วัสดุก่อสร้างขึ้นราคา กระทบราคาบ้านแพงขึ้นหรือไม่ คืบหน้ารถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เตรียมตอกเสาเข็ม สายสีเหลือง สายสีชมพู เตรียมเปิดใช้ เศรษฐกิจไทยไปต่ออย่างไร และตัวแปรสำคัญดันตลาดที่อยู่อาศัยในปีนี้ DDproperty รวบรวมมาให้อัปเดตที่นี่
1. ต้นทุนค่าก่อสร้างบ้าน ปรับตัวเพิ่ม 5.3% ดันราคาบ้านแพงขึ้น
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ รายงานดัชนีราคาค่าก่อสร้างบ้านมาตรฐาน ไตรมาส 1 ปี 2565 มีค่าดัชนีเท่ากับ 129.8 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 3.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2564 (QoQ)
โดยปัจจัยที่ส่งผลให้ดัชนีราคาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมาจากค่าตอบแทนในหมวดงานออกแบบก่อสร้างและงานระบบที่เพิ่มขึ้นทุกรายการ เพิ่มขึ้นมากที่สุดในหมวดงานวิศวกรรมโครงสร้าง 12%
ราคาวัสดุก่อสร้างปรับเพิ่มขึ้นเกือบทุกรายการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กเพิ่มขึ้นมากถึงประมาณ 35% YoY เป็นผลมาจากสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซีย และยูเครน ส่งผลทำให้ราคาน้ำมัน และราคาวัสดุก่อสร้างมีการปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากประเทศยูเครนและรัสเซียเป็นแหล่งวัตถุดิบเหล็กแหล่งใหญ่ของโลก
สินค้าเหล็กจากรัสเซียและยูเครนมีส่วนแบ่งตลาดราว 14% ของการส่งออกสินค้าเหล็กทั่วโลก รัสเซียเป็นประเทศที่ส่งออกสินค้าเหล็กมากเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากจีน และญี่ปุ่น ในขณะที่ยูเครนเป็นประเทศส่งออกสินค้าเหล็กอันดับ 8 ของโลก การเกิดสงครามระหว่าง 2 ประเทศนี้ จึงส่งผลต่อราคาสินค้าเหล็กเป็นอย่างมาก เพราะต้องสูญเสียแหล่งกำลังการผลิตเหล็ก ทำให้สินเหล็กขาดแคลน และปรับราคาสูงขึ้น
ขณะที่ราคาวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ราคาเพิ่มขึ้น 4.6% ผลิตภัณฑ์คอนกรีต 6.8% สุขภัณฑ์ 12.7% อุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา 6.6% และวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ 8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ดัชนีราคาค่าก่อสร้างบ้านมาตรฐาน จัดทำขึ้นเพื่อใช้วัดความเปลี่ยนแปลงของราคาค่าก่อสร้างบ้านที่ประชาชนจ้างผู้รับเหมาเป็นผู้ก่อสร้างคราวละ 1 หลัง แต่ไม่สามารถใช้วัดความเปลี่ยนแปลงของราคาค่าก่อสร้างบ้านจัดสรรที่สร้างโดยผู้ประกอบการซึ่งจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างคราวละหลาย ๆ หลังได้
2. ตอกเสาเข็มรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ส.ค.นี้ 5 ปีได้ใช้
คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบแผนกู้เงินโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ระยะทาง 23.6 กิโลเมตร วงเงินรวมประมาณ 8.2 หมื่นล้านบาท ตามที่สำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กระทรวงการคลังเสนอ
เบื้องต้นคาดว่า สบน. จะให้เงินกู้แก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ระยะแรก วงเงิน 10,800 ล้านบาท ภายในเดือนมิถุนายน 2565 จากนั้นเงินกู้ดังกล่าวจะพร้อมเบิกจ่ายให้แก่ผู้รับจ้างทั้ง 6 สัญญาในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2565
รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ 17 สถานี ทำเลไหนน่าลงทุน
ทั้งนี้ คาดว่าผู้รับจ้างจะสามารถเข้าพื้นที่ก่อสร้างในระยะแรกได้ประมาณเดือนสิงหาคม 2565 โดยจะเป็นพื้นที่สาธารณะของหน่วยงานราชการต่าง ๆ อาทิ พื้นที่ถนน และพื้นที่ทางเท้า เป็นต้น
ขณะที่การเวนคืนที่ดินประมาณ 410 แปลง อาคารสิ่งปลูกสร้างประมาณ 500 หลังคาเรือน ปัจจุบันกำลังเร่งรัดการสำรวจที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ภายในเขตเวนคืน เพื่อทยอยส่งมอบพื้นที่ให้เอกชนเข้ามาดำเนินการก่อสร้าง
โดยมีบางพื้นที่น่ากังวลคือ พื้นที่ของกองทัพบก อาทิ โรงเรียนทหารสรรพาวุธ กรมสรรพาวุธทหารบก บริเวณถนนนครไชยศรี เขตดุสิต ซึ่งเป็นพื้นที่ลำดับแรก ๆ ที่ต้องส่งมอบให้ผู้รับจ้างเข้าพื้นที่ก่อสร้าง เนื่องจากเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อสร้างอุโมงค์ หากส่งมอบพื้นที่ดังกล่าวล่าช้าจะทำให้กระทบต่อแผนการดำเนินโครงการได้
