เปิดลงทะเบียนผู้ที่มีรายได้น้อยกว่า 1 แสนบาท รับสวัสดิการจากรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.–15 ส.ค.นี้ ผ่านธนาคารออมสิน กรุงไทย และ ธ.ก.ส.
นายพรชัย ฐีระเวช รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะ รัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยให้รัฐบาลมีข้อมูลที่ถูกต้อง และจะนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ในการจัดสวัสดิการเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยอย่างเหมาะสมต่อไป จึงขอเชิญชวนประชาชนผู้มีรายได้น้อยมาลงทะเบียนระหว่างวันที่ 15 ก.ค.-15 ส.ค.นี้
สำหรับคุณสมบัติของผู้มีสิทธิลงทะเบียน คือ 1.มีสัญชาติไทย 2.อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป โดย ต้องเกิดก่อนวันที่ 16 ส.ค.2541 3.ว่างงานหรือมีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทในปี 2558 ทั้งนี้ ผู้ลงทะเบียนจะต้องยินยอมเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตน เช่น รายได้ การถือครองทรัพย์สินหนี้สินที่คงค้าง เป็นต้น เพื่อให้รัฐบาลมีข้อมูลสำหรับนำไปใช้ในการจัดทำสวัสดิการของรัฐ โดยหลักฐานที่ต้องใช้ในการลงทะเบียนคือ บัตรประจำตัวประชาชน ส่วนสถานที่ลงทะเบียนคือ สาขาของธนาคารเฉพาะกิจ 3 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยสามารถลงทะเบียนได้ที่ธนาคารใดธนาคารหนึ่งเท่านั้น
ส่วนวิธีการลงทะเบียน มี 2 วิธี คือ วิธีที่ 1 คือ การกรอกแบบลงทะเบียน ณ ธนาคาร โดยยื่น บัตรประชาชนให้แก่เจ้าหน้าที่ของธนาคาร รับแบบ ลงทะเบียนจากเจ้าหน้าที่ธนาคาร แล้วกรอกแบบลงทะเบียน พร้อมทั้งลงลายมือชื่อด้วยตนเอง หลัง จากนั้นเจ้าหน้าที่ธนาคารจะให้เอกสารเป็นหางตั๋วแผ่นเล็กๆ ให้ผู้ลงทะเบียนเก็บไว้เพื่อเป็นหลักฐานการลงทะเบียน ส่วนวิธีที่ 2 คือ การกรอกแบบลงทะเบียนจากสถานที่อื่น แล้วจึงนำมายื่นที่ธนาคาร โดยให้ดาวน์โหลดแบบลงทะเบียนจากเว็บไซต์ของกระทรวงการคลัง ธ.ก.ส. ธนาคารออมสิน หรือธนาคารกรุงไทย จากนั้นกรอกแบบลงทะเบียนพร้อมทั้งลงลายมือชื่อด้วยตนเองและติดต่อที่สาขาของธนาคาร โดยยื่นบัตรประชาชนพร้อมทั้งแบบลงทะเบียนให้แก่เจ้าหน้าที่ของธนาคาร ซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคารจะให้เอกสารเป็นหางตั๋วแผ่นเล็กๆให้ผู้ลงทะเบียนเก็บไว้เพื่อเป็นหลักฐานการลงทะเบียน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2559 เป็นต้นไป
ผู้ลงทะเบียนสามารถเข้าไปที่หน้าเว็บไซต์ของกรม สรรพากรแล้วกรอกหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนของตนเอง โดยระบบจะแจ้งผลการลงทะเบียนให้ทราบว่าได้ลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วหรือไม่
นายพรชัยกล่าวยืนยันว่า ข้อมูลดังกล่าวจะไม่มีการรั่วไหล และจะไม่เป็นข้อมูลสำหรับการลงทะเบียนผู้เสียภาษี แต่จะถูกจัดเก็บเพื่อให้รัฐประเมินเรื่องการจัดสวัสดิการให้แก่ผู้มีรายได้น้อย หากผู้ใดยังไม่มาลงทะเบียนสามารถลงทะเบียนได้ในครั้งต่อไป โดยกระทรวงการคลังจะเปิดให้มีการลงทะเบียนปีละ 1 ครั้ง ทั้งนี้ สศค.คาดว่าจะมีผู้ที่มาลงทะเบียนราว 50% หรือ 5 คนล้าน จากบุคคลที่ได้รับสวัสดิการรัฐในขณะนี้ 10 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้ได้รับสวัสดิการเรื่องเบี้ยยังชีพประมาณ 8 ล้านคน
“ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องข้อมูลของผู้มีรายได้น้อยที่จะมาทำนโยบายเพื่อช่วยเหลือยกตัวอย่างเช่น การทำอีเพย์เมนต์เรื่องเบี้ยยังชีพ ปรากฏพบว่ามีผู้เสียชีวิตแต่ยังได้รับเบี้ยยังชีพอยู่จำนวนหนึ่งหรือราว 100,000 ราย ทำให้งบ ประมาณไม่ได้ถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างแท้จริง ดังนั้น การทำข้อมูลครั้งนี้ ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้การจัดสรรงบประมาณตามนโยบายตรงเป้าหมายมากยิ่งขึ้น”
ทั้งนี้ ทางรัฐบาลคาดหวังว่าจะมีประชาชนให้ความสนใจลงทะเบียนกับธนาคารเฉพาะกิจทั้ง 3 แห่ง เพราะการลงทะเบียนดังกล่าวจะทำให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยสามารถรับสวัสดิการของรัฐบาลที่มีอยู่ในปัจจุบัน และที่จะเพิ่มเติมในอนาคตได้อย่างถูกฝาถูกตัวมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากและยังทำให้รัฐบาลไม่ต้องใช้มาตรการเหวี่ยงแหอีกต่อไป ทำให้ประหยัดเงินงบประมาณและลดการทุจริตได้ด้วย
อัพเดทข่าวอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่
เรื่องข้างต้นนี้เขียนโดย กองบรรณาธิการ DDproperty.com