4 กูรูอสังหาฯ ชี้ปี 64 ไปรอด?

8 ม.ค. 2564

4 กูรูอสังหาฯ ชี้ปี 64 ไปรอด?

ประเมินสถานการณ์ปี 64 หลังโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่ ฉุดดัชนีความเชื่อมั่น ซื้อ-ขายอสังหาฯ ชะลอตัว ด้านผู้ประกอบการยังคงตรีงราคาสินค้า ที่อยู่อาศัยแนวราบยังกระแสดีมีเรียลดีมานด์

เปิดศักราชใหม่ปี 2564 ที่มาพร้อมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ สั่นสะเทือนเศรษฐกิจและภาคธุรกิจที่กำลังเริ่มฟื้นตัวจากการระบาดรอบก่อน ภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ นับตั้งแต่การแพร่ระบาดในครั้งแรกเมื่อช่วงต้นปี 2563 กระทั่งสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย เศรษฐกิจและธุรกิจค่อย ๆ ฟื้นตัวอย่างช้า ๆ

Subscription Banner for Article

กูรูจากสำนักต่าง ๆ คาดการณ์ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2564 มีแนวโน้มสดใส แต่ล่าสุดคงต้องประเมินสถานการณ์กันใหม่ หลังจากเจอพิษโควิด-19 ระลอกใหม่ที่แผ่ขยายวงกว้างและมีทีท่าว่าจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

 

โควิด-19 ระลอกใหม่ ฉุดความเชื่อมั่น

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) ประเมินว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ มีจำนวนผู้ติดเชื้อแพร่กระจายทั่วประเทศแล้วกว่า 57 จังหวัด (ข้อมูล ณ วันที่ 7 มกราคม 2564) จนรัฐบาลต้องประกาศต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 16 มกราคม-28 กุมภาพันธ์ 2564 พร้อมยกระดับกำหนด 28 จังหวัด เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด

จากปัจจัยดังกล่าวทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงอยู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน หลังจาก ปี 2563 เผชิญกับจุดต่ำสุดในรอบ 10 ปีมาแล้ว โดยพบว่าผู้บริโภคยังคงชะลอการจับจ่ายตลอดไตรมาสแรกของปี 2564 จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะคลี่คลาย

 

ปี 64 อุปทานคอนโดลดต่อเนื่อง

สำหรับตลาดคอนโด คาดว่าในปี 2564 อุปทานจะลดลงต่อเนื่องจากปี 2563 โดยครึ่งปีแรกอุปทานลดลง 11% มาอยู่ที่ 109,433 ยูนิต โดยผู้ประกอบการหันมาพัฒนาคอนโดในราคาเอื้อมถึง เพื่อดึงความต้องการของกลุ่มเรียลดีมานด์ โดยโครงการระดับกลางที่มีราคาระหว่าง 80,000-150,000 บาทต่อตารางเมตร หรือขายคอนโดราคาต่ำกว่า 4 ล้านบาทต่อหน่วย ยังได้รับความสนใจจากผู้ซื้อ โดยเฉพาะทำเลแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายใหม่ที่กำลังก่อสร้าง ได้แก่ สายสีเหลือง สายสีส้ม และสายสีชมพู

เจาะลึกทำเลรอบสถานีรถไฟฟ้า BTS และ MRT

 

กดดันตลาดที่อยู่อาศัยปี 64 ซื้อ-ขายชะลอตัว

ขณะที่ตลาดที่อาศัย ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต่างรอดูท่าทีในการลงทุนพัฒนาโครงการหรือเปิดตัวโครงการใหม่ เช่นเดียวกับผู้ซื้อที่ชะลอการตัดสินใจ กำลังซื้อถดถอยจากรายได้ที่ลดลง ต้องสำรองเงินติดตัวไว้ เพื่อรอดูความชัดเจน

ทั้งนี้ หากประเมินสถานการณ์เลวร้ายสุด ผลกระทบจากโควิด-19 อาจลากยาวเกิน 6 เดือน หรือจนกว่าจะมีวัคซีนป้องกัน ทำให้การซื้อ-ขายในตลาดที่อยู่อาศัยช่วงครึ่งปีแรกหยุดชะงัก และครึ่งปีหลังไม่คึกคักอย่างที่คาดการณ์ไว้

