แบงค์เกียรตินาคินแนะจับตาตลาดอสังหาฯ เช่า ทั้งอพาร์ทเมนต์-โรงแรมยังคงเติบโตได้ดีในปี 58 ในขณะที่ยอดขายที่อยู่อาศัยช่วง 2 เดือนแรกเริ่มฟื้น โดยเฉพาะโครงการแนวราบ แต่คอนโดฯ ยังคงเป็นสินค้าที่หนุนให้ตลาดปีแพะขยายตัว
นายศราวุธ จารุจินดา ประธานสายสินเชื่อธุรกิจ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) บริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมและข้อมูลจาก บล. ภัทร ประเมินว่าในปี 2558 นี้ ตลาดที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะขยายตัวประมาณ 17% โดยมีมูลค่าประมาณ 400,000 ล้านบาท
สำหรับการเติบโตของตลาดในปีนี้ คาดว่าจะมาจากการเปิดตัวใหม่ของโครงการคอนโดมิเนียม แต่หากพิจารณาจากยอดขายในช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมา พบว่าการฟื้นตัวของยอดขายของผู้ประกอบการรายใหญ่ส่วนใหญ่มาจากที่อยู่อาศัยแนวราบ ส่วนอัตราการขายของโครงการคอนโดมิเนียมยังไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากยังไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่อย่างชัดเจน
ด้านนางจิราภรณ์ ลินมณีโชติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) คาดว่าในปีนี้จะมีซัพพลายใหม่เพิ่มขึ้น 16% มาอยู่ที่ 132,000 ยูนิต ในจำนวนนี้คาดว่าจะเป็นคอนโดมิเนียมประมาณ 56% โดยการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ ผู้ประกอบการรายใหญ่จะเน้นการเปิดตัวโครงการในช่วงครึ่งปีหลัง โดยการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมจะมีมากในช่วงไตรมาส 2 และ 4
ดร. ปิยศักดิ์ มานะสันต์ อำนวยการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทิศทางภาคอสังหาริมทรัพย์เพื่อการเช่าของไทยในปีนี้มีการขยายตัวใกล้เคียงกับอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย ทั้งนี้เป็นผลมาจากภาพรวมเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยตลาดที่อยู่อาศัยเพื่อการเช่าน่าจะได้รับอานิสงส์จากปัจจัยบวกอย่างการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล, การจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และจำนวนแรงงานจบใหม่ที่มากขึ้น และจากจำนวนชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศมีจำนวนมากขึ้น
ทั้งนี้ หากแบ่งกลุ่มภาคอสังหาริมทรัพย์เพื่อการเช่าเป็น 4 กลุ่ม จะพบว่า (1) เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์สำหรับชาวต่างชาติน่าจะขยายตัวได้ดีขึ้นที่ประมาณ 4% เนื่องจากความเชื่อมั่นของนักธุรกิจต่างชาติที่เริ่มฟื้นตัว (2) ตลาดหอพักสำหรับพนักงานโรงงานน่าจะขยายตัวต่อเนื่องที่ระดับประมาณ 2% ตามการขยายตัวของโรงงานและคนงานทั่วประเทศ โดยคาดว่าจังหวัดที่น่าสนใจได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมแถบระยอง ชลบุรี นครปฐม และสมุทรปราการ (3) ตลาดอพาร์ทเมนต์สำหรับพนักงานบริษัทน่าจะขยายตัวต่อเนื่องที่ระดับประมาณ 3% ตามการขยายตัวของอาคารสำนักงาน และ (4) อพารท์เมนต์และหอพักสำหรับนิสิตนักศึกษาน่าจะมีทิศทางทรงตัวจากปีก่อน ตามการทรงตัวของปริมาณนิสิตนักศึกษาทั้งประเทศ
ส่วนภาคธุรกิจโรงแรมนั้น แม้ในปี 2557 รายได้จากบริการด้านโรงแรมจะหดตัวประมาณ -7% ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงเนื่องจากสถานการณ์ทางการเมือง แต่เป็นที่คาดการณ์ว่าในปี 2558 นี้ภาคธุรกิจดังกล่าวอาจฟื้นตัวที่ประมาณ 8% ตามนักท่องเที่ยวชาวเอเชียและแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ขณะที่ในระยะกลางอาจขยายตัวต่อเนื่องจากหลายปัจจัยสนับสนุน เช่น นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่ทำให้ชาวอาเซียนติดต่อธุรกิจในไทยมากขึ้น และปัจจัยจากสายการบินราคาถูกที่เติบโตดี เป็นต้น
ทั้งนี้ เกียรตินาคินมองว่า ในระยะต่อไปโรงแรมระดับกลาง-ล่างอาจขยายตัวได้ดีกว่าระดับบน โดยเฉพาะโรงแรมราคาประหยัด (Budget Hotel) เนื่องจากราคาถูกกว่า สามารถจับตลาดนักท่องเที่ยวเอเชียและไทย รวมทั้งนักธุรกิจไทยได้ดี โดยเฉพาะโรงแรมที่เป็นสาขาของผู้ประกอบการรายใหญ่ แต่หากผู้ประกอบการรายเล็กสามารถสร้างความแตกต่างและความประทับใจได้ก็จะสามารถขยายตัวได้ดีเช่นกัน โดยทำเลที่ธุรกิจโรงแรมน่าจะเติบโตได้ดีในระยะต่อไป ได้แก่ จังหวัดหลักด้านการท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต พังงา เชียงราย จังหวัดที่ได้แรงสนับสนุนจากการค้าชายแดน เช่น สงขลา หนองคาย และจังหวัดที่ได้แรงสนับสนุนจากการค้าการผลิต เช่น สมุทรสงครามและลำพูน เป็นต้น
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com
อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่