เจแอลแอลชี้ดีมานด์ในตลาดอสังหาฯ ของอาเซียนมีแนวโน้มขยายตัว ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงด้านความโปร่งใส รวมไปถึงข้อกฎหมายและการเมือง แต่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น
จากบทวิเคราะห์รายงาน ‘The Emerging Powerhouse of Southeast Asia: What does it mean for Real Estate Investors?’ โดยบริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล (โจนส์ แลง ลาซาลล์) ระบุว่าการขยายฐานของกลุ่มชนชั้นกลาง การเติบโตตัวของเมือง และข้อได้เปรียบในแง่ของการมีแรงงานต้นทุนต่ำส่งผลให้ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ ของประเทศในอาเซียนขยายตัวเพิ่มขึ้น
เจแอลแอลระบุว่า นอกเหนือจากจีน บริษัทหลายแห่งเลือกประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะเวียดนาม เมียนมาร์ และไทย เป็นฐานการผลิตหรือฐานประกอบธุรกิจที่มีต้นทุนต่ำ
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีประชากรเพิ่มขึ้น 18 ล้านคนต่อปี นั่นทำให้มีการโยกย้ายของประชากรจากชนบทเข้าสู่เมืองมากขึ้น โดยคาดว่าภายในปี 2563 การขยายตัวของเมืองของประเทศในแถบนี้จะมีอัตราสูงกว่า 50% จากปัจจุบันอยู่ที่ 47% และกลุ่มชนชั้นกลางจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีก 70 ล้านคน
แนวโน้มต่างๆ ดังกล่าว คาดว่าจะมีผลทำให้ความต้องการในตลาดอสังหาริมทรัพย์ขยายตัว โดยเฉพาะศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ อาคารสำนักงานในกรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์ ที่อยู่อาศัยและอสังหาริมทรัพย์ในภาคโลจิสติกส์ในกรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย
สำหรับกรุงเทพฯ หลังจากที่สถานการณ์ทางการเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้นภายหลังการปฏิวัติเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ส่งผลให้กิจกรรมการเช่าในตลาดอาคารสำนักงานและศูนย์การค้ากลับมาคึกคักมากขึ้น ซึ่งในส่วนของธุรกิจศูนย์การค้ามีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากการมีฐานที่กว้างของกลุ่มชนชั้นกลางซึ่งมีกำลังการซื้อสูง
ในขณะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของเมียนมาร์กำลังได้รับอานิสงส์จากการลงทุนและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดี แม้จะมีนักลงทุนสถาบันจำนวนหนึ่งสนใจลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ แต่ก็มีนักลงทุนอีกจำนวนมากที่ไม่พร้อมรับความเสี่ยงจากปัจจัยทางการเมือง และความไม่ชัดเจนของโครงสร้างกฎหมายการถือครองที่ดินโดยต่างชาติ
ดร. ฉั่ว หยาง เหลียง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย เจแอลแอล ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “นักลงทุนที่ต้องการลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่จะพบว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก เนื่องจากมีอสังหาริมทรัพย์คุณภาพดีเสนอขายในตลาดน้อยมาก แต่ยังสามารถลงทุนด้วยวิธีการอื่นได้ ดังจะเห็นได้จากการมีนักลงทุนต่างชาติที่ยังสามารถหาผลประโยชน์จากการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทศูนย์การค้าในภูมิภาคนี้ได้ด้วยการร่วมลงทุนหรือการซื้อหุ้นของบริษัทผู้พัฒนาโครงการ”
ด้านนายคริส ฟอสสิค กรรมการผู้จัดการ เจแอลแอล ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวสรุปว่า “มีหลายปัจจัยที่จะเอื้อให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตต่อไปได้ แม้บางประเทศจะยังคงมีปัญหาในเรื่องของความโปร่งใส และปัจจัยเสี่ยงด้านกฎหมายและการเมือง แต่ปัญหาดังกล่าวเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และปัจจัยเสี่ยงบางประการอาจลดลงได้”
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กาญจนา พาหา บรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ kanchana@ddproperty.com
อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่