บ้านมือสองหรือคอนโดมือสอง เป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่อยู่อาศัยที่หลายคนให้ความสนใจ ลองมาดูขั้นตอนการกู้ซื้อบ้านมือสองว่ามีขั้นตอนอย่างไร เพื่อให้การกู้บ้านมือสอง หรือคอนโดมือสองของคุณผ่านไปได้อย่างง่ายดาย
อ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
3 ขั้นตอนการกู้ซื้อบ้านมือสอง
1. ทำสัญญาที่ระบุเรื่องราคาให้เรียบร้อย
เมื่อได้บ้านมือสองที่ถูกใจแล้ว ต้องติดต่อผู้ขายเพื่อทำสัญญาจะซื้อจะขายบ้านมือสอง ซึ่งควรระบุราคาที่ตกลงซื้อขายกัน รวมถึงค่ามัดจำ และระยะเวลาที่ต้องชำระส่วนที่เหลือ
โดยปกติหากผู้ซื้อไม่สามารถชำระเงินส่วนที่เหลือได้ภายในกำหนดผู้ขายก็จะมีสิทธิ์ยึดเงินมัดจำ เมื่อทำสัญญาจะซื้อจะขายเรียบร้อยแล้วผู้ขายจะต้องให้สำเนาโฉนดที่ดิน เพื่อใช้เป็นเอกสารในการยื่นกู้
นอกจากนี้ ในการทำสัญญาจะซื้อจะขาย ผู้ซื้อและผู้ขายควรมีการตกลงกันว่า ใครจะเป็นคนจ่ายค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง หรือตกลงแบ่งจ่ายกันอย่างไร เช่น ค่าใช้จ่ายทั้งหมดแบ่งจ่ายกันคนละครึ่ง เป็นต้น
สัญญาจะซื้อจะขายคืออะไร
สัญญาจะซื้อจะขายบ้านและที่ดิน ที่ผู้ซื้อและผู้ขาย 2 ฝ่ายควรรู้
2. กู้ซื้อบ้านมือสองกับธนาคาร
การยื่นขอสินเชื่อบ้านมือสองกับธนาคาร ผู้ซื้อหรือผู้กู้จะต้องเตรียมเอกสารเพื่อยื่นขอสินเชื่อบ้านมือสอง ทั้งเอกสารแสดงตนและเอกสารทางการเงินที่แสดงแหล่งที่มาของรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน รายการเดินบัญชีย้อนหลัง เป็นต้น พร้อมทั้งจะต้องนำสัญญาจะซื้อจะขายและสำเนาโฉนดที่ดินที่ได้มาจากผู้ขาย ยื่นกับธนาคารเพื่อให้ประเมินราคาทรัพย์สิน
โดยปกติแล้วธนาคารก็จะให้วงเงินกู้ไม่เกิน 80% ของราคาซื้อขายหรือราคาประเมิน โดยเลือกราคาที่ต่ำกว่า ดังนั้นผู้ซื้อควรจะต้องเตรียมเงินไว้อย่างน้อย 20% ของราคาซื้อขาย เพื่อจ่ายให้กับผู้ขายด้วย
เช็กราคาประเมินที่ดิน
เช็กราคาประเมินที่ดิน 77 จังหวัด จากกรมธนารักษ์ ได้ที่นี่
3. ติดต่อขอโอนกรรมสิทธิ์กับสำนักงานที่ดิน
หลังจากผ่านการอนุมัติวงเงินกู้ซื้อบ้านกับธนาคารแล้ว ผู้ซื้อจะต้องแจ้งกับผู้ขาย เพื่อนัดวันไปโอนบ้านที่สำนักงานที่ดิน พร้อมจำนองบ้านหลังนั้นต่อให้กับธนาคาร เพื่อใช้เป็นหลักประกันในการกู้เงิน ผู้ขายเองก็จะได้รับเงินจากการขายบ้านทั้งหมดในวันนั้น ซึ่งเท่ากับว่าจะต้องมาสำนักงานที่ดินพร้อมกัน 3 ฝ่าย ได้แก่ ผู้ซื้อ ผู้ขาย และธนาคาร เพื่อทำการโอนบ้านและจำนองให้เสร็จสิ้นภายในวันเดียวกัน
