บ้านทรงไทย 7 ข้อดี ตอบโจทย์การอยู่อาศัย ป้องกันความร้อนและน้ำท่วมได้

บ้านทรงไทย ถือเป็นอีกหนึ่งแบบบ้านที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ถึงแม้ในปัจจุบันจะไม่ฮอตฮิตเท่ากับแบบบ้านทรงอื่น ๆ แต่ก็ยังมีหลายครอบครัวที่ยังคงชื่นชอบบ้านสไตล์นี้อยู่ จากรูปแบบบ้านที่มีเอกลักษณ์และแสดงถึงความเป็นไทย

โดยในปัจจุบันก็ได้มีการนำบ้านทรงไทยมาประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัยกลายเป็นบ้านทรงไทยร่วมสมัย ที่มีความแข็งแรงมากขึ้น แต่ก็ยังเน้นฟังก์ชันการใช้งานของบ้านทรงไทยเอาไว้

ข้อดีของบ้านทรงไทยหลัก ๆ เลยนั้น คือ สามารถก่อสร้างได้ให้อยู่ในงบที่ประหยัดเพราะเป็นแบบบ้านชั้นเดียว นอกจากนั้นแบบบ้านทรงไทยยังเป็นเป็นแบบบ้านที่เหมาะสมกับสภาพอากาศของประเทศไทยมากที่สุด ซึ่งรูปแบบบ้านทรงไทยนั้นจะมีข้อดีอย่างไร และเหมาะสมกับสภาพอากาศในประเทศไทยขนาดไหน ลองตามมาดูกัน

หลายคนกำลังตั้งข้อสงสัยว่าทำไมบ้านทรงไทยถึงเป็นแบบบ้านที่เหมาะกับสภาพอากาศของประเทศไทยที่มีอากาศร้อนจัดตลอดทั้งปี ทั้งนี้เองอันดับแรกเลยต้องบอกว่าแบบบ้านทรงไทยทั่วไปนั้นนิยมใช้วัสดุหลักในการประกอบบ้านเป็นไม้ ซึ่งสามารถคลายความร้อนได้ดีกว่าวัสดุที่ทำมาจากคอนกรีตที่มีคุณสมบัติอมความร้อนสูงกว่าวัสดุประเภทไม้

ดังนั้น เมื่ออากาศร้อนจัดมาก ๆ พื้นไม้จะคลายความร้อนและเย็นตัวกว่าวัสดุอื่น ๆ ทำให้อุณหภูมิในบ้านเย็นตัวไปด้วย รวมไปถึงเรื่องโครงสร้างหลังคาทรงจั่วของแบบบ้านทรงไทยที่สูงกว่าแบบบ้านอื่น ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่ช่วยให้บ้านทรงไทยนั้นรับมือกับความร้อนได้

ด้วยพื้นที่โปร่งที่มีพื้นจรดเพดานที่สูง อย่างน้อย 35 องศาขึ้นไปตามสเปคของแบบบ้านทรงไทย จะช่วยให้บ้านสามารถกักเก็บมวลอากาศไว้ในบ้านได้และยังสามารถถ่ายเทอากาศได้ดี

นอกจากนั้นที่ความสูงดังกล่าวหลังคาทรงจั่วของบ้านทรงไทยยังเป็นเสมือนฉนวนกันความร้อน ในระยะห่างของผู้อาศัยกับหลังคาที่ไกลกันพอสมควรก็แทบไม่รู้สึกถึงไอร้อน ยิ่งถ้าหากใครที่ปลูกบ้านทรงไทยและติดตั้งฉนวนกันความร้อน หรือกระเบื้องหลังคาแบบสะท้อนความร้อนเข้าไปอีกรับรองว่าต่อให้ไม่เปิดแอร์ก็ยังไม่รู้สึกถึงรังสีความร้อน

ข้อดีที่เห็นได้ชัด ๆ นอกจากเรื่องความเย็นสบายภายในบ้านทรงไทยแล้วก็คือการประหยัดพลังงานนั่นเอง หากใครที่เคยไปสัมผัสกับบ้านทรงไทยก็จะคลับคล้ายคลับคลาว่าบ้านทรงไทยหลายๆ บ้านนั้นไม่ค่อยนิยมเปิดแอร์เท่าไหร่ นั่นก็เพราะข้อดีเหล่านี้ของบ้านทรงไทยนั่นเอง

