ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เชื่อว่าหลายคนคงงง ๆ อยู่ไม่น้อย เนื่องจากภาษีที่ดินฉบับใหม่ยังคงมีประเด็นที่ต้องจับตาอีกหลายด้าน รวมทั้งยังไม่มีกฎเกณฑ์ให้ชัดเจนออกมาในหลาย ๆ เรื่อง และมีข้อมูลอัปเดตออกมาเป็นระยะ สามารถติดตามได้ที่นี่
อ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
- ใครมีหน้าที่ต้องจ่ายภาษีที่ดิน
- ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปี 2568 ต้องจ่ายเท่าไหร่
- ช่องทางติดต่อ แฟกซ์/E-mail แจ้งเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ในที่ดิน
- จ่ายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเมื่อไหร่
- ถ้าจ่ายภาษีที่ดินฯ ล่าช้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
- แจงแนวทางการใช้ประโยชน์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
ใครมีหน้าที่ต้องจ่ายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
1. เจ้าของที่ดิน/เจ้าของสิ่งปลูกสร้าง/เจ้าของห้องชุด ที่มีชื่อในโฉนดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้น ๆ
2. ผู้ครอบครองทรัพย์สิน ทำประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างของรัฐ เช่น ผู้เช่าที่ราชพัสดุอยู่ แม้ไม่ได้เป็นเจ้าของที่นั้น ๆ แต่เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีตามกฎหมายฉบับนี้
3. ผู้ครอบครองหรือใช้ประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างนั้นอยู่ในวันที่ 1 มกราคมของปีภาษีนั้น ยกตัวอย่างเช่น
– ซื้อบ้านในวันที่ 10 เมษายน 2566 จะต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปี 2567 เพราะถือว่าได้ครอบครองภายในวันที่ 1 มกราคม 2567
– ซื้อบ้านในวันที่ 10 พฤษภาคม 2567 ไม่ต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปี 2567 เนื่องจากยังไม่ได้ครอบครองภายในวันที่ 1 มกราคม 2567 แต่ต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปี 2568
3. หากเจ้าของที่ดินและเจ้าของสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินนั้นไม่ใช่คนเดียวกัน ให้ต่างคนต่างเสียภาษีเฉพาะส่วนที่ตัวเองเป็นเจ้าของ
4. กรณีมีผู้ครอบครองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมากกว่า 1 คนขึ้นไป ทุกคนจะต้องรับผิดชอบภาษีดังกล่าวร่วมกัน
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปี 2568 ต้องจ่ายเท่าไหร่
กระทรวงมหาดไทย จะเก็บอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปี 2568 โดยจะไม่มีการลดหย่อน โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ที่ดินเกษตรกรรม
เจ้าของที่ดินเป็นบุคคลธรรมดา
- มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นภาษี
- มูลค่ามากกว่า 50-125 ล้านบาท อัตราภาษี 0.01%
- มูลค่ามากกว่า 125-150 ล้านบาท อัตราภาษี 0.03%
- มูลค่ามากกว่า 150-550 ล้านบาท อัตราภาษี 0.05%
- มูลค่ามากกว่า 550-1,050 ล้านบาท อัตราภาษี 0.07%
- มูลค่ามากกว่า 1,050 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.1%
เจ้าของที่ดินเป็นนิติบุคคล
- มูลค่าไม่เกิน 75 ล้านบาท อัตราภาษี 0.01%
- มูลค่ามากกว่า 75-100 ล้านบาท อัตราภาษี 0.03%
- มูลค่ามากกว่า 100-500 ล้านบาท อัตราภาษี 0.05%
- มูลค่ามากกว่า 500-1,000 ล้านบาท อัตราภาษี 0.07%
- มูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.1%
2. ที่อยู่อาศัย
บ้านหลังหลัก มีชื่อในทะเบียนบ้าน เป็นเจ้าของที่ดิน
- มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นภาษี
- มูลค่ามากกว่า 50-75 ล้านบาท อัตราภาษี 0.03%
- มูลค่ามากกว่า 75-100 ล้านบาท อัตราภาษี 0.05%
- มูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.1%
บ้านหลังหลัก มีชื่อในทะเบียนบ้าน แต่ไม่ใช่เจ้าของที่ดิน
- มูลค่าไม่เกิน 10 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นภาษี
- มูลค่ามากกว่า 10-50 ล้านบาท อัตราภาษี 0.02%
- มูลค่ามากกว่า 50-75 ล้านบาท อัตราภาษี 0.03%
- มูลค่ามากกว่า 75-100 ล้านบาท อัตราภาษี 0.05%
- มูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.1%
บ้านหลังที่ 2 เป็นต้นไป หรือไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน
- มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท อัตราภาษี 0.02%
- มูลค่ามากกว่า 50-75 ล้านบาท อัตราภาษี 0.03%
- มูลค่ามากกว่า 75-100 ล้านบาท อัตราภาษี 0.05%
- มูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.1%
3. ที่ดินที่ใช้เชิงพาณิชย์ (ออฟฟิศ, ร้านค้า, ร้านอาหาร, ร้านสะดวกซื้อ, โรงแรม, ที่พักรายวัน, โรงงาน)
- มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท อัตราภาษี 0.3%
- มูลค่ามากกว่า 50-200 ล้านบาท อัตราภาษี 0.4%
- มูลค่ามากกว่า 200-1,000 ล้านบาท อัตราภาษี 0.5%
- มูลค่ามากกว่า 1,000-5,000 ล้านบาท อัตราภาษี 0.6%
- มูลค่ามากกว่า 5,000 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.7%
4. ที่ดินรกร้างว่างเปล่า
- มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท อัตราภาษี 0.3%
- มูลค่ามากกว่า 50-200 ล้านบาท อัตราภาษี 0.4%
- มูลค่ามากกว่า 200-1,000 ล้านบาท อัตราภาษี 0.5%
- มูลค่ามากกว่า 1,000-5,000 ล้านบาท อัตราภาษี 0.6%
- มูลค่ามากกว่า 5,000 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.7%
อย่างไรก็ตาม กรณีที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ 3 ปีติดต่อกัน ในปีที่ 4 จะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นอีก 0.3% และเก็บเพิ่มอีก 0.3% ทุก ๆ 3 ปี แต่อัตราภาษีรวมไม่เกิน 3%
เพิ่มช่องทางแฟกซ์/E-mail แจ้งเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ในที่ดิน
กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้เพิ่มช่องทางการแจ้งการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ตามแบบ ภ.ด.ส. 5 สามารถดำเนินการโดยผ่านทางโทรสารหรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) ของสำนักงานเขตท้องที่ซึ่งที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างนั้นตั้งอยู่ได้
โดยให้ถือว่าวันที่สำนักงานเขตได้รับแบบ ภ.ด.ส. 5 ซึ่งมีข้อมูลเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์และลายมือซื่อผู้เสียภาษีถูกต้องครบถ้วน เป็นวันที่ผู้เสียภาษีแจ้งการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ในที่ดินฯ
– กรณีแจ้งทางโทรสารหรือแฟกซ์ ให้ผู้เสียภาษีโทรศัพท์สอบถามผลการส่งแบบ ภ.ด.ส. 5 อีกครั้ง เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดจากการรับส่ง