โดยในวันนั้นจะมีการชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เกี่ยวกับการซื้อขายบ้าน การโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินมาเป็นของผู้ซื้อ การจำนองทรัพย์สินให้กับธนาคาร ได้แก่ ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะหรือค่าอากรแสตมป์ ค่าโอน ค่าจำนอง ซึ่งจะชำระให้กับสำนักงานที่ดิน
ค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์มีอะไรบ้าง
ประเภทค่าใช้จ่าย | ต้องจ่ายเท่าไหร่ |
ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ | 2% ของราคาประเมิน แบ่งจ่ายคนละ 1% ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย |
ค่าจดจำนอง | 1% ของยอดเงินกู้ทั้งหมด (หากซื้อเงินสดไม่ต้องจ่าย) |
ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ | 3.3% ของราคาซื้อขาย |
ค่าอากรแสตมป์ | 0.5% ของราคาซื้อขาย (หากเสียภาษีธุรกิจเฉพาะไม่ต้องจ่าย) |

เรื่องควรรู้ก่อนตัดสินใจกู้ซื้อบ้านมือสอง
แม้ว่าบ้านมือสองหรือคอนโดมือสองจะมีข้อดีหลายด้านไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคาที่ส่วนใหญ่ถูกกว่าบ้านมือหนึ่ง หรือทำเลที่ปัจจุบันอาจจะหาโครงการบ้านมือหนึ่งไม่ได้แล้ว แต่มีเรื่องที่คุณควรรู้และควรพิจารณาก่อนซื้อเพื่อไม่ให้พลาดก่อนตัดสินใจกู้ซื้อบ้านมือสอง ดังนี้
1. อย่าลืมเข้าไปดูสภาพบ้านจริงก่อนซื้อ
แม้ว่าในปัจจุบันจะสามารถค้นหาบ้านมือสองได้ง่ายขึ้น รวมถึงมีช่องทางให้เลือกบ้านมือสองค่อนข้างหลากหลาย แต่จะเลือกบ้านมือสองสักหลัง อย่าลืมที่จะเข้าไปดูสภาพบ้านจริง เพราะบ้านที่คุณเห็นในเว็บไซต์ หรือในรูปภาพอาจไม่ใช่สภาพบ้านที่แท้จริง
การเข้าไปดูบ้านจริงนอกจากจะช่วยเช็กสภาพบ้านที่แท้จริงแล้ว ยังทำให้คุณได้เห็นสภาพแวดล้อมรอบ ๆ บ้านมือสอง ว่าเป็นอยางไร มีปัจจัยที่จะรบกวนการอยู่อาศัยหรือไม่ เช่น น้ำท่วม รถติด หรือมีเพื่อนบ้านนิสัยไม่ดีอยู่ข้าง ๆ
ที่สำคัญการเข้าไปดูบ้านจริงยังทำให้คุณได้รู้ด้วยว่าบ้านหลังนั้นมีผู้อยู่อาศัยอยู่หรือไม่ จะได้ไม่ต้องยุ่งยากมาฟ้องขับไล่ในภายหลัง ซึ่งต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก
2. ตรวจให้ละเอียดว่าโฉนดถูกต้อง
ขั้นตอนสำคัญที่คุณไม่ควรพลาดก็คือการตรวจสอบให้ละเอียดว่าโฉนดบ้านมือสองนั้นถูกต้อง เพราะโฉนดที่ผู้ขายนำมาให้คุณนั้นอาจเป็นโฉนดปลอม หรือเป็นโฉนดที่ถูกอายัด รวมถึงตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ ของเจ้าของกรรมสิทธิ์ว่าตรงกัน ไม่ได้เป็นการแอบอ้างนำมาขาย
โฉนดที่ดินมีกี่ประเภท
โฉนดที่ดินมีกี่ประเภท โฉนดแบบไหนซื้อ ขาย โอนที่ดินได้หรือไม่
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