คอนโดฯไฮเอนด์ในกรุงเทพฯยังคงดึงดูดมหาเศรษฐีในเอเชีย-แปซิฟิก

ตลาดอสังหาฯ หรูในไทยยังคงโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะคอนโดฯ ระดับซูเปอร์ไฮเอนด์ใจกลางกรุงเทพฯ ที่ราคาของโครงการใหม่ๆ ที่เปิดตัวพุ่งแรงไม่หยุด โดยบางโครงการเคาะราคาขายอยู่ที่ตารางเมตรละ 500,000 บาท

จากรายงานโดยศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ระบุว่า แม้ตลาดที่อยู่อาศัยระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ในกรุงเทพฯ จะมีลูกค้าที่ค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม นั่นคือกลุ่มมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินอยู่ในครอบครองสำหรับการลงทุนมูลค่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 35.14 ล้านบาท) ขึ้นไป โดยเมื่อปี 2557 มีประมาณกว่า 90,000 รายที่จัดอยู่ในกลุ่มดังกล่าวในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และมีแนวโน้มที่จะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศจีน อินเดีย ไทย และอินโดนีเซีย นั่นหมายถึงโอกาสที่ตลาดอสังหาฯ หรูในภูมิภาคยังคงมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องนั่นเอง

โดยกลุ่มมหาเศรษฐีเหล่านี้มักจะซื้อบ้านหลังที่สองในต่างประเทศ โดยทำเลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ กรุงเทพฯ นั่นเอง จากบทวิเคราะห์ของ EIC โดยเฉลี่ย เหล่ามหาเศรษฐีมักจะเป็นเจ้าของบ้านอย่างน้อย 4 หลัง โดยบ้านหลังที่สอง, สาม และสี่นั้นจะมีขนาดใหญ่กว่าบ้านหลังแรกเป็นเท่าตัวและมีมูลค่ามากกว่าบ้านหลังแรกเกือบ 50%

ปัจจัยที่ทำให้ตลาดบ้านหรูในกรุงเทพฯ เป็นที่ต้องตาต้องใจของมหาเศรษฐีในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกนั้น เนื่องจากราคายังค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับราคาสินค้าประเภทเดียวกันในประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ และยังให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ดีกว่า ในขณะที่สถานการณ์ตลาดก็ดูมีความมั่นคงมากขึ้น ผู้ประกอบการอสังหาฯ ก็มีความน่าเชื่อถือและได้รับการยอมรับจากผู้ซื้อชาวต่างชาติมากขึ้น

นอกจากนี้ อีกหนึ่งปัจจัยที่ EIC มองว่าเป็นตัวช่วยการตัดสินใจของผู้ซื้ออสังหาฯ ในระดับไฮเอนด์ นั่นก็คือ ไลฟ์สไตล์ คือเป็นโครงการที่สะดวกสบาย ตอบโจทย์การใช้ชีวิต โดยโครงการส่วนใหญ่ที่ลูกค้ากลุ่มนี้ซื้อมักจะเป็นโครงการที่อยู่ใกล้กับสถานศึกษาของบุตรหลาน หรือเป็นบ้านพักตากอากาศ ซึ่งหากเป็นอย่างหลัง ทำเลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในไทยก็คือ ภูเก็ต นั่นเอง

ภาพ: โครงการไวร์เลส 98 โดยแสนสิริ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ที่เปิดตัวใหม่ในปีนี้ ปัจจุบันราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ตารางเมตรละ 550,000 บาท และได้รับการตอบรับที่ดี ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