– กรณีแจ้งทาง E-mail ให้สำนักงานเขตแจ้งผลการส่งแบบ ภ.ด.ส. 5 ให้ผู้เสียภาษีทราบทาง E-mail ภายในวันทำการถัดไป และให้ผู้เสียภาษีเก็บแบบ ภ.ด.ส. 5 ดังกล่าวไว้ จนกว่าจะได้รับหนังสือแจ้งการประเมินภาษีตามการใช้ประโยชน์ในปีถัดไป
ดาวน์โหลดเอกสารฟรี
ดาวน์โหลดแบบ ภ.ด.ส. และประกาศแจ้งการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน
โดยสามารถตรวจสอบหมายเลขโทรสารและ E-mail ของสำนักงานเขตได้ตามข้อมูลด้านล่างนี้
บางคอแหลม
02-292-1336
–
02-292-1336, 02-291-0285 ต่อ 5921-5922, 02-291-3800 ต่อ 5921-5922
ประเวศ
02-328-7161
–
02-328-7161, 02-328-7111, 02-328-7428, 02-328-7812 ต่อ 6371, 6372
ป้อมปราบศัตรูพ่าย
02-281-0281 ต่อ 6421
–
02-281-0202, 02-281-0281 ต่อ 6421
ภาษีเจริญ
02-413-0564
–
02-413-0564, 02-413-0383 ต่อ 6621-6622, 02-413-0565 ต่อ 6621-6622
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างคำนวณอย่างไร
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง การคำนวณภาษีที่ดิน เรื่องที่เจ้าของบ้านควรรู้
จ่ายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเมื่อไหร่
โดยปกติองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะส่งแบบประเมินภาษีให้แก่ผู้เสียหายภายในเดือนกุมภาพันธ์ของแต่ละปี และต้องชำระภาษีภายใน 30 เมษายน ของปีนั้น ซึ่งค่าภาษีสามารถจ่ายเต็มจำนวน หรือขอผ่อนชำระเป็น 3 งวดเท่า ๆ กัน ได้เป็นเวลา 3 เดือน
ล่าสุด มีการประกาศขยายระยะเวลาดำเนินการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปะจำปี 2568 ดังนี้
1. ประกาศแจ้งรายการที่ดิน จากเดิมพฤศจิกายน 2567 ขยายเวลาเป็นเดือนมกราคม 2568
2. ประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ จากเดิมเดือนมกราคม 2568 ขยายเวลาเป็นเดือนมีนาคม 2568
3. แจ้งประเมินภาษี จากเดิมเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ขยายเวลาเป็นเดือนเมษายน 2568
4. ชำระภาษี จากเดิมเดือนเมษายน 2568 ขยายเวลาเป็นเดือนมิถุนายน 2568
5. ผ่อนชำระภาษี ได้ 3 งวด
- งวดที่ 1 ภายในเดือนมิถุนายน 2568
- งวดที่ 2 ภายในเดือนกรกฎาคม 2568
- งวดที่ 3 ภายในเดือนสิงหาคม 2568
6. แจ้งเตือนผู้เสียภาษีค้างชำระ จากเดิมเดือนพฤษภาคม 2568 ขยายเวลาเป็นเดือนกรกฎาคม 2568
7. แจ้งชื่อผู้ค้าชำระภาษีภาษีค้างชำระต่อสำนักงานที่ดิน จากเดิมเดือนสิงหาคม 2568 ขยายเวลาเป็นเดือนสิงหาคม 2568
หมายเหตุ กรณีมีเหตุจำเป็น ผู้บริหารท้องถิ่นจะให้ขยายหรือให้เลื่อนกำหนดเวลาออกไปอีกตามความจำเป็นแก่กรณีก็ได้ แต่ต้องขยายหรือเล่อนกำหนดเวลาก่อนกำหนดเวลาเดิมจะสิ้นสุด
ถ้าจ่ายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างล่าช้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ภาษีค้างชําระที่จะต้องติดตามเร่งรัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีหนังสือแจ้งเตือนไปยังผู้เสียภาษีภายในเดือนถัดไป เพื่อให้มาชําระภาษีค้างชําระ พร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม โดยจะเสียค่าปรับดังนี้
1. ถ้าไม่ได้มาจ่ายภาษีภายในเวลาที่กําหนด แต่ต่อมาได้มาชําระภาษีก่อนที่จะได้รับหนังสือแจ้งเตือน ให้คิดเบี้ยปรับ 10% ของจํานวนภาษีค้างชําระ
2. ถ้าจ่ายภาษีภายในระยะเวลาที่กําหนดในหนังสือแจ้งเตือนให้คิดเบี้ยปรับ 20% ของจํานวนภาษีค้างชําระ