ฤดูกาลของประเทศไทย จากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา ฤดูฝนจะเริ่มต้นประมาณกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม ในแง่ของบ้านทรงไทยสิ่งที่น่าเป็นห่วงในฤดูฝนมากที่สุด คือ เรื่องของโครงสร้างวัสดุส่วนใหญ่ที่เป็นไม้ ซึ่งปัญหาจะมาในรูปแบบของความชื้นที่อาจทำให้ไม้บวมได้ แต่หากบ้านไหนเลือกใช้ไม้จริงประเภทไม้สัก ไม้แดง ไม้มะค่า ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความแข็งแรง ทนทาน รับมือได้ทุกสภาพอากาศเลย

แต่ทั้งนี้นอกจากเรื่องโครงสร้างวัสดุดังกล่าวสิ่งที่เป็นจุดเด่นของบ้านทรงไทยและสามารถปกป้องทุกคนในครอบครัวให้รอดพ้นจากภัยพิบัติได้ก็คือใต้ถุนบ้านที่ยกขึ้นสูง เรียกได้ว่าบ้านทรงไทยบางหลังมีโครงสร้างใต้ถุนบ้านสูงกว่า 2 เมตรด้วยซ้ำไป

โดยเอกลักษณ์ของใต้ถุนบ้านนั้นถือเป็นสิ่งที่คู่กับบ้านทรงไทยมาช้านาน จุดประสงค์หลักเพื่อเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของคนในบ้าน จากอากาศที่ถ่ายเทสะดวกเหมือนเป็นที่กักเก็บมวลอากาศเอาไว้

แต่ด้วยความสูงของใต้ถุนบ้าน อีกหนึ่งข้อที่ถือเป็นข้อดีก็คือเมื่อเกิดน้ำท่วมขังข้าวของภายในบ้านก็จะไม่เสียหาย และทำให้ทุกชีวิตภายในบ้านสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายภายในบ้าน นอกจากนั้นยังปลอดภัยจากอันตรายจากสัตว์ที่มากับน้ำด้วย

ใครที่โครงสร้างบ้านไม่มีใต้ถุนบ้านก็ต้องหาวิธีรับมือกับสัตว์ร้ายเหล่านี้ แต่สำหรับบ้านทรงไทย หากเกิดน้ำท่วมขังจริงเพียงปิดประตูและหน้าต่างบ้านให้มิดชิดก็ไม่ต้องกลัวสัตว์ร้ายเข้ามาในบ้านเลย ไม่ว่าจะเป็นแมลง หรือ สัตว์มีพิษ เพราะด้วยความสูงระดับที่น้ำไม่สามารถเข้าถึงตัวบ้านจะทำให้สัตว์ร้ายไม่มีช่องทางที่จะเข้ามาในตัวบ้านได้เลย

สำหรับใครที่ไม่ชอบแบบบ้านทรงไทยก็สามารถมองหาที่ดิน เพื่อปลูกบ้านสไตล์อื่น ๆ แบบยกระดับพื้นบ้านขึ้นมาเพื่อป้องกันอุทกภัยก็ได้หรือถ้าไม่อยากลงทุนสร้างเองกลัวงบประมาณบานปลายก็ลองมองหาทำเลดี ๆ

สำหรับโครงการบ้านจัดสรรใหม่ ๆ ที่มีเทคโนโลยีกันความร้อน และตั้งอยู่บนทำเลที่น้ำท่วมไม่ถึง หรืออาจจะมองหาที่อยู่อาศัยแนวสูงสไตล์คอนโด ไปเลยสำหรับครอบครัวที่ไม่ใหญ่มาก เพราะเรื่องความปลอดภัยจากอุทกภัยเป็นเรื่องที่คาดการณ์ไม่ได้

ดังนั้น ผู้ที่กำลังคิดขยับขยายที่อยู่อาศัยจะต้องคำนึงเรื่องสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมภายในประเทศไทยเป็นหลักด้วย