รีไฟแนนซ์บ้าน ทำอย่างไร 8 ขั้นตอน ค่าใช้จ่าย และเอกสารที่ใช้

DDproperty Editorial Team
รีไฟแนนซ์บ้าน ทำอย่างไร 8 ขั้นตอน ค่าใช้จ่าย และเอกสารที่ใช้
รีไฟแนนซ์บ้าน คือ วิธีลดภาระการผ่อนบ้าน เป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมอันดับต้น ๆ สำหรับคนที่กำลังผ่อนบ้านมาได้สักระยะหนึ่ง แล้วรู้สึกว่าตนเองประสบปัญหาในการแบกภาระค่าใช้จ่ายการผ่อนบ้านแต่ละเดือนที่มากขึ้น มาดูว่ารีไฟแนนซ์บ้าน คืออะไร เอกสารที่ต้องใช้ขอรีไฟแนนซ์บ้าน ขั้นตอนรีไฟแนนซ์บ้าน และการขอรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่ ต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
อ่านหัวข้อที่คุณสนใจ

รีไฟแนนซ์บ้าน คืออะไร

การรีไฟแนนซ์บ้าน ถ้าพูดกันให้เข้าใจโดยง่าย คือ การกู้ยืมสินเชื่อบ้านก้อนใหม่ โดยนำบ้านที่กำลังผ่อนอยู่มาค้ำประกันเพื่อขอกู้ยืมสินเชื่อ ซึ่งผู้ขอกู้จะได้รับเงินก้อนใหม่เพื่อมาปิดภาระสินเชื่อเดิม
โดยจุดประสงค์หลัก ๆ ของการรีไฟแนนซ์บ้าน มีดังนี้
จุดประสงค์ของการรีไฟแนนซ์บ้านประโยชน์ที่ได้
ต้องการลดดอกเบี้ย ผ่อนบ้านต่อเดือนได้ในจำนวนเงินที่น้อยลง เพิ่มระยะเวลาในการผ่อนมากขึ้น
ต้องการเงินก้อนมาใช้ในกรณีฉุกเฉิน ได้เงินกู้มากกว่าวงเงินเดิม สามารถนำเงินส่วนต่างมาใช้ในสิ่งที่ต้องการได้
ต้องการย้ายไปธนาคารอื่นที่มีข้อเสนอดีกว่า ได้อัตราดอกเบี้ยถูกกว่าธนาคารเดิม
ทั้งนี้ การรีไฟแนนซ์บ้าน สามารถรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมหรือรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารใหม่* ก็ได้ และสามารถรีไฟแนนซ์บ้านได้ทุก ๆ 3 ปี โดยไม่ต้องรอจนถึงตอนที่เดือดร้อนจนสายเกินแก้
ทั้งนี้ การรีไฟแนนซ์บ้าน สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ตามปกติ เนื่องจากการรีไฟแนนซ์ก็ถือเป็นสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยประเภทหนึ่ง ซึ่งเข้าเงื่อนไขการลดหย่อนภาษีตามที่กรมสรรพากรกำหนด โดยสามารถนำดอกเบี้ยที่จ่ายจริงมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาทต่อปี
*ข้อควรรู้: โดยทั่วไปคนมักจะคุ้นชินกับคำว่า "รีไฟแนนซ์บ้านเจ้าเดิม" หรือ "รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม" ความจริงแล้ว ควรเรียกว่า การรีเทนชั่น หรือ การปรับปรุงสัญญากับธนาคารเดิมเพื่อลดอัตราดอกเบี้ยเสียมากกว่า ซึ่งก็เป็นสิ่งที่จูงใจที่ทำให้ผู้ใช้บริการเลือกใช้ธนาคารเจ้าเดิมต่อ เพราะถึงแม้ว่าอาจจะได้ลดอัตราดอกเบี้ยไม่ต่ำเท่ากับธนาคารอื่น
แต่ข้อดีคือ ไม่ต้องเสียเวลายุ่งยากและเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่อาจจะมากกว่างบที่ตั้งใจไว้ แนะนำสำหรับลูกหนี้ชั้นดีที่มีประวัติการชำระที่ดี เช่น ชำระตรงเวลาและไม่เคยเบี้ยวนัด
Retention vs Refinance