3. ถ้าจ่ายภาษีภายหลังจากเวลาที่กําหนดในหนังสือแจ้งเตือน ให้คิดเบี้ยปรับ 40% ของจํานวนภาษีค้างชําระ
4. ผู้เสียภาษีที่มิได้ชําระภาษีภายในเวลาที่กําหนด ให้เสียเงินเพิ่มอีก 1% ต่อเดือนของ จํานวนภาษีค้างชําระ โดยให้เริ่มนับเมื่อพ้นกําหนดเวลาชําระภาษีจนถึงวันที่มีการชําระภาษี แต่ต้องไม่เกินกว่าจํานวนภาษีที่ต้องจ่าย
นอกจากนี้ ถ้าผู้เสียภาษีไม่มาชําระภายในระยะเวลาที่กําหนดในหนังสือแจ้งเตือน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะส่งข้อมูลการค้างชำระไปให้สำนักงานที่ดิน ทำให้การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครองในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างจะทําไม่ได้
หากมีภาษีค้างชำระ และหากพ้นกําหนด 90 วัน นับแต่วันที่ผู้ค้างชําระภาษีได้รับหนังสือแจ้งเตือน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถยึด อายัด ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ค้างชำระภาษีไปขายทอดตลาดได้
แจงแนวทางการใช้ประโยชน์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
ที่อยู่อาศัยที่ปล่อยเช่าก็เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในอัตราที่อยู่อาศัย
เนื่องจากการเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีด้วยกันหลายประเภท เพื่อไม่เกิดผลกระทบกับประชาชนที่มีจุดประสงค์หลักในการใช้ประโยชน์บนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นที่อยู่อาศัย กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ได้มีการชี้แจงแนวทางการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ได้แก่ ห้องชุด บ้าน โรงเรือน อาคาร ตึก ตึกแถว หรือสิ่งปลูกสร้างอื่นใด ที่มีลักษณะให้บุคคลใช้เพื่อการอยู่อาศัยไว้ ดังนี้
1. เจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่มีลักษณะให้บุคคลใช้เพื่อการอยู่อาศัย เช่น ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่เจ้าของใช้อยู่อาศัยเอง ให้ญาติพี่น้องอยู่อาศัย หรือให้เช่าเพื่ออยู่อาศัย ให้เสียภาษีในอัตราที่อยู่อาศัย
แต่ในกรณีที่เป็นอาคารพาณิชย์มีการอยู่อาศัยในชั้นบนและเปิดทำการค้าชั้นล่างนั้น จะแยกการคำนวณภาษี คือ จะจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประเภทเชิงพาณิชย์สำหรับพื้นที่ชั้นล่าง และเก็บภาษีที่อยู่อาศัยในชั้นบน
2. ให้ครอบคลุมถึงช่วงเวลาระหว่างการก่อสร้าง หรือปรับปรุงต่อเติมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินที่ใช้เพื่อการอยู่อาศัยด้วย เช่น บ้านที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง หรือคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการตกแต่ง เป็นต้น
3. ไม่รวมถึงโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม และที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างของผู้ประกอบการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา หรือสร้างเสร็จแล้วแต่ยังไม่ได้ขายตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน หรือกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
