หลังจากผ่านระยะเวลาของการอยู่อาศัยมาได้สักระยะ เชื่อว่าหลายคนจะเริ่มมีความต้องการปรับปรุง ซ่อมแซม ต่อเติมบ้าน แต่ติดปัญหาตรงที่มีงบประมาณจำกัด เพราะไม่ว่าเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับบ้าน มักจะไม่ใช่เรื่องบ้าน ๆ ที่จัดการได้ง่าย ๆ เลย
จุดนี้เอง ธนาคารก็มีสินเชื่อซ่อมแซมบ้านให้บริการ ซึ่งหลายคนอาจไม่รู้ว่าการขออนุมัติสินเชื่อซ่อมแซมบ้านนั้นจะต้องเตรียมตัวอย่างไร คุณสมบัติของผู้ขอสินเชื่อต้องเป็นอย่างไร และสินเชื่อซ่อมแซมบ้านมีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง
อ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
- สินเชื่อซ่อมแซมบ้านคืออะไร แตกต่างกับสินเชื่อบ้านอย่างไร
- สินเชื่อซ่อมแซมบ้านมีแบบไหนบ้าง
- เงื่อนไขการขอสินเชื่อซ่อมแซมบ้านสำหรับบ้านที่มีภาระและไม่มีภาระ
- คุณสมบัติของผู้สินเชื่อซ่อมแซมบ้าน
- สินเชื่อซ่อมแซมบ้าน ดอกเบี้ยต่ำ 2568
สินเชื่อซ่อมแซมบ้านคืออะไร แตกต่างกับสินเชื่อบ้านอย่างไร
หลายคนอาจคุ้นเคยกันดีกับสินเชื่อกู้ซื้อบ้านหรือสินเชื่อสร้างบ้าน และเข้าใจว่าสินเชื่อซ่อมแซมบ้านก็เป็นหนึ่งในสินเชื่อกู้ซื้อบ้านเช่นกัน
ความจริงแล้ว สินเชื่อทั้งสองประเภทนี้มีข้อแตกต่างกันเล็กน้อยในด้านของวัตถุประสงค์การกู้ ซึ่งทำให้เกณฑ์ในการประเมินและอนุมัติสินเชื่อนั้นมีความแตกต่างกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในการซื้อบ้านแบบปกติ แต่โดยส่วนใหญ่จะมีวงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 70-80% ของราคาประเมินบ้าน
อัปเดตดอกเบี้ยบ้าน
อัปเดตสินเชื่อกู้ซื้อบ้าน ดอกเบี้ยบ้าน จากทุกธนาคาร
สินเชื่อซ่อมแซมบ้านมีแบบไหนบ้าง
สำหรับสินเชื่อที่นิยมกู้เพื่อวัตถุประสงค์ของการต่อเติม ซ่อมแซม และตกแต่งบ้าน จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ สินเชื่อแบบวงเงินกู้ระยะยาว (Loan) และสินเชื่อวงเงินกู้เบิกเกินบัญชี Over Draft (O/D) โดยจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการผ่อน
1. สินเชื่อซ่อมแซมบ้านแบบวงเงินกู้ระยะยาว (Loan)
จะมีระยะเวลาในการผ่อนชำระยาวนาน และมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าสินเชื่อวงเงินกู้เบิกเกินบัญชี (O/D) โดยจะมีข้อจำกัดว่าต้องใช้เงินตามเงื่อนไขที่ระบุตามสัญญา เหมาะกับการซ่อมแซม ต่อเติมบ้าน และปรับปรุงบ้านที่มีค่าใช้จ่ายสูง
2. สินเชื่อซ่อมแซมบ้านแบบสินเชื่อวงเงินกู้เบิกเกินบัญชี (OD)
เป็นสินเชื่อที่ให้เราสามารถเบิกเงิน (โดยการสั่งจ่ายเช็ค) ได้แม้จะไม่มีเงินในบัญชี โดยการคิดอัตราดอกเบี้ยจะคิดตามส่วนต่างของระยะเวลาที่เราใช้ประมาณ 5-15 ปี
สินเชื่อ OD คืออะไร
สินเชื่อ OD คืออะไร 10 ข้อควรรู้ พร้อมตรวจสอบคุณสมบัติจากธนาคารพาณิชย์
ข้อดีของการขอสินเชื่อซ่อมแซมบ้านแบบสินเชื่อวงเงินกู้เบิกเกินบัญชี (OD) คือจะมีความสะดวกและยืดหยุ่นมากกว่า
แต่อย่างไรก็ตามสินเชื่อวงเงินกู้เบิกเกินบัญชี (OD) ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นสินเชื่อซ่อมแซมบ้านโดยเฉพาะ เพราะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงมาก และอาจจะต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยที่แพงกว่าสินเชื่อซ่อมแซมบ้านโดยเฉพาะเป็นเท่าตัว

เงื่อนไขการขอสินเชื่อซ่อมแซมบ้านสำหรับบ้านที่มีภาระและไม่มีภาระ
1. บ้านที่ยังมีภาระผ่อน
หลายคนอาจเข้าใจว่าบ้านที่ยังมีภาระผ่อนจะไม่สามารถใช้ประกอบการสินเชื่อซ่อมแซมบ้านได้ แต่ความจริงแล้วบ้านที่กำลังผ่อนอยู่ก็สามารถเอามาเป็นหลักค้ำประกันให้กับผู้กู้ได้
โดยธนาคารจะพิจารณาให้กู้ได้ไม่เกินวงเงินประเมินบ้านที่ได้จดจำนองมาตั้งแต่แรก เช่น บ้านมีการจดจำนองในตอนแรก 1,000,000 บาท และผ่านการผ่อนชำระจนเหลือเงินต้น 500,000 บาท ก็สามารถกู้สินเชื่อซ่อมแซมบ้านได้ถึง 250,000 บาท โดยจะได้รับดอกเบี้ยในอัตราใกล้เคียงกับสินเชื่อซื้อบ้าน
2. บ้านที่ปลอดภาระผ่อน