Retention vs Refinance

รีไฟแนนซ์บ้าน ใช้เอกสารอะไรบ้าง

เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการรีไฟแนนซ์บ้าน แบ่งเป็น 2 กรณี

1. ปรับปรุงสัญญาธนาคารเดิม

เนื่องจากว่าธนาคารเดิมที่เราใช้บริการอยู่มีประวัติทางการเงินและเอกสารต่าง ๆ ที่เราเคยใช้เพื่อยื่นกู้ซื้อบ้านในตอนแรกแล้ว ฉะนั้นเพียงแค่แจ้งความประสงค์ต้องการลดอัตราดอกเบี้ย ผ่านทางหน้าเคาน์เตอร์ธนาคารหรือ Call Center จากนั้นรอให้ธนาคารประเมินและแจ้งกลับถึงจำนวนอัตราดอกเบี้ยที่สามารถลดได้ เป็นอันเสร็จ
หมายเหตุ: บางธนาคารอาจมีเงื่อนไขเพิ่มเติม แนะนำให้ศึกษาธนาคารนั้น ๆ โดยตรง

2. รีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่

อันที่จริงแล้วการรีไฟแนนซ์บ้านโดยย้ายจากธนาคารเดิมไปธนาคารแห่งใหม่ก็ไม่ต่างอะไรกับการยื่นกู้เพื่อขอสินเชื่อบ้านใหม่ โดยเอกสารหลัก ๆ ที่ต้องเตรียม ได้แก่
  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนพร้อมบัตรประชาชนจริง (กรณีเปลี่ยนชื่อ/นามสกุล ให้เตรียมสำเนาและฉบับจริงของชื่อเดิมด้วย)
  • สำเนาทะเบียนบ้านพร้อมต้นฉบับที่ถ่ายสำเนาทุกหน้า
  • สำเนาพร้อมต้นฉบับบัญชีธนาคารย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน
  • สำเนาสลิปเงินเดือนพร้อมฉบับจริงย้อนหลังอย่างน้อย 3 เดือน
  • หากประกอบอาชีพอิสระ วิธีการแสดงรายได้ คือ ให้นำต้นฉบับและสำเนาบัญชีเงินฝากแสดงรายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน และใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ มาแทน
  • สำเนาพร้อมต้นฉบับแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ประจำปีหรือหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ)
  • สำเนาใบเสร็จรับเงินการผ่อนชำระบ้านย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน
  • สัญญาซื้อขาย
  • โฉนดบ้านหรือที่ดิน
  • ภาพถ่ายเพื่อแสดงกรรมสิทธิ์หลักประกัน
  • สำเนาหนังสือสัญญากู้กับสถาบันการเงินปัจจุบัน
หมายเหตุ:
– หากมีการจดทะเบียนสมรส ให้นำต้นฉบับและสำเนาของทะเบียนสมรสมาแนบด้วย กรณีแยกกันอยู่ก็จะต้องมีสำเนาและต้นฉบับใบแจ้งความแยกกันอยู่ด้วย
– หากมีผู้กู้ร่วม ผู้กู้ร่วมทุกคนจะต้องจัดเตรียมเอกสารตามรายละเอียดข้างต้นเช่นเดียวกัน
ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์

รีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่ มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