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) มีระยะทางรวม 23.6 กิโลเมตร เป็นโครงสร้างทางวิ่งใต้ดิน 13.6 กิโลเมตร 10 สถานี และทางวิ่งยกระดับ 10 กิโลเมตร 7 สถานี ใช้เวลาก่อสร้าง 2,005 วัน หรือประมาณ 5 ปีครึ่งจะแล้วเสร็จ และเปิดให้บริการได้ประมาณปลายปี 2570
สรุปข่าวจากกรุงเทพธุรกิจ: รฟม.ลุยตอกเสาเข็มรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ส.ค.นี้
3. ปลดล็อก Test & Go 1 พ.ค.นี้ ตัวแปรสำคัญ ดันตลาดที่อยู่อาศัย
การเตรียมยกเลิกระบบ Test & Go และการลงทะเบียนเข้าประเทศไทยผ่านระบบ Thailand Pass ปลดล็อกข้อจำกัดในการเดินทางของต่างชาติ เพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว โดยจะมีผลตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นอีกแรงผลักให้เอกชนเกิดความเชื่อมั่น โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์
คอลลิเออร์ส ประเทศไทย ประเมินว่า ตลาดคอนโดมิเนียมกรุงเทพฯ ช่วงไตรมาสที่ 2 (เม.ย.-มิ.ย.) 2565 ผู้ประกอบการเปิดขายใหม่โครงการใหม่อีกนับ 6,000 ยูนิต ส่งผลให้ช่วงครึ่งปีแรก มีซัพพลายปรับตัวขึ้นมามากกว่า 20,000 ยูนิต อีกครั้ง
ส่วนใหญ่กระจายตัวอยู่ในพื้นที่รอบใจกลางเมืองและพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นนอก รวมถึงทำเลรอบใจกลางเมือง หลังจากดีเวลลอปเปอร์ เชื่อมั่นตลาดคอนโดในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญในปีนี้จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลายโครงการของผู้พัฒนารายใหญ่ได้รับการตอบรับดี บางโครงการอาจปิดการขายลงในระยะเวลาที่รวดเร็ว
มุมมองจากดีเวลลอปเปอร์ เช่น บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) มองว่าการปลดล็อกนี้จะช่วยดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาไทย เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วขึ้น โดยเฉพาะโอกาสการเข้าลงทุนในตลาดอสังหาฯ ของลูกค้าต่างชาติ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจอสังหาฯ และผู้เช่าต่างชาติที่ห่างหายไป ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) มองเป็นแรงบวกให้ธุรกิจโรงแรม ภาคบริการ กลุ่มพนักงาน และค้าขายในต่างจังหวัด มีรายได้ฟื้นกลับมา เป็นแรงผลักต่อภาคที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยว ทั้งพัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่
เช่นเดียวกับบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) คาดภาพรวมธุรกิจอสังหาฯ ไตรมาส 2 และช่วงครึ่งปีหลัง 2565 จะเติบโตและมีแนวโน้มดีขึ้น ทั้งดีมานด์กลุ่มลูกค้า และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ของรัฐ ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อต่ำ โดยเฉพาะตลาดแนวราบ ส่วนคอนโดทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองท่องเที่ยว ยังตอบโจทย์ลูกค้าตลาดระดับกลางถึงบน
ขณะที่บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) มองว่าช่วงไตรมาส 2 เป็นช่วงเวลาโอกาสและจังหวะที่ดีในการซื้อที่อยู่อาศัย ประกอบกับมีมาตรการรัฐต่าง ๆ ผู้บริโภคส่วนใหญ่ปรับตัวคุ้นชินกับสถานการณ์โควิด-19 คาดว่าภาพรวมตลาดอสังหาฯ และความเชื่อมั่นลูกค้าจะค่อย ๆ ฟื้นตัว
สรุปข่าวจากฐานเศรษฐกิจ: ยกเลิก ‘Test&Go’ 1 พ.ค. อสังหาฯ ระเบิดศึก ‘โครงการใหม่’ ทะลัก 5 หมื่นล้าน
4. จับตาเศรษฐกิจไทยในระยะสั้น 3 ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในทิศทางที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูง จากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูง และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่จะปรับเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
โดยเหตุผลหนึ่งที่หนี้ครัวเรือนของคนไทยสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา มาจากรายได้และการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่ลดลงจากโควิด-19 สิ่งที่จะแก้ปัญหาได้ และชะลอการเกิดหนี้เอ็นพีแอลสูงขึ้นคือ การทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น และการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ฟื้นตัวได้โดยไม่สะดุด
