โนเบิลฯ ลุยเปิดคอนโด 4 โครงการใหม่ ปี ‘ 59 นำร่อง “Noble BE19” เปิดขายตารางเมตรละ 1.8 แสนบาท
นายกิตติ ธนากิจอำนวย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภาพรวมเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกในปี 2559 แม้จะมีความผันผวนจากปัจจัยลบหลายๆประการ แต่ยังเชื่อว่าภาคธุรกิจยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ประกอบกับทางบริษัทเอง มีความมั่นใจในทำเลที่ตั้งโครงการ โปรดักส์สินค้า และทีมงานที่มีศักยภาพ
โดยในปีนี้บริษัท มีวางแผนลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม 4 โครงการมูลค่า 11,000 – 12,000 ล้านบาท โดยจะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีแรก 2 โครงการและครึ่งปีหลังอีก 2 โครงการ นอกจากนี้บริษัทยังได้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 6,800-7,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 61% จากปี 58 ที่มียอดขาย 2,600 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) จำนวน 20,000 ล้านบาท โดยปีนี้จะรับรู้จากโครงการโนเบิล เพลินจิตกว่า 10,000 ล้านบาท ในส่วนของทีดิน ปัจจุบันมีที่ดินรอบรับการพัฒนาในอนาคตทั้งหมด 6 แปลงด้วยกัน รวมกับที่ดินย่านแจ้งวัฒนะ พร้อมทั้งตั้งงบซื้อที่ดินในปีนี้อีก 2,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจในปีนี้จะมีความผันผวนจากปัจจัยลบหลายด้าน แต่ทางบริษัทเชื่อมั่นว่าในความผันผวนกลับมีความแน่นอนในการทำธุรกิจ นอกจากนี้เรายังมั่นใจในศักยภาพของเรา มั่นใจทำเล โปรดักส์ รวมทั้งทีมงานที่มีศักยภาพ ทำให้กล้าที่จะลงทุนมากในปีนี้ ต่างจากปีที่แล้วที่บริษัทไม่กล้าลงทุน เพราะภาพรวมของตลาดและเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ทำให้ยอดขายและรายได้น้อยของบริษัทออกไม่ดีเท่าที่ควร
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2558 มียอดขาย 2,600 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิจำนวน 467.66 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานของปี 2557 ซึ่งมีผลกำไรสุทธิ จำนวน 163.25 ล้านบาท โดยมีสาเหตุจากการรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ลดลง โดยมีรายได้จากการขายและธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 286.75 ล้านบาท ลดลง 1,917.85 ล้านบาท สาเหตุหลักเนื่องมาจากโครงการคอนโดมิเนียมของบริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
บริษัทมีรายได้จากการให้เช่าและให้บริการสำหรับในปี 58 มีจำนวน 85.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน 14 ล้านบาท ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 58 มีอัตรา 44.5% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งมีอัตรา 41.3% เนื่องจากการขายและโอนกรรมสิทธิ์โครงการคอนโดมิเนียมที่บริษัทฯได้ปรับราคาขายขึ้นเพื่อให้สอดคล้องต่อราคาตลาดในปัจจุบัน ค่าใช้จ่ายรวมของบริษัทมี จำนวน 802.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน 4.65 ล้านบาท
ล่าสุดโนเบิล ได้เปิดตัวโครงการแรกของปีนี้ “Noble BE19” เป็นอาคารที่พักอาศัยประกอบด้วย Tower A สูง 48 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 384 ยูนิต ละอาคาร Tower B สูง 27 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 202 ยูนิต รวมทั้งสิ้น 586 ยูนิต ขนาดพื้นที่โครงการ 3-2-95 ไร่ มูลค่าโครงการประมาณ 5,900 ล้านบาท โดยมีห้องพักหลากขนาดหลายสไตล์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เริ่มตั้งแต่ 1 ห้องนอน ขนาด 33 ตารางเมตร ไปจนถึง 50 ตารางเมตร ส่วนยูนิตประเภท 2 ห้องนอน เริ่มต้นที่ขนาด 51 ตารางเมตร ไปจนถึง 73 ตารางเมตร รวมถึงเพนท์เฮาส์ แบบ 2 ห้องนอนและ 3 ห้องนอน ขนาด 86-146 ตารางเมตร ซึ่งความพิเศษของห้องพักทุกยูนิต ถูกออกแบบให้โปร่งโล่งสบายด้วย Floor to ceiling สูงถึง 3 เมตร พร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ราคาเริ่ม 6.2 ล้านบาท หรือตารางเมตรละ 1.8 แสนบาทต่อตารางเมตร ส่วนในแง่ของการลงซื้อเพื่อการปล่อยห้องชุดในย่านอโศก สามารถทำรายได้อยู่ที่ 5% ต่อปี
นอกจากนี้ ทางบริษัทยังเตรียมแผนธุรกิจเจาะตลาดกลุ่มนักลงทุนระดับบนในต่างประเทศรวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน AEC ที่มีอัตราการเข้ามาใช้บริการด้านสุขภาพในสถานพยาบาลเอกชนระดับพรีเมียมในกรุงเทพฯเป็นจำนวนมาก เฉลี่ยต่อปีประมาณ 516,000 คน รวมถึงมีแผนการออกโรดโชว์และการทำกิจกรรมโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อจับกลุ่มนักลงทุนที่มีรายได้สูงและกำลังมองหาแหล่งลงทุนใหม่จากสภาพเศรษฐกิจโลกผันผวน ซึ่งเรามองว่าตลาดอสังหาฯในกรุงเทพฯนั้นยังคงเป็นแหล่งลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาดอสังหาฯในฮ่องกง สิงคโปร์ จีน และใต้หวัน ด้วยเม็ดเงินที่น้อยกว่าเพราะราคา Property ต่อตารางเมตรในกรุงเทพฯ ยังคงมีราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับในต่างประเทศประมาณ 40 % ขึ้นไป ในขณะที่อัตราผลตอบแทนต่อการปล่อยเช่าค่อนข้างสูงเม่อเทียบกับหลายประเทศ
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่