หลัก ๆ แล้วค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่ นอกจาก ค่าเบี้ยปรับจากการไถ่ถอนก่อนกำหนดกับสถาบันการเงินเดิม (ก่อนครบ 3 ปี) 1-5% ของวงเงินกู้เดิมหรือวงเงินต้นคงเหลือ (บางธนาคารอาจไม่คิดค่าเบี้ยปรับ ควรสอบถามเพิ่มเติม) ก็จะมีรายละเอียดที่ไม่แตกต่างกันมากนัก
โดยอาจจะมีเงื่อนไขที่เพิ่มขึ้นมาขึ้นอยู่กับธนาคารที่เลือก ซึ่งเราจะยกมาให้ดูกันพอสังเขปเพื่อเป็นการเตรียมตัวเตรียมใจ ดังนี้
  • ค่าจัดการสินเชื่อตามสัญญาใหม่ 0-1% ของวงเงินกู้ใหม่
  • ค่าธรรมเนียมการจำนอง ไม่เกิน 1% ราคาประเมิน
  • ค่าประเมินทรัพย์สินหรือค่าประเมินราคาหลักประกัน ประมาณ 2,500 บาท หรือ 0.25% ของราคาประเมิน
  • ค่าจำนองที่ดิน 1% ของวงเงินสินเชื่อ
  • ค่าอากรแสตมป์ อัตรา 0.05% ของวงเงินกู้ใหม่
  • ค่าประกันอัคคีภัย
นอกจากนี้ควรเตรียมเงินสำรองไว้เผื่อค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อาทิ ค่าออกเช็ค ค่านิติกรรม ส่วนต่างวงเงินสินเชื่อในกรณีที่ได้รับเงินไม่ครอบคลุม เป็นต้น
ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่อยากให้พิจารณาค่าใช้จ่ายยิบย่อยที่จะเกิดขึ้นเหล่านี้ด้วยว่าคุ้มเสียกับการที่เราได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงมาหรือไม่

