หลังจากประกาศดีเดย์ 1 เม.ย 60 ค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้น ใครบ้างโดนกระทบ?

Araya 6 เม.ย. 2561

หลังจากประกาศดีเดย์ 1 เม.ย ค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้น ใครบ้างโดนกระทบ?

ไฮไลท์…
– ผู้ประกอบการที่ใช้แรงงานเป็นหลัก โดนผลกระทบต้นทุนสูงขึ้น 0.5%
– ไตรมาส 2 ผู้ประกอบการรับสร้าง อาจต้องปรับราคาเพิ่มขึ้น 5% เพราะแบกรับต้นทุนแรงงานและวัสดุก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้น
– ค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจไทยขยายตัว 4.0% อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 1.1%
– ค่าแรงขึ้นต่ำในพื้นที่ EEC มีอัตราสูงสุด อยู่ที่ 325-330 บาท/วัน

[สกู๊ปพิเศษ] หลังจากประกาศใช้เรทอัตราค่าแรงขั้นต่ำใหม่เฉลี่ย 315 บาท/วันทั่วประเทศ ไปเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา เรียกว่าเหล่าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากการประกาศใช้นโยบายดังกล่าวต่างเจอผลกระทบไม่มากก็น้อย เริ่มตั้งแต่ผู้รับเหมาตลอดไปถึงกลุ่มผู้บริโภค จนทำให้หลายฝ่ายเกิดความวิตกกังวลว่าจะส่งผลต่อราคาขายที่อยู่อาศัยแพงขึ้นหรือไม่ เพราะทุกวันนี้บ้าน-คอนโดฯ-ทาวน์เฮ้าส์ ปรับตัวสูงขึ้นตามปัจจัยราคาที่ดิน ซึ่งฝั่งของผู้ประกอบการอสังหาฯ ต่างทยอยออกมายืนยันแล้วว่าจะยังคงตรึงราคาเท่าเดิม เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

ค่าแรงเพิ่ม ภาคธุรกิจอสังหาฯ เจอภาวะทุนสูงขึ้น
กรณีที่มีการอนุมัตินโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจากเดิม 300-310 บาท/วัน หรือเฉลี่ย 305.44 บาท/วัน มาเป็น 308-330 บาท/วัน หรือเฉลี่ย 315.97 บาท/วัน จึงทำให้ศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทยได้ออกมาวิเคราะห์ถึงปรากฎการณ์นี้แล้วว่าส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องเผชิญต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น 0.4% ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจะเป็นภาคธุรกิจอุสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น (Labor-intensive) เฉลี่ยแล้วต้องพบต้นทุนสูงขึ้นกว่าธุรกิจอื่นๆ 0.5% ซึ่งได้แก่ธุรกิจค้าปลีกส่ง ธุรกิจร้านอาหารและที่พัก ธุรกิจผลิตสิ่งทอเครื่องนุ่งห่มและเฟอร์นิเจอร์ ธุรกิจภาคเกษตรกรรม รวมถึงธุรกิจก่อสร้าง ที่ต้องเผชิญกับการขอเพิ่มทุนค่าแรงจากผู้รับเหมา 2-3%

แน่นอนว่านโยบายการปรับค่าแรงขั้นต่ำนี้ ผู้ประกอบการอสังหาฯ ต้องแบกรับต้นทุนที่ปรับตัวตามด้วยเช่นกัน แต่สืบเนื่องจากการร่างนโยบายดังกล่าวได้มีขึ้นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา จึงทำให้มีการวางแผนรับมือล่วงหน้า ประกอบกับโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ได้ถูกทำสัญญาก่อสร้างเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นในปีนี้ยังคงไม่เห็นการขึ้นราคาของอสังหาฯ ตามที่หลายคนกังวล

ผู้ประกอบการรายย่อยที่ใช้แรงงานเป็นหลัก ต้องเผชิญต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้น

ผู้ประกอบการรายย่อยที่ใช้แรงงานเป็นหลัก ต้องเผชิญต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้น

ผู้ประกอบการ ใช้แรงงานเป็นหลัก รับผลกระทบทางตรง
แม้ว่าการเตรียมพร้อมรับมือการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของผู้ประกอบการอสังหาฯ ในปีนี้จะไม่เห็นผลกระทบมากเท่าไรนักในกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ เนื่องจากส่วนใหญ่หันมาใช้พรีคาสท์มาใช้ในการสร้างที่อยู่อาศัยค่อนข้างมาก ซึ่งช่วยลดต้นทุนและค่าแรง แต่สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการรายเล็ก หรือเน้นใช้แรงงาน การตรึงราคาอสังหาฯ อาจต้องมีการเปลี่ยนแปลง สืบเนื่องจากผู้รับเหมาต้องแบกรับภาระกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่เพิ่งประกาศให้ขึ้นทะเบียน ซึ่งกลุ่มนี้เป็นแรงงานไม่ต้องใช้ฝีมือมาก เน้นออกแรง โดยจะได้รายได้ต่อวันตามแรงงานขั้นต่ำที่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนกลุ่มแรงงานก่อสร้างที่เป็นกลุ่มพึ่งพิงแรงงานกึ่งมีฝีมือ (Semi-Skilled Labors) จะเป็นแรงงานไทย อันได้แก่ ช่างปูกระเบื้อง ช่างไม้ ช่างปูน ช่างทาสี กลุ่มนี้โดยกติจะได้ค่าแรงค่อนข้างสูงประมาณ 400-500 บาท/วัน