โดยแนวทางดังกล่าวจะเป็นประโยชน์และไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ที่ใช้ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างเพื่อการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง โดยเฉพาะกลุ่มระชาชนผู้มีรายได้น้อยซึ่งไม่มีที่พักอาศัยของตนเอง หรือที่เช่าที่อยู่อาศัย รวมถึงเจ้าของทรัพย์สินที่ให้บุคคลอื่นเพื่อการอยู่อาศัย หรือการให้บุคคลอื่นเช่าเพื่อการอยู่อาศัยด้วย
อัตราการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
– มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท อัตราภาษี 0.02%
– มูลค่ามากกว่า 50-75 ล้านบาท อัตราภาษี 0.03%
– มูลค่ามากกว่า 75-100 ล้านบาท อัตราภาษี 0.05%
– มูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.1%
ทั้งนี้ กรณีของโฮมสเตย์ โฮสเทล และ Airbnb (แอร์บีเอ็นบี) นั้น ถือว่าเป็นธุรกิจโรงแรมที่พัก จะต้องเสียอัตราภาษีในเชิงพาณิชย์
แจ้งเปลี่ยนอัตโนมัติ ไม่ต้องไปที่เขต
หลังจากที่ได้รับเอกสารแจ้งข้อมูลรายการห้องชุด (ภ.ด.ส.4) จากสำนักงานเขต หากในเอกสารระบุลักษณะใช้ประโยชน์เป็น “อื่น ๆ” ไม่ต้องไปยื่นแก้ให้เป็น “อยู่อาศัย” ที่สำนักงานเขต เนื่องจากระบบจะปรับให้เอง
โดยขณะนี้กระทรวงการคลัง และมหาดไทย ได้ร่วมกัน เพื่อเตรียมออกประกาศเป็นกฎหมายลูก ผ่อนปรนในเรื่องการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินเพื่ออยู่อาศัย เพื่อให้องค์กรท้องถิ่น ประเมินภาษีการใช้ประโยชน์ขั้นสุดท้าย โดยที่ประชาชนไม่ต้องเดินทางไปชี้แจงอีก เพื่อให้สอดคล้องกับหลักของการเก็บภาษีคือต้องสะดวก ประหยัดต้นทุน พยายามลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่

พื้นที่รกร้างคืออะไร
ส่วนการกำหนดขอบเขตการเป็นที่ดินเพื่อเกษตรกรรมนั้น หากเป็นที่ดินรกร้างและมีการปลูกพืชผลทางการเกษตร ก็นับว่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมได้ ไม่ถือว่าผิด หรือบิดเบือนการบังคับใช้กฎหมาย แต่ในประกาศจะมีชัดเจนในการกำหนดจำนวนพื้นที่ที่ต้องใช้ในการปลูกพืชผลทางการเกษตรและพันธุ์พืชแต่ละประเภท เช่น ไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ยืนต้น ผัก ผลไม้ และพืชไร่ ที่ต้องกำหนดแตกต่างกันไป หากเข้ากำหนดก็จะเสียภาษีที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ไม่ถูกคิดเป็นภาษีทีดินรกร้างว่างเปล่า
กระทรวงการคลัง กับกระทรวงมหาดไทย กำลังเร่งกำหนดเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินทำเกษตรกรรม ให้สอดรับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่ ซึ่งล่าสุดได้ยกร่างกฎหมายลำดับรองกำหนดเกณฑ์การทำเกษตรกรรม เพื่อแยกประเภทที่ดินให้มีความชัดเจน ระหว่างที่ดินรกร้างว่างเปล่า กับที่ดินประเภทเกษตรกรรม
ที่ดินเกษตรกรรมมีกี่ประเภท
เกณฑ์ใหม่จะจำแนกประเภทเกษตรกรรมเป็น 3 ประเภท ประกอบด้วย
1. ที่ดินที่ใช้ประโยชน์ในการปลูกพืช
ชนิดพืช | อัตราขั้นต่ำของการประกอบการเกษตร (ต่อไร่) |
กล้วยหอม | 200 ต้น |
กล้วยไข่ | 200 ต้น |
กล้วยน้ำว้า | 200 ต้น |
กะท้อนเปรี้ยว | 25 ต้น |
กะท้อนพันธุ์ทับทิม | 25 ต้น |
กะท้อนพันธุ์ปุยฝ้าย | 25 ต้น |
กาแฟ | 170 ต้น |
กาแฟพันธุ์โรบัสต้า | 170 ต้น |
กาแฟพันธุ์อราบิก้า | 533 ต้น |
กานพลู | 20 ต้น |
กระวาน | 100 ต้น |
โกโก้ | 150-170 ต้น |
ขนุน | 25 ต้น |
เงาะ | 20 ต้น |
จำปาดะ | 25 ต้น |
จันทร์เทศ | 25 ต้น |
ชมพู่ | 45 ต้น |
ทุเรียน | 20 ต้น |
ท้อ | 45 ต้น |
น้อยหน่า | 170 ต้น |