หากเป็นบ้านที่ไม่มีภาระผ่อนแล้ว สามารถใช้บ้านยื่นเข้าเป็นหลักประกันการกู้สินเชื่อซ่อมแซมบ้านได้เลย โดยธนาคารจะเป็นผู้ประเมินราคาและวงเงินกู้ให้
สำหรับบ้านที่ปลอดภาระผ่อนยังมีสินเชื่อประเภทอเนกประสงค์ประเภทบ้านแลกเงินด้วย ซึ่งจะมีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อนเท่าสินเชื่อซ่อมแซมบ้าน และไม่จำกัดวัตถุประสงค์ในการใช้เงินอีกด้วย แต่จะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าสินเชื่อซ่อมแซมบ้านแบบปกติ
การเตรียมตัวเพื่อขอสินเชื่อซ่อมแซมบ้าน
ขั้นตอน | รายละเอียด |
สำรวจขอบเขตของการซ่อมแซม | เนื่องจากการขอสินเชื่อซ่อมแซมบ้านควรขอและลงมือซ่อมในครั้งเดียว โดยควรสำรวจว่าภายในบ้านเรามีจุดไหนบ้างที่จะเป็นต้องซ่อม เพื่อประเมินค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมให้ครอบคลุม |
เปรียบเทียบธนาคารและอัตราดอกเบี้ย | สำหรับการเลือกธนาคารที่จะขอสินเชื่อ หากเป็นบ้านที่ยังภาระการผ่อนอยู่ ควรขอสินเชื่อกับธนาคารที่เราขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแต่เดิม เนื่องจากมีประวัติและข้อมูลการผ่อนชำระอยู่แล้ว แต่สำหรับบ้านที่ปลอดภาระแล้ว สามารถเลือกธนาคารที่จะขอสินเชื่อได้จากอัตราดอกเบี้ยที่น้อยที่สุด |
คุณสมบัติของผู้สินเชื่อซ่อมแซมบ้าน
คุณสมบัติของผู้กู้จะแตกต่างโดยพิจารณาตามความสามารถในการชำระหนี้ โดยมีอายุระหว่าง 20-60 ปี ระยะเวลาในการกู้รวมกับอายุของผู้กู้ไม่เกิน 65-70 ปี
โดยจะต้องเป็นผู้ที่มีงานประจำอยู่ ฐานเงินเดือนตั้งแต่ 15,000 บาทต่อเดือนสำหรับข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ และฐานเงินเดือนตั้งแต่ 20,000 บาทต่อเดือน สำหรับพนักงานเอกชน

สินเชื่อซ่อมแซมบ้าน ดอกเบี้ยต่ำ 2568
ขอแนะนำสินเชื่อซ่อมแซมบ้าน ดอกเบี้ยต่ำ ปี 2568 จากธนาคารต่าง ๆ ดังนี้
1. สินเชื่อซ่อมแซมบ้าน จากธนาคารอาคารสงเคราะห์
สำหรับสินเชื่อบ้านจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ในการใช้เพื่อซ่อมแซมปรับปรุงบ้านมีหลายประเภท ได้แก่
– สินเชื่อสินเชื่อซ่อม-แต่ง วงเงินให้กู้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท สำหรับต่อเติม ซ่อมแซมอาคาร (บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ อาคารพาณิชย์เพื่อที่อยู่อาศัย ยกเว้นบ้านเช่าและแฟลต) และซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย ดอกเบี้ย ปีที่ 1-3=1.00% ต่อปี
2. สินเชื่อซ่อมแซมบ้าน จากธนาคารกรุงไทย
สินเชื่อบ้านจากธนาคารกรุงไทยมีทั้งสินเชื่อบ้านแลกเงิน และสินเชื่อซ่อมแซมปรับปรุงบ้าน ได้แก่
– สินเชื่อ Home for Crash นำไปใช้ได้ตามอเนกประสงค์ เช่น ติดตั้ง Solar Rooftop ติดตั้ง EV Charger สำหรับรถไฟฟ้า ซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 ที่ช่วยประหยัดพลังงานฯ ดอกเบี้ยคงที่ปีแรก 1.99% ต่อปี ปีที่ 2-3=6.50% ต่อปี หลังจากนั้น MRR-0.35%
3. สินเชื่อซ่อมแซมบ้าน จากธนาคารไทยพาณิชย์
สินเชื่อบ้านจากธนาคารไทยพาณิชย์ที่มีการประกาศอัตราดอกเบี้ยคือ สินเชื่อบ้านแลกเงิน My Home My Cash
– สินเชื่อ My Home My Cash วงเงินสินเชื่อสูงสุด 20 ล้านบาท ระยะเวลาการผ่อนชำระนานถึง 30 ปี โดยอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้าทั่วไป ปีที่ 1-3=MRR +1.65%-MRR +3.40% อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี=8.83%-10.58%
สำหรับอัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคาร อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามมาตรการทางการเงิน และการจัดโปรโมชั่นของแต่ละธนาคาร แต่อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าทุกครั้งที่มีการขอสินเชื่อ นั่นหมายความว่าเราต้องแบกรับภาระหนี้ไว้ด้วย ดังนั้น ก่อนตัดสินใจควรพิจารณาให้รอบคอบว่าเรากู้เท่าไรและวางแผนการเงินอย่างไร
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