดมิเนียมติดลบในทุกไตรมาส คือ ในไตรมาสที่ 1 ติดลบ 14% ไตรมาสที่ 2 ติดลบ 20% ไตรมาสที่ 3 ติดลบ 14% และไตรมาสที่ 4 คาดว่าจะติดลบถึง 20%
สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ ปริมาณหน่วยที่อยู่อาศัยรอการขาย ทั้งส่วนที่สร้างเสร็จแล้ว กำลังก่อสร้าง และยังไม่ก่อสร้าง ครึ่งปีแรกมีอยู่ 1.5 แสนหน่วย เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปี ที่อยู่ระดับ 1.3 แสนหน่วย ถือว่ามีจำนวนสูงเกินกว่าค่าเฉลี่ยถึง 2 หมื่นหน่วย แต่ยังมองว่า ผู้ประกอบการจะสามารถระบายสต็อกดังกล่าวได้ และเชื่อว่าจะไม่เกิดเหตุซ้ำรอยกับวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540
ตามติดปัจจัยบวก ส่งผลต่อภาคอสังหาฯ
ในวิกฤตก็ยังคงมีโอกาสรออยู่เช่นกัน จาก 2 ปัจจัยสำคัญที่เอื้อต่อการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม ได้แก่
1. ผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ฉบับใหม่ (ปรับปรุงครั้งที่ 4)
ผังเมืองใหม่ฉบับนี้จะเน้นพัฒนาเมืองในรูปแบบ “ไร้รอยต่อ” ชะลอการขยายเมืองในแนวราบในพื้นที่ชานเมือง แต่จะใช้ประโยชน์พื้นที่กลางเมืองให้มีประสิทธิภาพ
แนวคิดในการทำผังเมืองรวมใหม่ จะรวมการขยายตัวของเมืองและเส้นทางคมนาคมที่เกิดจากการพัฒนารถไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ 12 สาย ระยะทางรวม 508 กิโลเมตร จำนวน 318 สถานี ซึ่งมีสถานีเชื่อมต่อหรือสถานีอินเตอร์เชนจ์ถึง 39 สถานี อาทิ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง สีน้ำตาล สีเขียวสีชมพู สีแดง สีม่วง สีเทา และสีส้ม เกิดการพัฒนาศูนย์พาณิชยกรรม (Sub-CBD) อาทิ บางซื่อ มักกะสัน วงเวียนใหญ่
พื้นที่ใช้ประโยชน์หนาแน่นสูงบริเวณสถานีร่วม อาทิ บางหว้า ตลิ่งชัน เตาปูน รัชดา ลาดพร้าว และพื้นที่เปลี่ยนถ่ายสัญจรบริเวณสถานีรถไฟฟ้าทีติดถนนสายหลัก อาทิ บางขุนเทียน ลาดกระบัง มีนบุรี รวมทั้งส่งเสริมพื้นที่พาณิชยกรรมริมน้ำ และอีกหลาย ๆ พื้นที่เพื่อให้เอื้อต่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย
2. การขยายเส้นทางรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
การเดินทางโดยรถไฟฟ้าได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากเหตุผลด้านความสะดวกรวดเร็ว ที่ช่วยประหยัดเวลาการเดินทางได้เป็นอย่างดี โดยปัจจุบันเส้นทางรถไฟฟ้า BTS และ MRT ได้ถูกขยายเป็นหลายเส้นทาง ไม่เฉพาะภายในเขตกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่ยังสยายปีกสู่ปริมณฑล ที่เตรียมจะเปิดล่าสุดคือ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-หลักสอง และจ่อคิวมาติด ๆ ภายในปีนี้คือช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ส่วนปี 2563 ก็จะมีสายสีแดงเข้ม บางซื่อ-รังสิต สายสีแดงอ่อน บางซื่อ-ตลิ่งชัน และสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต
จากปัจจัยท้าทายและโอกาสของตลาดอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมยังมีโอกาสพลิกฟิ้นบนวิกฤตหากดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง ด้วยเหตุนี้ สมาคมอาคารชุดไทยจึงได้จัดงานสัมมนา “ผ่ากลยุทธ์ธุรกิจคอนโดมิเนียม ปี 2019” ในวันที่ 27 กันยายน 2019 เวลา 12.30-17.00 น. ณ ห้องบอลรูม ชั้น 3 โรงแรมดิเอมเมอรัลด์
เพื่อผนึกกำลังผู้ประกอบการณ์พัฒนาอสังหาฯ รายใหญ่ มาร่วมอภิปราย และแสดงความคิดเห็นร่วมกัน เพื่อวิเคราะห์ภาวะตลาดคอนโดมิเนียมในปัจจุบันและแนวโน้ม, การปรับกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นตลาดคอนโดมิเนียมในแต่ละกลุ่มของผู้นำตลาดในปัจจุบัน และ การปรับตัวของผู้ประกอบการในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน
นอกจากนี้ ในงานยังมีปาฐกถาพิเศษ
- เรื่อง “อนาคตของการขนส่งระบบรางในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล” โดย ฯพณฯ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
- เรื่อง “ผังเมืองใหม่กับผลกระทบต่อธุรกิจคอนโดมิเนียม” โดย คุณชูขวัญ นิลศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานวางผังเมือง สำนักการวางผังและพัฒนาเมือง กรุงเทพมหานคร
เพื่ออัปเดตนโยบายของกระทรวงคมนาคม และสำนักการวางผังและพัฒนาเมือง กรุงเทพมหานคร ให้กับผู้กระกอบการอสังหาริมทรัพย์ และผู้สนใจทั่วไปรับทราบถึงทิศทาง และผลกระทบที่อาจเกิดกับธุรกิจพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม
หากท่านใดสนใจเข้าร่วมสัมนา สามารถรติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สมาคมอาคารชุดไทย โทร. 02-862-3341, 02-862-3344 อีเมล์: contact@thaicondo.or.th หรือไลน์ไอดี @thaicondo
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า