ขั้นตอนในการรีไฟแนนซ์บ้าน

มาถึงขั้นตอนในการรีไฟแนนซ์บ้านกันบ้าง เริ่มจาก
1. ติดต่อกับธนาคารเดิมเพื่อขอรายการสรุปยอดหนี้สินเชื่อบ้าน โดยค่าใช้จ่ายในขั้นนี้ขึ้นอยู่กับธนาคารนั้น ๆ บางธนาคารอาจไม่มีค่าใช้จ่าย
2. หลังจากได้รายการยอดหนี้ที่ต้องการแล้วก็นำเอกสารดังกล่าวไปยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่ (ในกรณีที่คุณพิจารณาแล้วว่าการรีเทนชั่นอาจจะคุ้มกว่าก็สามารถยื่นกับธนาคารเดิมได้)
3. ไม่ต่างกับการกู้ซื้อบ้านที่เคยทำในช่วงแรก เจ้าหน้าที่จะต้องมาประเมินบ้านหรือทรัพย์สินที่เราต้องการรีไฟแนนซ์
4. รอฟังผลการอนุมัติจากธนาคาร
5. หากได้รับการอนุมัติสินเชื่อแล้ว เดินหน้าติดต่อกับธนาคารเก่านัดวันไถ่ถอนที่สำนักงานที่ดิน นำเอกสารไปไถ่ถอนบ้านจากสินเชื่อเดิม คิดยอดที่ต้องจ่ายเป็นเงินต้นบวกดอกเบี้ย (นับจนถึงวันไถ่ถอน)
6. ติดต่อกับธนาคารใหม่ที่ต้องการรีไฟแนนซ์บ้าน เพื่อทำสัญญาสินเชื่อใหม่ โดยนัดวันทำสัญญาและโอนบ้านที่ใช้จำนอง อย่าลืมนัดทั้ง 2 ธนาคารมาภายในวันเดียวกัน เพื่อชำระหนี้
7. ไปที่สำนักงานที่ดิน ณ เขตที่ตั้งของทรัพย์สิน เพื่อทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์ โดยมีเจ้าหน้าที่จากทั้ง 2 ธนาคารไปด้วย
8. ขั้นตอนสุดท้าย มอบโฉนดที่ได้มาจากสำนักงานที่ดินให้กับธนาคารใหม่ เป็นอันเสร็จสิ้น
ข้อควรรู้: บางครั้งเราอาจจะได้รับสินเชื่อใหม่ในราคาที่สูงกว่าราคาไถ่ถอน ในกรณีนี้ครั้งแรกจะได้รับเช็ค 2 ใบ เป็นเช็คสำหรับไถ่ถอน และครั้งต่อมาจะได้ เช็คส่วนต่าง
เช็คส่วนต่างนี้เราจะสามารถนำไปใช้จ่ายอย่างอื่นได้ เช่น การรีโนเวทบ้าน การซ่อมแซมบ้าน หรือภาระหนี้สินอื่น ในขณะเดียวกันหากได้สินเชื่อใหม่ที่น้อยกว่าราคาไถ่ถอน อย่าลืมพกเงินสำรองเพื่อจ่ายเพิ่มตอนที่ทำการรีไฟแนนซ์บ้านเช่นเดียวกัน
แม้ว่าการรีไฟแนนซ์บ้านจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยลดภาระการผ่อนบ้าน โดยจุดประสงค์ของการรีไฟแนนซ์บ้านคือต้องการได้อัตราดอกเบี้ยบ้านที่ต่ำลงก็จริง
แต่อย่ามองเพียงแค่อัตราดอกเบี้ย ณ ขณะนั้น เพราะหลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าโดยทั่วไปดอกเบี้ยบ้านจะอยู่ในสภาวะลอยตัว คือ มีอัตราที่ต่ำเฉพาะในช่วง 3 ปีแรกของการกู้เท่านั้น
อีกทั้งในการรีไฟแนนซ์บ้านโดยเฉพาะการรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารใหม่ก็จะมีค่าใช้จ่ายมากมายซึ่งคุณควรนำมาพิจารณาร่วมด้วยเช่นเดียวกัน
แต่ถ้าหากคุณกำลังมองหาจังหวะในการรีไฟแนนซ์บ้านอย่างจริงจังก็แนะนำให้อัปเดตอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน กู้ซื้อบ้าน รวมถึง อัปเดตอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อบ้าน MLR MOR MRR ก่อนตัดสินใจ จะได้เลือกธนาคารที่ตอบโจทย์ความต้องการได้มากที่สุด
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น DDproperty by PropertyGuru ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออลพร็อพเพอร์ตี้ มีเดีย จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ

คำถามยอดนิยม

รีไฟแนนซ์บ้าน คือ การกู้ยืมสินเชื่อบ้านก้อนใหม่ โดยนำบ้านที่กำลังผ่อนอยู่มาค้ำประกันเพื่อขอกู้ยืมสินเชื่อ ซึ่งผู้ขอกู้จะได้รับเงินก้อนใหม่เพื่อมาปิดภาระสินเชื่อเดิม

สามารถรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม จะเรียกว่าการรีเทนชั่น หรือรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารใหม่ก็ได้ โดยสามารถรีไฟแนนซ์บ้านได้ทุก ๆ 3 ปี

ได้ สามารถรีไฟแนนซ์บ้านเพิ่มวงเงิน คือ การขอสินเชื่อใหม่กับสถาบันการเงินเพื่อนำไปชำระหนี้บ้านเดิม พร้อมขอวงเงินเพิ่มเติมจากมูลค่าบ้านที่เพิ่มขึ้น เพื่อใช้เป็นเงินสดสำหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ปรับปรุงบ้าน ลงทุน หรือสำรองเงินฉุกเฉิน

การรีไฟแนนซ์และรีเทนชั่นมีจุดประสงค์เดียวกันคือการได้เงื่อนไขดอกเบี้ยสินเชื่อที่ดีขึ้น แต่วิธีการแตกต่างกัน

ปกติแล้วการรีไฟแนนซ์บ้าน ธนาคารจะให้วงเงินสูงสุดที่ 95% ของราคาประเมิน