การดำเนินนโยบายการเงินของไทย ยังคงมองเศรษฐกิจไทยเป็นหลัก โดยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ที่สูงขึ้น ด้วยพื้นฐานเศรษฐกิจด้านต่างประเทศของไทยที่ยังมีความเข้มแข็ง ทำให้ปัจจุบันมีส่วนต่างที่ค่อนข้างมาก แต่มีผลค่อนข้างจำกัดต่อเงินทุนเคลื่อนย้าย
โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ไม่พบว่าเป็นการไหลออกไปมาก หรือมีการไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว ขณะที่เงินบาทตั้งแต่ช่วงต้นปี ไม่เป็นประเด็นที่กังวลมากนัก เนื่องจากไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมาก
การปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยและเงินเฟ้อของ ธปท. ได้ปรับลดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ในปี 2565 เหลือ 3.4% ปี 2566 เหลือ 4.7% ปรับเพิ่มเงินเฟ้อ ในปี 2565 และ 2566 เพิ่มเป็น 4.9% และ 1.7% ตามลำดับ เป็นผลจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน แต่ยังมองว่าการส่งออกของไทยปีนี้จะขยายตัวเพิ่มขึ้น 7%
ทั้งนี้ โอมิครอนไม่ได้กระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศมากเท่ากับสายพันธุ์เดลตา ทำให้เชื่อว่าภาครัฐจะไม่ออกมาตรการควบคุมที่เข้มงวดมาก และมีการผ่อนคลายเพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้จะอยู่ที่ 5.6 ล้านคน ปีหน้าอยู่ที่ 19 ล้านคน ขณะที่คนว่างงาน และเสมือนว่างงานอยู่ที่ 2.9 ล้านคน
อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้นในระยะสั้น 3 ประเด็นที่ต้องติดตาม ได้แก่
1) ปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิต อาจรุนแรงกว่าที่คาด
2) ค่าครองชีพที่อาจสูงขึ้นมากจนกระทบต่อการบริโภคภาคเอกชน
3) การระบาดของโอมิครอน แต่ยังพอจะมีปัจจัยที่อาจทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้สูงกว่ากรณีฐาน คือ การใช้จ่ายของภาคเอกชนที่เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับไปขยายตัวได้ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ได้ในปีหน้า
สรุปข่าวจากไทยรัฐออนไลน์: แนะเพิ่มรายได้หนุนเศรษฐกิจไทยโต ธปท. ห่วงพิษหนี้ครัวเรือนทำไทยระส่ำ
5. ขึ้นฟรี! กันยายน-ธันวาคม 2565 รถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพู
กรมการขนส่งทางราง เผยภาพรวมโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง และรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี การก่อสร้างทั้ง 2 โครงการมีความคืบหน้ามาก โดยรถไฟฟ้าสายสีเหลืองคืบหน้า 91.70% ส่วนรถไฟฟ้าสายสีชมพูคืบหน้า 86.51% ขณะนี้อยู่ระหว่างทดสอบการเดินรถ
โดยจะมีการทดสอบเดินรถเสมือนจริง (Trial Run) ตั้งแต่เดือนกันยายน-ธันวาคม 2565 เป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งในระหว่างนั้นจะเปิดให้ประชาชนได้ทดลองใช้บริการฟรี ก่อนจะเปิดให้บริการบางช่วงอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม 2565 ในระยะแรกสายสีเหลือง จะเปิดให้บริการช่วงสถานีสำโรง-สถานีพัฒนาการ และสายสีชมพู ช่วงระหว่างสถานีมีนบุรี-สถานีหลักสี่
สาเหตุที่ไม่สามารถเปิดให้บริการพร้อมกันได้ตลอดทั้งเส้นนั้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 การขาดแคลนแรงงาน ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศไม่สามารถเดินทางเข้ามายังประเทศไทยได้
ขณะเดียวกัน ประเทศผู้ผลิตรถไฟฟ้ายังมีข้อจำกัดจากโควิด-19 รวมถึงมีปัญหาผู้รับจ้างยังไม่สามารถเข้าพื้นที่ก่อสร้างได้ จึงทำให้การดำเนินงานต่าง ๆ ต้องล่าช้าไปจากแผนที่วางไว้
อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการครบตลอดเส้นทางทั้ง 2 สายได้ภายในกลางปี 2566 ส่วนการกำหนดค่าโดยสารนั้นจะคิดอัตราเริ่มต้นที่ 14 บาท สูงสุดไม่เกิน 42 บาท
สรุปข่าวจากประชาชาติธุรกิจ: รถไฟฟ้าชมพู-เหลือง ทดสอบเดินรถ 3 เดือน ประชาชนขึ้นฟรี
สนใจรับบทความดีดี อัปเดต ข่าวอสังหาริมทรัพย์ และ อ่านคู่มือซื้อขาย พร้อม รีวิวโครงการคอนโดฯ ใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคา รวมถึง ทำความรู้จักกับทำเลฮอตทั่วกรุง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการซื้อ-ขาย-เช่า