นักวิเคราะห์มองธุรกิจร้านชำ (Grocery Store) ในเมืองไทยแข่งขันเดือด แต่เป็นการแข่งขันในกลุ่มผู้เล่นรายใหญ่ๆ คาดโอกาสจะได้เห็นดีลทางธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มขึ้นในอนาคต
จากบทวิเคราะห์ภาวะการแข่งขันของธุรกิจ Grocery Store ล่าสุดโดยศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจของ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB EIC ระบุว่าภาพรวมของธุรกิจ Grocery Store ของไทยในปัจจุบันยังคงเติบโตได้ดี โดยความนิยมของธุรกิจร้านชำในรูปแบบร้านสะดวกซื้อนั้นมีมากขึ้น สวนทางกับรูปแบบร้านชำขนาดใหญ่ เช่น ไฮเปอร์มาร์เก็ตและซุปเปอร์มาร์เก็ต การแข่งขันระหว่างร้านชำรูปแบบต่างๆ ที่รุนแรงขึ้นนี่เอง ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวด้านธุรกิจไม่ว่าจะเป็นการขยายข้ามเซ็กเมนต์ การเปลี่ยนแปลงรูปแบบสินค้าภายในร้านให้ตอบโจทย์มากขึ้น หรือการหารายได้อื่นๆ มาชดเชยการเติบโตยอดขายที่ช้าลง
บทวิเคราะห์ดังกล่าวระบุว่าธุรกิจร้านชำในรูปแบบของร้านสะดวกซื้อนั้นถือเป็นโมเดลที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากที่สุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา (2552-2556) โดยยอดขายของร้านสะดวกซื้อไทยมีการเติบโตกว่า 14% ต่อปี ในขณะที่โมเดลที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมา เช่น ไฮเปอร์มาร์เก็ตและซุปเปอร์มาร์เก็ตมียอดขายและสาขาเติบโตเพียง 6% ต่อปี เนื่องจากผู้บริโภคนิยมความสะดวกสบายมากขึ้น ในขณะที่ผู้ประกอบการร้านสะดวกซื้อค่อนข้างกระตือรือร้นในการทำโฆษณา เพิ่มความหลากหลายของสินค้า และลดช่องว่างความแตกต่างระหว่างซุปเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อให้ลดลงโดยการเพิ่มอาหารพร้อมทานหรือแม้แต่อาหารปรุงสด ยิ่งทำให้ร้านสะดวกซื้อสามารถดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตามการเปิดสาขาของร้านสะดวกซื้อในปัจจุบันมีการเติบโตเพียง 7% ต่อปีเท่านั้น ซึ่ง SCB EIC มองว่ายังมีช่องว่างให้ผู้ประกอบการหลายรายเข้ามาลงทุนเพิ่มเติมในโมเดลขนาดเล็กแบบนี้ได้อีกมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นผู้ประกอบการจากเซ็กเมนต์อื่นๆ เร่งขยายสาขาโมเดลร้านสะดวกซื้อกันอย่างคับคั่ง
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจร้านชำในรูปแบบไฮเปอร์มาร์เก็ตไม่ค่อยมีการเปิดตัวใหม่ นั่นเป็นเพราะมีข้อจำกัดทางด้านพื้นที่ในด้านกฎหมายผังเมืองและการหาพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นไปได้ยากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายตัดสินใจเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำธุรกิจจากการเน้นขยายแต่ไฮเปอร์มาร์เก็ตมาเป็นการเน้นเพิ่มพื้นที่ขายของซุปเปอร์มาร์เก็ตแทนเพื่อจะได้เพิ่มความหลากหลายของสินค้าที่นำเสนอได้มากขึ้น
อย่างไรก็ดี บทวิเคราะห์ได้ตั้งข้อสังเกตว่าหากผู้ประกอบการในกลุ่มซุปเปอร์มาร์เก็ตยังเน้นขยายสาขาและขนาดของซุปเปอร์มาร์เก็ตอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภคที่หันไปชื่นชอบความสะดวกสบายและความเข้าถึงได้ง่าย โดยการปรับเปลี่ยนสินค้าที่นำเสนอให้ตอบโจทย์ดังกล่าว เซ็กเมนต์ซุปเปอร์มาร์เก็ตอาจจะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบในด้านยอดขายและผลกำไรมากที่สุด
ทั้งนี้ SCB EIC คาดว่าตลาด Grocery Store มีแนวโน้มเติบโตขึ้นราว 7-8% ต่อปี โดยการแข่งขันนั้นจะยังคงเป็นในกลุ่มของผู้ประกอบการรายใหญ่ อย่างบิ๊กซีและเทสโก้โลตัส หรือเซเว่นอีเลฟเว่น สำหรับผู้ที่เข้ามาเป็นคู่แข่งในตลาดได้นั้นจะมาผ่านการเข้าซื้อกิจการ (M&A) การเข้ามาร่วมทุน (Joint Venture) ซึ่ง SCB EIC มองว่าต่อไปน่าจะเห็นดีลในธุรกิจนี้เพิ่มมากขึ้น
ภาพ: เทสโก้ โลตัส โดย Paul Ancheta via flickr
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com
อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่