ทั้งนี้เพื่อรักษาระดับความต่างของทั้ง 2 กลุ่มแรงงาน คือ แรงต่างต่างด้าว (ไร้ฝีมือ) และแรงงานไทย (มีฝีมือ) จึงจำเป็นต้องปรับให้สูงขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับอัตราแรงงานขั้นต่ำใหม่ เหตุนี้จึงอาจทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยที่ใช้แรงงานเป็นหลักอาจต้องมีการปรับราคาที่อยู่อาศัยใหม่ โดยมีการคาดการณ์ราคาของที่อยู่อาศัยจากสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านในไตรมาส 2 จะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้น 5% เนื่องจากรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นทั้งแรงงาน และวัสดุก่อสร้าง 

หวั่นเกิดภาวะเงินเฟ้อ จากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

หวั่นเกิดภาวะเงินเฟ้อ จากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

ค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้น กับการเกิดภาวะเงินเฟ้อ
แม้ว่าการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะส่งผลดีโดยตรงกับกลุ่มผู้ใช้แรงงาน เนื่องจากช่วยลดภาระปัญญารายจ่ายในครัวเรือนไปได้ แต่ในขณะเดียวกัน การปรับขึ้นค่าแรงนี้อาจทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการในส่วนของแรงงานเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการบางรายผลักภาระดังกล่าวไปที่ราคาของสินค้าและการบริการ ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรฯ ได้วิเคราะสถานการณ์ดังกล่าวแล้วว่า ระดับราคาสินค้าและบริการของผู้บริโภคในปี 2561 เพิ่มขึ้นราว 0.06% เมื่อเทียบกับตอนที่ไม่มีการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ส่วนการส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจนั้น ทำให้เกิดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย 4.0% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยในปี 2561 ที่ 1.1%

ดังนั้นจึงกล่าวโดยสรุปว่าการเกิดภาวะค่าแรงปรับเพิ่มขึ้นนั้น จะผลกระทบต่อเงินเฟ้อมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับการเพิ่มขึ้นของรายได้เฉลี่ยของแรงงาน รวมถึงภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้นเป็นหลัก โดยการปรับขึ้นค่าแรงนี้จะมีอัตราแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ สืบเนื่องจากจะคำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจสังคมของพื้นที่นั้นเป็นปัจจัยสำคัญ อย่างในกรณีเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) จะมีการปรับขึ้นค่าแรงสูงกว่าที่อื่น เนื่องจากเป็นพื้นที่ศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่ต้องระวังแม้ว่าขณะนี้จะยังไม่เห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นเท่าไรนัก แต่อาจจะมีผู้ประกอบการบางรายฉกฉวยโอกาสดังกล่าวขึ้นราคาสินค้า จนทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อนและได้รับผลกระทบจากภาวะดังกล่าว

เรื่องข้างต้นเขียนโดย อารยา ศิริพยัคฆ์  Senior Digital Content Producer ประจำเว็บไซต์ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ araya@ddproperty.com

ทั้งนี้ก่อนตัดสินใจซื้อหรือขายหรือให้เช่าหรือเช่าอสังหาฯ ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งอีกหนึ่งแหล่งที่น่าสนใจคือรายงานดัชนีอสังหาฯ DDproperty Property Index  และ
รายงานภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ DDproperty Property Market Outlook 

อัพเดท ข่าวอสังหาริมทรัพย์ สดใหม่ทุกวัน พร้อมส่งตรงถึงอีเมล์ของคุณฟรี สมัครได้ที่นี่ หรือหากคุณกำลังมองหาบ้านคอนโด ก็สามารถเลือกชม โครงการใหม่ พร้อม รีวิวโครงการคอนโดใหม่ บ้านใหม่ หลากหลายทำเลและราคาได้เช่นกัน

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ

ค่าแรงขั้นต่ำสะเทือนราคาบ้าน เตรียมปรับราคาขึ้น 5%

เมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการกำหนดอัตราค่า

อ่านต่อ31 ม.ค. 2561

สคบ. คุมเข้มเก็บค่าน้ำ-ค่าไฟ หอพักทั่วประเทศ ฝ่าฝืนปรับ 1 แสนบาท

จากการที่ประชาชนร้องเรียนต่อสคบ. เกี่ยวกับความไม่เป็นธรรมของผู้ประกอ

อ่านต่อ3 เม.ย. 2561