VMPC แนะจับตาโซนตะวันออกขึ้นทำเนียบทำเลฮอตอสังหาฯ ปี 59 หลังภาครัฐเดินหน้าลงทุนโปรเจคใหญ่เพียบหวังดันเป็นเมืองท่าแห่งอาเซียน เผยต้นปีเตรียมเปิดขายบ้านจัดสรรแบรนด์ “แอสเทรา” เพิ่มย่านพระราม 2
นายปริญญา เธียรวร (ภาพ) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี.เอ็ม.พี.ซี. จำกัด (VMPC) เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้เก็บข้อมูลเพื่อวิเคราะห์ถึงแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2559 พบว่า ในปีหน้าจะยังคงมีทั้งปัจจัยบวกและลบในภาคเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ ก็คือความผันผวนและชะลอของเศรษฐกิจโลก ทำให้ภาคอสังหาฯในกรุงเทพฯ และหัวเมืองต่างๆ จะชะลอตัวลง แต่ยังคงมีปริมาณซัพพลายที่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคในปีหน้า ในขณะที่ปัญหาหนี้ครัวเรือนยังคงเป็นปัญหาหลัก ส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยเซ็กเมนต์ระดับกลางถึงล่างยังคงชะลอตัว ถึงแม้จะมีมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อจากภาครัฐ อย่างไรก็ดี ในส่วนของที่อยู่อาศัยระดับบนจะยังคงมีการขยายตัวและเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจอาจไม่กระทบต่อกำลังซื้อของกลุ่มนี้มากนัก
สำหรับทำเลที่น่าจับตาในหัวเมืองหลักๆ ของประเทศนั้น ได้แก่ โซนภาคตะวันออก และภาคอีสาน เนื่องจากจะมีการลงทุนในระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ของภาครัฐที่มีมูลค่าหลายแสนล้านในปีหน้า และจะส่งผลต่อการลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในทำเลใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน
สำหรับปัจจัยที่จะหนุนให้โซนภาคตะวันออกมีการเติบโตนั้น อาทิ การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบใหม่รวมถึงการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้เกิดการลงทุนที่มากขึ้นในโซนตะวันออก, แผนการขยายท่าเรือแหลมฉบังเพื่อเพิ่มศักยภาพการขนส่งทุกโหมดเพื่อก้าวสู่การเป็น “ฮับโลจิสติกส์” ของอาเซียน, โครงการความร่วมมือระหว่างไทย-จีนเพื่อก่อสร้างรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร เส้นทางหนองคาย-โคราช-แก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด ระยะทาง 873 กิโลเมตร โดยจะเริ่มก่อสร้างในปี 2559 รวมถึงความคืบหน้าของการก่อสร้างมอเตอร์เวย์เข้าสู่แหลมฉบัง และแผนการสร้างสนามบินอู่ตะเภา การจัดสร้างอาคารผู้โดยสารใหม่ ในพื้นที่กว่า 65 ไร่ ที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นถึง 3 ล้านคนต่อปีหรือ 1,500 คนต่อชั่วโมง ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ภายในเดือนมิถุนายน 2559 นี้
“จากปัจจัยบวกของภาคอุตสาหกรรม การลงทุน และการท่องเที่ยวที่ยังมีแนวโน้มสดใสเมื่อเทียบกับเซ็กเตอร์อื่นๆ นับเป็นกลไกที่สำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในปีหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดที่อยู่อาศัยในภาคตะวันออกทั้งระยอง-ชลบุรี จะมีการเติบโตอย่างคึกคัก โดยชลบุรีถือเป็นจังหวัดที่ถูกจัดว่ามีขนาดของตลาดอสังหาริมทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ จากข้อมูลล่าสุด ในพื้นที่ชลบุรี มีที่อยู่อาศัยแนวราบเหลือขายสะสมประมาณ 21,561 ยูนิต มูลค่ากว่า 62,689 ล้านบาท ส่วนปริมาณที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมเหลือขายสะสมประมาณ 22,853 ยูนิต มูลค่ากว่า 65,192 ล้านบาท และคาดว่าใน 2559 จำนวนยูนิตจะแซงหน้าเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้ไม่ยาก” นายปริญญากล่าว
สำหรับแผนในการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปี 2559 นั้น นายปริญญาเปิดเผยว่าจะยังคงเน้นการพัฒนาโครงการที่โฟกัสทั้งตลาดเช่าและขายในสัดส่วน 30: 70 เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงทั้งในช่วงที่เศรษฐกิจขาขึ้นและขาลง
โดยในส่วนของตลาดเช่า บริษัทจะกระจายสินค้าให้ครอบคลุมในทุกๆ กลุ่มเป้าหมายทั้งระดับกลางที่เป็นนักศึกษาและคนทำงาน จนกระทั้งไปถึงกลุ่มนักธุรกิจ นักท่องเที่ยว และชาวต่างชาติ ในขณะที่ตลาดขาย บริษัทจะมุ่งเน้นเจาะตลาดระดับบน ในทำเลที่มีศักยภาพคือเน้นทำเลติดถนนสายหลัก
ทั้งนี้ ในปีนี้ บริษัทได้เริ่มพัฒนาโครงการโรงแรมหรูความสูง 44 ชั้น ในทำเลศรีราชา ได้แก่ โครงการ “อาทาระ โฮเทล ศรีราชา” (Atara Hotel Sriracha) บนเนื้อที่ 12 ไร่ใกล้กับโรบินสันศรีราชาและห่างจากโรงพยาบาลพญาไทประมาณ 300 เมตร มูลค่าโครงการรวมกว่า 7,000 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างในส่วนของฐานราก และคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการเพื่อรองรับชาวไทยและชาวต่างชาติได้ในปี 2561
ส่วนในช่วงต้นปี 2559 นั้น บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการบ้านจัดสรรระดับพรีเมียมภายใต้แบรนด์ “แอสเทรา” บนเนื้อที่โครงการรวม 28 ไร่ติดถนนพระราม 2 ขณะนี้ได้ดำเนินการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค และบ้านตัวอย่างอยู่
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ ประจำ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่