นุ่น | 25 ต้น |
บ๊วย | 45 ต้น |
ปาล์มน้ำมัน | 22 ต้น |
ฝรั่ง | 45 ต้น |
พุทรา | 80 ต้น |
แพสชั่นฟรุ๊ต (เสาวรส) | 400 ต้น |
พริกไทย | 400 ต้น |
พลู | 100 ต้น |
มะม่วง | 20 ต้น |
มะพร้าวแก่ | 20 ต้น |
มะพร้าวอ่อน | 20 ต้น |
มะม่วงหิมพานต์ | 45 ต้น |
มะละกอ (ยกร่อง) | 100 ต้น |
มะละกอ (ไม่ยกร่อง) | 175 ต้น |
มะนาว | 50 ต้น |
มะปราง | 25 ต้น |
มะขามเปรี้ยว | 25 ต้น |
มะขามหวาน | 25 ต้น |
มังคุด | 16 ต้น |
ยางพารา | 80 ต้น |
ลิ้นจี่ | 20 ต้น |
ลำไย | 20 ต้น |
ละมุด | 45 ต้น |
ลางสาด | 45 ต้น |
ลองกอง | 45 ต้น |
ส้มโอ | 45 ต้น |
ส้มโอเกลี้ยง | 45 ต้น |
ส้มตรา | 45 ต้น |
ส้มเขียวหวาน | 45 ต้น |
ส้มจุก | 45 ต้น |
สตรอว์เบอร์รี | 10,000 ต้น |
สาลี่ | 45 ต้น |
สะตอ | 25 ต้น |
หน่อไม้ไผ่ตง | 25 ต้น |
หมาก (ยกร่อง) | 100-170 ต้น |
พืชกลุ่มให้เนื้อไม้ | 100 ต้น |
หมายเหตุ:
1) กรณีที่ไม่ปรากฏชนิดพืชตามบัญชีแนบท้ายนี้ ให้ใช้อัตราขั้นต่ำของการประกอบการเกษตรต่อไร่ โดยเทียบเคียงจากชนิดพืชที่มีลักษณะใกล้เคียงที่สุด
2) กรณีที่ไม่สามารถเทียบเคียงจากชนิดพืชที่มีลักษณะใกล้เคียงตาม 1) ได้ ให้พิจารณาตามลักษณะการประกอบการเกษตรในแต่ละท้องถิ่น
2. ด้านการเลี้ยงสัตว์
โค
ขนาด 7 ตารางเมตรต่อตัว
1 ตัวต่อ 5 ไร่
กระบือโตเต็มวัย
ขนาด 7 ตารางเมตรต่อตัว
1 ตัวต่อ 5 ไร่
แพะ-แกะโตเต็มวัย
ขนาด 2 ตารางเมตรต่อตัว
1 ตัวต่อ 1 ไร่
สุกรพ่อพันธุ์
คอกเดี่ยว ขนาด 7.5 ตารางเมตรต่อตัว
–
สุกรแม่พันธุ์
คอกเดี่ยว ขนาด 1.5 ตารางเมตรต่อตัว
–
สุกรอนุบาล
ขนาด 0.5 ตารางเมตรต่อตัว
–
สุกรขุน
ขนาด 1.5 ตารางเมตรต่อตัว
–
คอกคลอด
พื้นที่ไม่น้อยกว่า 6 ตารางเมตรต่อตัว
–
ซองอุ้มท้อง
พื้นที่ไม่น้อยกว่า 2 ตารางเมตรต่อตัว
–
สัตว์ปีกเลี้ยงปล่อย (เป็ดและไก่)
ขนาด 4 ตารางเมตรต่อตัว (ตามมาตรฐานปศุสัตว์อินทรีย์)
–
กวาง
ขนาด 2 ไร่ต่อตัว
–
หมูป่า
ขนาด 5 ตารางเมตรต่อตัว (เลี้ยงในโรงเรือน) หรือขนาด 0.25 ไร่ต่อตัว (เลี้ยงปล่อย)
–
ผึ้ง
–
บริเวณที่มีพืชอาหารเลี้ยงผึ้ง เช่น เกสร และน้ำหวานดอกไม้ที่สมดุลกับจำนวนรังผึ้ง
จิ้งหรีด
–
บริเวณพื้นที่เพียงพอและเหมาะสมกับขนาดและจำนวนบ่อ
หมายเหตุ:
1) กรณีที่ไม่ปรากฏชนิดสัตว์ตามบัญชีแนบท้ายนี้ ให้ใช้อัตราขั้นต่ำของการเลี้ยงปศุสัตว์และการเพาะเลี้ยงแมลงเศรษฐกิจและเกษตรอื่น ๆ โดยเทียบเคียงจากชนิดสัตว์ที่มีลักษณะใกล้เคียงที่สุด
2) กรณีที่ไม่สามารถเทียบเคียงจากชนิดสัตว์ที่มีลักษณะใกล้เคียงตาม 1) ได้ ให้พิจารณาตามลักษณะการเลี้ยงปศุสัตว์ และการเพาะเลี้ยงแมลงเศรษฐกิจและเกษตรอื่น ๆ ในแต่ละท้องถิ่น
3. การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ หรือทำการประมง
1) พื้นที่บ่อดิน บ่อปูน กระชังบก บ่อพลาสติก โรงเพาะฟัก หรือพื้นที่ที่ใช้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในลักษณะอื่นใด ที่ผู้ขุด ผู้สร้าง ผู้จัดทำ เจ้าของ หรือผู้ครอบครอง มีความมุ่งหมายโดยตรงที่ใช้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
2) ที่ดินที่เป็นพื้นที่ต่อเนื่องที่มีกิจกรรมใช้ประกอบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เช่น บ่อพักน้ำ บ่อบำบัดน้ำ คลองส่งน้ำ คลองระบายน้ำ คูน้ำ คันดินขอบบ่อ ถนน และให้รวมถึงสิ่งปลูกสร้างอื่นใดที่ใช้ประโยชน์เพื่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
