พีดีเฮ้าส์ฯรีแบรนด์ดิ้งบุกตลาดอาเซียน จุดพลุ “พม่า” ที่แรก

16 พ.ค. 2559

พีดีเฮ้าส์ฯ รีแบรนด์ดิ้งย้ำจุดยืนแผน 5 ปีรุกขยายสู่ประเทศอาเชียน-เออีซี นำร่อง “พม่า” ทีแรก

นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดี เฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ตอกย้ำถึงแผนการตลาด 5 ปีของบริษัทฯ (2016-2020) ว่าเตรียมรุกขยายตลาดรับสร้างบ้านออกไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียนไม่ว่าจะเป็น ลาว กัมพูชา และเมียนมา โดยรูปแบบการลงทุนจะเป็นได้ทั้งการร่วมทุน และระบบแฟรนไชส์รับสร้างบ้าน ล่าสุดบริษัทฯ ได้ทำการเปลี่ยนเครื่องหมายการค้าหรือโลโก้ใหม่ เพื่อต้องการจะสื่อสารแบรนด์พีดีเฮ้าส์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเบื้องต้นประเทศที่คาดว่าพร้อมเป็นที่แรกน่าจะเป็นพม่า ซึ่งจะมีความชัดเจนในอีก2ปีข้างหน้า ตั้งเป้าภายใน 5 ปีนี้ จะพยายามขยายตลาดสู่กลุ่มประเทศอาเซียนให้ได้ 2 – 3 ประเทศ อย่างไรก็ดี การเข้าไปทำตลาดรับสร้างบ้านไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบการร่วมทุน หรือขยายแบบระบบแฟรนไซส์ก็ดี ต้องมีการศึกษาข้อมูลให้ชัดเจน อาจจะต้องใช้เวลาพูดคุยทำความเข้าใจกับพันธมิตรอย่างน้อง 6 – 8 เดือนเป็นอย่างน้อย

การเข้าไปทำตลาดในต่างประเทศ “แบรนด์ไทยสู่ตลาดโลก” จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่เพื่อเป็นการสื่อสารแบรนด์ของพีดีให้ชัดเจนยิ่งขึ้นในสายตากลุ่มนักลงทุนและผู้บริโภคทั่วไป และเพื่อเป็นการสะท้านให้เห็นถึงการเติบโตและมั่นคงในรูปแบบเครื่องหมายการค้ารูปทรงแบบ 3 มิติและยังคงใช้โทนสีเขียว-ฟ้า-เทา บ่งบอกถึงการเป็นมิตรกับธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีทันสมัย

สำหรับผลประกอบการในช่วงไตรมารแรกของปี2559 บริษัทมียอดขายกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยสัดส่วนรายได้จากภาคกลางและกรุงเทพฯประมาณ 30% ภาคอีสาน 30% ภาคใต้ 27% ที่เหลือเป็นของภาคเหนือ อย่างไรก็ดีเห็นว่าความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภคและประชาชนทั่วประเทศในช่วงไตรมาส 2 (เม.ย.-มิ.ย. 2559) มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งนี้ประเมินจากปริมาณผู้บริโภคที่ติดต่อเข้ามา ณ สาขาที่มีอยู่ 41แห่งทั่วประเทศ ยังมีความคึกคักใกล้เคียงกับไตรมาสแรก

k-sitiporn

ส่วนภาพรวมสถานการณ์ตลาดรับสร้างโดยรวมยังมีโอกาสเติบโตโดยเฉพาะระดับราคา 2-4 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนมากถึง40% ขณะที่บ้านระดับราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไปเริ่มชะลอตัว สำหรับประเด็นที่ว่าราคาเหล็กมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น เนื่องจากเหล็กขาดตลาด แต่ก็ไม่ส่งผลทำให้ต้นทุนบ้านแพงขึ้นแต่อย่างใด ซึ่งราคาบ้านจะยังไม่มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นในตอนนี้

ขณะที่ไตรมาส 2 ปี ตลาดโดยรวมยังคงมีการแข่งขันด้านราคากันรุนแรงพอกับอุณหภูมิร้อนแรงในขณะนี้ โดยเฉพาะตลาดรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งนี้บริษัทยังคงเดินกลยุทธ์การตลาดของปีนี้ซึ่งนอกจากการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ภาพรวมของพีดีเฮ้าส์แล้ว บริษัทฯ ยังเน้นกลยุทธ์การตลาดท้องถิ่นโดยวางงบไว้ที่40 ล้านบาทเพื่อดำเนินกิจกรรมการตลาดตลอดทั้งปี รวมทั้งในครึ่งหลังเตรียมออกโปดักส์ใหม่ 8-10 แบบ ซึ่งอยู่ในระดับราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท เพิ่มจากเมื่อต้นปีเปิดแบบบ้านใหม่ไปแล้ว8 แบบ อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาบริษัทได้ออกแคมเปญภายใต้ชื่อ “เย็นใจวันมหาสงกรานต์” เพื่อคืนกำไรและกระตุ้นการตัดสินใจลูกค้า คาดว่า 6 เดือนแรกจะสามารถปิดยอดขายได้ประมาณ 700 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้ที่1,400ล้านบาท

ทั้งนี้ ในส่วนของการขยายระบบแฟรนไชส์นั้น เนื่องจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการชะลอเปิดสาขาแห่งใหม่เอาไว้ ด้วยเพราะกังวลกับปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจที่หดตัว สำหรับในปีนี้ได้มีแผนขยายสาขาแห่งใหม่ เพราะเริ่มมองเห็นการฟื้นตัวของกำลังซื้อดีขึ้น โดยบริษัทฯ จะกลับมาเปิดสาขาเดิมที่หยุดดำเนินการไว้ชั่วคราวในจังหวัดพื้นที่ภาคใต้ ได้แก่ สาขาจังหวัดกระบี่และสุราษฎร์ธานี สำหรับจังหวัดเป้าหมายในภาคเหนือและภาคอีสานที่จะเปิดสาขาแห่งใหม่คือ สาขาจังหวัดนครพนมและเพชรบูรณ์ ทั้งนี้ใช้งบลงทุนเฉลี่ยสาขาละ 4 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะเปิดสาขาอีก 2-3 แห่งเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทไม่ได้ตั้งเป้าจะเปิดให้ครบโดยเร็ว แต่จะประเมินสถานการณ์และเศรษฐกิจให้รอบคอบ และปรับแผนตามสถาการณ์ หากเศรษฐกิจและการเมืองมีความเสี่ยง ปัจจุบัน มีสาขาทั้งหมดทั่วประเทศ 41 แห่งด้วยกัน

อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี้

เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย สิณีวรรณ เทศปัญ กองบรรณาธิการ DDproperty.com หากมีคำถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ sineewan@ddproperty.com

เขียนความเห็น

ข่าว-บทความอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