สอดคล้องกับแผนกวิจัย ซีบีอาร์อี คาดการณ์ว่าตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2564 จะค่อย ๆ ฟื้นตัวแต่จะยังไม่กลับไปสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนโควิด-19 ส่วนจะต้องอาศัยระยะเวลาเท่าใดที่จะกลับมาฟื้นตัวเต็มที่นั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณความต้องการในตลาดว่าจะกลับมาสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนโควิด-19 หรือไม่ ซึ่งจะสัมพันธ์กับสภาพเศรษฐกิจของประเทศ

บ้านแนวราบ 3-5 ล้าน สัดส่วนสูงสุด

 

แนวราบ 3-5 ล้าน สัดส่วนสูงสุด

ตลอดทั้งปี 2564 ตลาดที่อยู่อาศัยไม่สามารถปรับราคาขึ้นได้ ผู้ประกอบการยังคงใช้กลยุทธ์ด้านราคาและโปรโมชันมากระตุ้นการตัดสินใจ ตลอดจนหันมาพัฒนาโครงการที่ผู้ซื้อสามารถซื้อได้เฉพาะในทำเลที่มีศักยภาพเท่านั้น

จากการเก็บข้อมูลของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ พบว่า ที่อยู่อาศัยที่ขับเคลื่อนตลาด ยังคงเป็นตลาดแนวราบที่ตอบโจทย์กลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง แม้ว่ากำลังซื้อเหล่านี้จะมีอย่างจำกัด แต่ก็มีแรงกระตุ้นจากปัจจัยดอกเบี้ยและราคาที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้ตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงนี้ โดยบ้านเดี่ยวราคา 3-5 ล้านบาท เป็นระดับราคาที่มีสัดส่วนสูงที่สุดในตลาด

 

อสังหาฯ ปี 64 ยังเป็นโอกาสของผู้ซื้อ

จากรายงาน DDproperty Thailand Property Market Outlook 2564 พบว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2564 จะยังเป็นตลาดของกลุ่มเรียลดีมานด์ หรือผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง และกลุ่มนักลงทุนที่มีความพร้อม เนื่องจากแนวโน้มราคาอสังหาริมทรัพย์จะยังคงทรงตัว และไม่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงต้นปีแรกของปี 2564

ตลาดอสังหาฯ ปี 64 ยังเป็นโอกาสทองของผู้ซื้อ

หากแบ่งตามระดับราคาที่อยู่อาศัย จะพบว่า ระดับราคาที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบปี คือ ระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% รองลงมาคือ ระดับราคา 1-3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% ส่วนระดับราคา 5-10 ล้านบาท ลดลง 7% และระดับราคา 3-5 ล้านบาท ลดลง 3%

จะเห็นได้ว่าที่อยู่อาศัยระดับต่ำกว่าล้านในปัจจุบันถือเป็นเซ็กเมนต์ที่มีความกดดัน เนื่องจากมีอุปทานอยู่ในตลาดอยู่ค่อนข้างมาก ในขณะที่กำลังซื้อได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันค่อนข้างมาก ในขณะที่อุปทานของเซ็กเมนต์ 1-3 ล้านบาท แม้จะมีอยู่ค่อนข้างเยอะ (29%) แต่ดีมานด์ในเซ็กเมนต์นี้ยังคงเพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อนหน้า ตามมาด้วยเซ็กเมนต์ 3-5 ล้าน เพิ่มขึ้น 12% และ 5-10 ล้าน เพิ่มขึ้น 3%

 

อย่างไรก็ดี ทิศทางภาวะเศรษฐกิจและตลาดที่อยู่อาศัยจะกลับมาฟื้นตัวได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะจบช้าหรือเร็ว วัคซีนป้องกันที่ทุกคนรอคอย ซึ่งเป็นความหวังและเรื่องเร่งด่วนที่สำคัญที่สุดในตอนนี้

 

สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