ภาษีที่ดินว่างเปล่าเสียเท่าไหร่
ภาษีที่ดินว่างเปล่าจะต้องเสียในอัตรา ดังนี้
– มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท อัตราภาษี 0.3%
– มูลค่าเกิน 50-200 ล้านบาท อัตราภาษี 0.4%
– มูลค่าเกิน 200-1,000 ล้านบาท อัตราภาษี 0.5%
– มูลค่าเกิน 1,000-5,000 ล้านบาท อัตราภาษี 0.6%
– มูลค่าเกิน 5,000 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.7%
และเสียเพิ่ม 0.3% ทุก 3 ปี แต่รวมแล้วไม่เกิน 3%
กำหนดเกณฑ์ที่ดินรกร้าง-ที่ดินเกษตร
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังจะนำเกณฑ์กำหนดที่ดินประเภทเกษตรกรรมของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาพิจารณาร่วมด้วย สำหรับเกณฑ์ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ใช้ประกอบการพิจารณาขึ้นทะเบียนเกษตรกร การทำการเกษตร ได้แก่
1. การทำนาหรือทำไร่อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกันบนเนื้อที่ตั้งแต่ 1 ไร่ขึ้นไป
2. การปลูกผัก หรือการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ เพาะเห็ด ปลูกพืชอาหารสัตว์ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน เนื้อที่ตั้งแต่ 1 งานขึ้นไป
3. ปลูกไม้ผล หรือไม้ยืนต้น หรือการปลูกสวนป่า ปลูกป่าเศรษฐกิจแบบสวนเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน บนเนื้อที่ตั้งแต่ 1 ไร่ และมีจำนวนต้นตั้งแต่ 15 ต้นขึ้นไป
4. การปลูกไม้ผล หรือไม้ยืนต้นแบบสวนผสม อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน บนเนื้อที่ตั้งแต่ 1 ไร่ และมีจำนวนต้น 15 ต้นขึ้นไป
5. การเลี้ยงแม่โคนมตั้งแต่ 1 ตัวขึ้นไป
6. การเลี้ยงโค หรือกระบือ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน ตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป
7. การเลี้ยงสุกร แพะ หรือแกะ อย่างใดอย่างหนึ่งรวมกัน ตั้งแต่ 5 ตัวขึ้นไป
8. การเลี้ยงสัตว์ปีก ตั้งแต่ 50 ตัวขึ้นไป
9. การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
10. การทำนาเกลือสมุทร บนเนื้อที่ตั้งแต่ 1 ไร่ขึ้นไป
11. การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกัน
12. การเพาะเลี้ยงแมลงเศรษฐกิจและเกษตรอื่น ๆ อาทิ การเลี้ยงผึ้งพันธุ์ ผึ้งโพรง ชันโรง ครั่ง จิ้งหรีด ด้วงสาคู ไส้เดือนดิน ฯลฯ
13. การประกอบการเกษตรอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกัน นอกเหนือจากเกณฑ์ที่กำหนดตามข้อ 1-12 และมีรายได้ตั้งแต่ 8,000 บาท/ปีขึ้นไป
โดยจะมีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ และเจตนารมณ์ของกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางส่วนอาจเป็นไปตามเกณฑ์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บางส่วนอาจเป็นเกณฑ์ที่เข้มข้นกว่า หรือที่ผ่อนปรนมากกว่าก็มี สำหรับเกณฑ์ที่จะกำหนดขึ้นนี้จะแล้วเสร็จและประกาศใช้ทันระยะเวลาที่ขยายให้ท้องถิ่นรับชำระภาษี
แม้ว่าการเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จะดูยุ่งยากหลายขั้นตอน แต่การเสียภาษีนั้นเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคนตามบทกฎหมายไทยที่นอกจากจะเพิกเฉยไม่ได้ ยังต้องทำความเข้าใจเพื่อปฏิบัติให้ถูกต้องและถูกกฎหมาย
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